บทที่ 455 ทีวีเสียแล้วใครจะชดใช้
มีคำกล่าวที่ว่า คนวงในดูช่องทาง คนวงนอกดูเอามัน! ความหมายของประโยคนี้ช่างเข้ากับสถานการณ์นี้อย่างเหมาะเจาะจริงๆ
ฉินเสี้ยวหยวนเป็นหัวหน้าแผนกเนื้องอก เป็นหมออายุรกรรม รู้เรื่องการผ่าตัดเพียงเล็กน้อย สำหรับชาวบ้านทั่วไปเขาอาจเป็นคนวงใน แต่เมื่อเทียบกับหัวหน้าแผนกกลุ่มนี้แล้ว ถือว่าอยู่วงนอกโดยสิ้นเชิง
ทว่า…ไม่เข้าใจก็ส่วนไม่เข้าใจ! นี่ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางความระริกระรี้ของเขาเลย อีกทั้งตอนนี้เหล่าฉินรู้สึกดีแทนเฉินชางไปหมดแล้ว แม้พวกเขาจะชื่นชมเฉินชาง แต่เหล่าฉินกลับสบายไปทั้งใจ!
โจวหงกวงพยักหน้า “ครับ พวกคุณดูตรงนี้ หลอดเลือดมีลักษณะคดเคี้ยวมาก แต่ยังใช้วิธีการแบบนั้นจัดการกับหลอดเลือดที่มีลักษณะพิเศษแบบนี้ได้…”
เฉียนเลี่ยงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เขาลุกขึ้นยืนเดินไปตรงหน้าจอมอนิเตอร์ ชี้ไปรอบนอกของตับ “ดูตรงนี้สิครับ อันที่จริง…จะเย็บตรงนี้ก็ได้ แต่เสี่ยวเฉินไม่สนใจ ตอนแรกผมก็คิดว่าทำไม สุดท้ายถึงรู้ว่าเขาคิดถึงเรื่องตัดม้ามด้วย…”
คำพูดนี้ทำให้หลี่เป่าซานถึงกับตบขาตัวเองไปหนึ่งฉาด ทำไมตอนนั้นเขาคิดไม่ถึงนะ
ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าแผนกทั้งห้าจึงร่วมกันเข้ามาชี้มือชี้ไม้อธิบายราวกับแสดงละคร ยิ่งนานไปก็ยิ่งสนุก! ยังมีอยู่สองคนที่เป็นผู้ชม คนหนึ่งคือฉินเสี้ยวหยวน อีกคนหนึ่งก็คือข่งย่วนย่วน
เหล่าฉินสุขใจจริงๆ เพราะจะอย่างไรก็เป็นการชื่นชมพนักงานในโรงพยาบาลของตน และเป็นการชื่นชมว่าที่ลูกเขยอีกด้วย!
นี่ทำให้เขาเบิกบานใจขึ้นสองเท่า!
มีความสุขขึ้นสองเท่า!
คิดแล้วในใจของฉินเสี้ยวหยวนก็เต็มไปด้วยรสชาติของความสุข ความพึงพอใจในตัวเฉินชางก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
ลูกสาวเขาตาดีจริงๆ อืม…คืนนี้กลับไปแล้วคงต้องพูดคุยปรึกษากับเธอสักหน่อยว่าให้รีบแต่งงานเร็วๆ อย่างไรเสีย…หัวหน้าแผนกพวกนี้ก็คอยจับจ้องเฉินชางตาเป็นมัน หากมีหัวหน้าแผนกที่มีลูกสาวปรากฏตัวขึ้นมา จะไม่เป็นศัตรูคู่แข่งในอนาคตหรอกหรือ!
ถึงเหล่าฉินจะมั่นใจในยีนของตน แต่…ต่อให้เป็นหินที่หนาเพียงไร หากเจอน้ำหยดลงทุกวันก็คงทนไม่ไหว!
ขณะเดียวกัน ข่งย่วนย่วนกังวลขึ้นมาแล้ว เธอมองหัวหน้าแผนกแต่ละคนชี้มือชี้ไม้ไปที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่ออมแรงจนมีจุดๆ กระจายเต็มหน้าจอราวกับห่วงอวกาศ เสียงพูดคุยดังเข้าหูไม่ขาดสาย รวมไปถึงเสียงนิ้วกระทบหน้าจอดังตึกๆๆ ด้วย
เธอเริ่มกังวลแล้ว!
