บทที่ 446 ตกลงเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่!
อันที่จริงหัวหน้าแผนกวิสัญญีก็ตกตะลึงเช่นกัน คนที่เย็บหลอดเลือดเล็กบริเวณม้ามถึงขั้นนี้ได้จะมีแค่ความสามารถเพียงอย่างเดียวไม่ได้! แต่จะต้องมีความรับผิดชอบและความมั่นใจด้วย!
เขาเป็นวิสัญญีแพทย์มานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหมอที่เย็บหลอดเลือดเล็กบริเวณม้ามได้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการผ่าตัด หรือเรื่องที่ว่ามีกี่คนที่เย็บได้เลย แต่จะมีกี่คนกันเชียวที่เต็มใจเย็บมัน!
ม้ามแตกเช่นนี้ หากคิดจะรักษาก็ต้องมีระบบไหลเวียนโลหิตที่ดี ทว่าการตัดม้ามและการเย็บซ่อมม้ามส่วนที่เสียหายล้วนเป็นการผ่าตัดเพื่อรักษาม้ามแตกทั้งสิ้น! ส่วนที่ซ่อมแซมได้ก็ซ่อมแซม ส่วนที่ซ่อมแซมไม่ได้ หรือเนื้อเยื่อตายหมดแล้วก็ต้องตัดทิ้ง
ส่วนที่เสียหายจนซ่อมแซมไม่ได้ก็เป็นเพราะขาดเลือดไปเลี้ยงจนทำให้เซลล์ตาย ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เฉินชางทำในตอนนี้ก็เพื่อรักษาม้ามของผู้ป่วยไว้ให้ได้ ต่อให้รักษาไว้ได้เพียงเล็กน้อยก็ยังมีประโยชน์ใหญ่หลวงต่อสุขภาพของผู้ป่วยในภายหลัง
โครงสร้างอันซับซ้อนของหลอดเลือด รวมไปถึงเนื้อเยื่อม้ามอันเละเทะล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้การผ่าตัดนี้ยากขึ้นทั้งสิ้น!
โชคดีที่เป็นเฉินชาง! หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงบอกบ๊ายบายกับม้ามแตกพวกนี้ไปแล้ว เพราะการเย็บหลอดเลือดจะทำให้การผ่าตัดอันตรายยิ่งขึ้น! ดังนั้นแม้จะพูดออกไปว่าจะทำ แต่เสียงโน้มน้าวกล่าวเตือนกลับมีมากกว่า
หากถามว่ายากหรือไม่ ก็ต้องยากมากแน่นอน!
หากถามว่าเหนื่อยหรือไม่ จะไม่เหนื่อยได้อย่างไร!
ทำงานที่ต้องใช้ทั้งความละเอียดและประณีตเช่นนี้จะทนทำไปได้นานแค่ไหนกันเชียว ทว่าเมื่อคิดถึงสภาพเด็กชายที่กำลังร้องไห้คนนั้น เฉินชางก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้คุ้มค่าแล้ว
เพราะเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงมีท่าทียินดีและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาโครงสร้างเนื้อเยื่อของม้ามและปกป้องระบบการทำงานของมันให้ดีที่สุด
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เฉินชางทำตั้งอยู่บนหลายเงื่อนไข
การรักษาเส้นเลือดเล็กบริเวณม้ามเช่นนี้ คนอื่นอาจคิดว่าไร้ประโยชน์ แต่หากมันช่วยรักษาม้ามเอาไว้ได้ส่วนหนึ่ง สำหรับผู้ป่วยก็เท่ากับรักษาคุณภาพชีวิตเอาไว้ได้ส่วนหนึ่ง
หลี่เป่าซานมองดูหลอดเลือดที่เฉินชางเย็บซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในดวงตาอัดแน่นไปด้วยความชื่นชมยากบรรยาย!
เถามี่ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน
ที่พวกเขาตื่นเต้นและกระตือรือร้นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเฉินชางเก่ง แต่เป็นเพราะนี่ทำให้พวกเขามั่นใจเรื่องสุขภาพของผู้ป่วยมากขึ้นอีกหลายส่วนแล้ว
เฉินชางวางเข็มเย็บลงแล้วพูดกับหลี่เป่าซานว่า “ให้ผมตัดม้ามเถอะครับ ตอนนี้ผมเข้าใจสภาพม้ามของผู้ป่วยดี รู้ว่าควรตัดตรงไหน หรือไม่ควรตัดตรงไหน”
หลี่เป่าซานมองความเด็ดเดี่ยวที่อัดแน่นอยู่ในดวงตาของเฉินชาง เขาไม่ได้ปฏิเสธ ทำเพียงพยักหน้ารับ แต่ก็ยังกำชับไปว่า “ระวังด้วยนะครับ!”
เฉินชางพยักหน้า! จากนั้นจึงหันไปรับมีดผ่าตัด
ในกรณีที่ม้ามแตก การเย็บหลอดเลือดทั้งหมดไม่อาจช่วยรักษาม้ามได้ทุกส่วน นี่เป็นเพราะลักษณะโครงสร้างและกายวิภาคของม้าม ตอนนี้แม้ส่วนประตูม้าม (hilum lienis) และส่วนกลางของม้ามของผู้ป่วยจะสูบฉีดโลหิตได้ดีแล้ว แต่รอบนอกก็ยังต้องตัดออก!
เฉินชางยกม้ามออกมานอกแผลผ่าตัดอย่างระมัดระวัง!
ดวงตาของเขากวาดมองม้ามไม่หยุดเพื่อหาเนื้อเยื่อม้ามที่ตายแล้วราวกับเครื่องสแกน
แม้เฉินชางจะมีทักษะการผ่าตัดม้าม แต่ก็เป็นเพียงทักษะระดับต้น เขาจึงยอมจ่ายคะแนนทักษะเพื่อพัฒนาระดับทักษะไปให้ถึงระดับปรมาจารย์โดยไม่ลังเล!
เฉินชางมีคะแนนทักษะอยู่เกือบสามสิบแต้ม เขาใช้ไปหกแต้มเพื่อทำให้ทักษะพัฒนาไปถึงระดับปรมาจารย์ ที่ทำเช่นนี้เพราะเขาจำเป็นต้องระมัดระวังให้มาก เนื่องจากความเสียหายใดๆ แม้จะเล็กน้อยแต่ก็เป็นการทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ ม้ามเช่นกัน
ความอันตรายของการตัดม้ามอยู่ที่การเสียเลือดมากระหว่างผ่าตัด ทว่าม้ามของผู้ป่วยในตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นเพราะข้างในเต็มไปด้วยเลือด เนื้อเยื่อก็ค่อนข้างเปราะบางและยังมองยากมาก ดังนั้นเฉินชางจึงต้องยกม้ามออกมานอกแผลผ่าตัด ยังดีที่ขั้วเชื่อมม้ามค่อนข้างยาว มิฉะนั้นคงต้องทรมานกันมากกว่านี้
หลี่เป่าซานและเถามี่มองดูเฉินชางอย่างใจจดใจจ่อด้วยกลัวว่าจะเกิดปัญหา เนื่องจากการเสียเลือดก่อนหน้านี้ทำให้มีพังผืดบริเวณขั้วม้ามจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัดอยู่บ้าง ทว่าห้ามทำให้ขั้วม้ามฉีกขาดเด็ดขาด! มิฉะนั้นจะมีเลือดออกมากอีกครั้ง!
จะกล่าวเช่นนี้ก็ย่อมได้ ม้ามก็เปรียบเสมือนซาลาเปาที่มีไส้และน้ำซุปมากแต่แป้งบาง และตอนนี้แป้งบางๆ ข้างนอกก็เสียหายไปจำนวนหนึ่งแล้ว จะต้องตัดส่วนที่เสียหายนี้ออก ซึ่งต้องทำอย่างระมัดระวังและตั้งใจ ห้ามทำให้เลือดออกมากอีกเด็ดขาด!
นี่เป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดและประณีตอย่างสูง
ต้องตั้งใจและระมัดระวัง!
นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหลี่เป่าซานจึงวางใจให้เฉินชางเป็นคนทำ เขาทราบดีว่ามือของเฉินชางนิ่งจนน่ากลัว
เฉินชางจับมีดผ่าตัด กรีดลงบริเวณที่ดวงตาของเขาเห็นเป็นสีดำที่อยู่รอบนอกส่วนสีแดงไปทีละชั้น
ทุกคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดมองดูขั้นตอนนี้ด้วยความตึงเครียด! กระทั่งหัวหน้าแผนกทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างเฉินชางก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความรอบคอบอย่างยิ่ง
ตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว เฉินชางทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดเช่นนี้มาสองชั่วโมงแล้ว ไม่ว่าจะมองเช่นไรก็น่าตกใจ
นอกจากตัดเนื้อเยื่อม้ามก็ต้องมีการผูกเส้นเลือดด้วย เถามี่เข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้
เฉินชางตัด เถามี่ผูก ทั้งสองทำงานส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้การผ่าตัดดำเนินไปอย่างรวดเร็ว!