เธอเป็นเวรกลางคืนของวันนี้…หากโทรทัศน์เสียหายขึ้นมา หัวหน้าพยาบาลหลี่อิงจะเชือดเธอหรือเปล่า หากเธอต้องชดใช้จริงๆ คงต้องจ่ายหลายพันหยวน นี่…เป็นเงินที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา
คิดแล้วข่งย่วนย่วนก็หวาดผวา
เธอหันไปมองผู้อำนวยการฉินเสี้ยวหยวนด้วยสายตาไม่สบายใจก่อนจะเรียกเขาอย่างระมัดระวัง “ผู้อำนวยการคะ…”
ฉินเสี้ยวหยวนกำลังมัวเมาอยู่ในความสุข กำลังสัมผัสความรู้สึกสุขใจเป็นสองเท่า เมื่อได้ยินเสียงเรียกของข่งย่วนย่วนก็ชะงักไปทันที “หือ อะไรครับ”
ข่งย่วนย่วนคิดว่าหากพูดออกมาคงขายหน้าแย่ แต่หากไม่พูดเธอก็กังวล ในที่สุดเธอจึงกระซิบบอกไปว่า “ผู้อำนวยการคะ…ถ้าทีวีพัง ใครต้องชดใช้คะ”
ฉินเสี้ยวหยวน “…”
……
……
สองชั่วโมงต่อมา ทุกคนเดินออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมด้วยอารมณ์ที่ยังคงตกค้าง
วันนี้มีความสุขจริงๆ! นี่คือความรู้สึกของทุกคน
ดั่งคำที่ว่าเมื่อพบคนรู้ใจดื่มสุราพันจอกยังว่าน้อย คราวนี้ได้ดูคลิปผ่าตัดด้วยกันถือเป็นเรื่องดี!
ทำไมพวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
การผ่าตัดเพียงเคสเดียวก็ทำให้คนจริงใจต่อกันได้แล้ว!
ทุกคนเข้าอกเข้าใจกันอย่างดี นัดหมายกันว่าคืนพรุ่งนี้จะไปดื่มเหล้าด้วยกัน วันข้างหน้าจะร่วมผ่าตัดด้วยกัน! ทั้งยังสัญญิงสัญญากันอย่างดีว่าต่อไปนี้หากใครมีคลิปผ่าตัดดีๆ จะต้องเอามาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้กัน ทั้งยังก่อตั้งกลุ่มวีแชทขึ้นมากลุ่มหนึ่งโดยตั้งชื่อกลุ่มว่า ‘กลุ่มแลกคลิป’
อืม ชีวิตของหัวหน้าแผนกศัลยกรรมก็น่าเบื่อเช่นนี้เอง
ก่อนออกเดินทาง โจวหงกวงหันมามองฉินเสี้ยวหยวน กล่าวจากใจจริงว่า “ผู้อำนวยการฉิน หมอของโรงพยาบาลอันดับสองทำให้ผมได้เปิดโลกจริงๆ ครับ ผมเชื่อว่าโรงพยาบาลอันดับสองที่มีคุณเป็นผู้นำจะต้องรุ่งเรืองแน่นอน!”
ฉินเสี้ยวหยวนยิ้ม คิดในใจว่า ยุคของผมก็ไม่แน่ แต่…ถ้าเป็นยุคของลูกเขยผมจะต้องรุ่งเรืองแน่นอน!
“ฮ่าๆ หัวหน้าโจวเกรงใจไปแล้วครับ เอาอย่างนี้แล้วกัน ต่อไปถ้ามีเวลาก็มาบ่อยๆ นะครับ ทางเราและโรงพยาบาล 301 ควรร่วมมือกันให้มากขึ้นเพื่อพัฒนาไปด้วยกัน!”