ในที่สุดการตัดม้ามก็เสร็จสิ้น หลังจากนี้ก็คือการเย็บ ทว่าเฉินชางเหนื่อยมากแล้วจริงๆ เขาต้องก้มตัวตลอดเวลาทำให้ชาที่หลังบ้างแล้ว เขาวางมีดผ่าตัดลง จากนั้นจึงบิดเอวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้า ทว่ายังไม่คิดใช้ทักษะฟื้นฟูที่ติดมากับชุดผ่าตัดของนอร์แมนเบธูนในตอนนี้ เพราะนี่คือการผ่าตัดช่วยชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร
หลี่เป่าซานเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวผมทำเองครับ”
เฉินชางไม่ได้ปฏิเสธ
หลี่เป่าซานเย็บม้ามมาหลายร้อยเคสแล้วจึงไม่มีเหตุการณ์เหนือคาดอะไรเกิดขึ้น
เมื่อจัดการม้ามเสร็จก็ต้องรักษาเนื้อเยื่อและอวัยวะในช่องท้องส่วนอื่นต่อไป ซึ่งงานต่อไปก็คือการทำ Anastomosis หรือการเชื่อมประสานลำไส้
ตอนนี้เอง จู่ๆ หลี่เป่าซานก็วางไหมสำหรับเย็บลง มองเฉินชางด้วยอาการลังเลเล็กน้อย…เขาเห็นเฉินชางเย็บลำไส้มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้งก็ทำได้ดีมาก ทว่าคิดแล้วหลี่เป่าซานก็ต้องส่ายหน้า เย้ยหยันตัวเองในใจ
ตัวเขามีฐานะเป็นหัวหน้าแผนก รู้จักโยนภาระงานไปให้รุ่นน้องตั้งแต่เมื่อไรกัน! เขาคือหลี่เป่าซาน หนึ่งในสี่หมอที่มีชื่อเสียงที่สุดของแผนกฉุกเฉินประจำมณฑลตงหยาง จะทำเช่นนี้ไม่ได้
ต้องตำหนิไอ้หมอนี่ที่ยอดเยี่ยมเกินมนุษย์มนา
คิดแล้วหลี่เป่าซานก็อดยิ้มไม่ได้ บนร่างมีประกายความมั่นใจแผ่ออกมา
สภาพช่องท้องของผู้ป่วยตอนนี้ไม่อาจทำให้วางใจได้เลย ลำไส้มีสภาพเละเทะ ลำไส้ส่วนหนึ่งเลื่อนไปถึงช่องอกแล้วด้วยซ้ำ! กระบังลมก็ฉีกขาดไปแล้ว!
ในตอนนี้หลี่เป่าซานถึงกับกลืนน้ำลายดังอึก เขากำลังแย่ นี่ต้องรักษาส่วนกระบังลมและลำไส้ไปพร้อมกัน แต่ตัวเขาไม่เชี่ยวชาญการรักษากระบังลม
จะทำอย่างไรดี
ตอนนี้เฉินชางได้พักไปครึ่งชั่วโมงกว่า พลังกายจึงฟื้นกลับคืนมาแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวอาสาขึ้นเองว่า “หัวหน้าครับ เดี๋ยวผมทำส่วนกระบังลม คุณก็รับผิดชอบส่วนลำไส้ไป ดีไหมครับ”
ประโยคนี้ทำให้หลี่เป่าซานลอบตกใจ “คุณเย็บรักษากระบังลมเป็นด้วยหรือ”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ! ทำเป็นครับ”
เถามี่และหัวหน้าแผนกวิสัญญีที่อยู่ข้างๆ ตกใจจนตาค้างไปนานแล้ว
ไอ้หนูนี่…เป็นแค่แพทย์ดูแลไข้จริงหรือ
หากเฉินชางบอกว่าตัวเองเป็นหัวหน้าแผนกพวกเขาก็คงเชื่อ เพราะนอกจากเรื่องที่เฉินชางมีผมหนาดกดำซึ่งไม่เหมาะกับมาดหัวหน้าแผนกแล้ว ส่วนอื่นเขาไม่ขาดไปแม้แต่อย่างเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น เขาช่างเป็นแพทย์ดูแลไข้ที่ดุดันเหลือเกิน!
อะไรก็ทำเป็นหมด รักษาม้ามก็ทำเป็น ผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจก็ทำเป็น เย็บหลอดเลือดก็ทำได้ คิดไม่ถึงว่าจะรักษากระบังลมได้ด้วย!
นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่!