โจวหงกวงพยักหน้าแล้วกล่าวลา
โจวหงกวงไม่ได้เป็นเพียงหัวหน้าแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีเท่านั้น แต่ยังเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล 301 และเป็นคนที่กำลังจะได้ตำแหน่งนักวิชาการอีกด้วย
อย่างไรก็ดี โจวหงกวงมีนิสัยแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือชอบให้คนอื่นเรียกเขาว่าหัวหน้า หากถูกเรียกว่ารองผู้อำนวยการจะรู้สึกไม่ชิน ถ้าจะใช้คำพูดของเขามาอธิบายก็คือ เกียรติยศที่มาจากตำแหน่งหัวหน้าแพทย์ทำให้เขามีความรู้สึกร่วมได้มากกว่า และคอยย้ำเตือนเขาอยู่เสมอว่าเขาเป็นหมอคนหนึ่ง
ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ตอนนี้ฉินเสี้ยวหยวนผ่อนคลายและมีความสุขมากจนถึงกับเดินฮัมเพลงระหว่างทางกลับบ้าน ร้องเบาๆ ว่า “นกเกาะบนต้นไม้กันเป็นคู่…”
น่าเสียดายที่เขาร้องเป็นแค่ประโยคนี้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในความสุขของเขา ไม่รู้ว่าเขาร้องประโยคนี้ไปกี่รอบกว่าจะมาถึงประตูบ้าน
เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก! พอมองให้ชัดก็พบว่าสองแม่ลูกกำลังกินของกินเล่นกันอยู่ในบ้าน
ฉินเยว่เห็นผู้เป็นพ่อกลับมาแล้วก็ยิ้มให้ทันที “พ่อคะ รีบมานั่งเถอะ หนูซื้อของอร่อยมาด้วย!”
ฉินเสี้ยวหยวนได้ยินดังนั้นก็มองฉินเยว่แล้วยิ้มออกมา “นึกว่าลูกมีเฉินชางแล้วจะลืมพ่อซะอีก!”
ฉินเยว่ทำท่าทางแง่งอน กล่าวประโยคที่ขัดกับความจริงออกไป “จะเป็นไปได้ยังไงคะ พ่อดีที่สุดแล้ว ใช่ไหมคะ”
กล่าวถึงตรงนี้ฉินเยว่ก็คีบปลาเผาขึ้นมา “มาค่ะพ่อ เดี๋ยวหนูป้อนเอง!”
ฉินเสี้ยวหยวนเห็นลูกสาวรู้ความขนาดนี้ก็พอใจมาก
เฮ้อ…
สวรรค์เมตตาผมจริงๆ!
ภรรยาดี ลูกสาวเยี่ยม ลูกเขยก็ยอด
ที่สุดของความพึงพอใจ!
……
……
ขณะเดียวกัน โจวหงกวงก็กลับมาถึงโรงแรม ขณะที่ในใจยังคงคิดถึงเรื่องวันนี้ เขาก็เดินเข้าไปทักทายนักเรียนที่กำลังล้อมวงกันอยู่
ปกติโจวหงกวงดีกับนักเรียนมาก คอยพาไปร่วมงานสัมมนาด้วยกันบ่อยๆ เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้กว้างขวาง
“อยู่กันครบหรือเปล่า”
ตอนที่เขาเข้ามาพบว่ามีนักเรียนประมาณห้าหกคนรวมตัวคุยเล่นกันอยู่ในห้องจึงอดถามไม่ได้
ทุกคนพากันพยักหน้าแล้วยิ้ม “อาจารย์กลับมาแล้วหรือครับ”
โจวหงกวงพยักหน้า “รีบไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้บ่ายๆ พวกเราค่อยกลับ”
ขณะนั้นเองก็มีนักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “อาจารย์ครับ ที่อาจารย์บอกจะให้พวกเรามาดูมันคืออะไรกันแน่ครับ”
นักเรียนคนอื่นๆ รวมพยักหน้าด้วยความสงสัย “ใช่แล้วครับอาจารย์!”
อันที่จริงพวกเขาอยากกลับวันนี้แล้ว เพราะคิดว่าอยู่ต่อก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ และตามกำหนดการเดิมก็ต้องกลับเมืองหลวงวันนี้ ทว่าจู่ๆ อาจารย์ก็บอกให้พวกเขาอยู่ต่ออีกวันหนึ่ง ทำให้ทุกคนไม่เข้าใจ ตกลงมันเพราะอะไรกันแน่ที่จะต้องดูให้ได้ นอกจากนั้นตอนนี้พวกเขาก็รู้จักเฉินชางแล้ว ก็เป็นแค่หมอหนุ่มอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดคนหนึ่ง เด็กกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ
มันเพราะอะไรกันแน่ที่ดึงดูดอาจารย์ถึงเพียงนี้
โจวหงกวงมองนักเรียน พูดขึ้นยิ้มๆ “ดูเหมือนพวกคุณพอจะรู้จักเฉินชางแล้วสินะครับ”
ทุกคนพยักหน้า เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากกลับมาแล้วพวกเขาก็สืบเรื่องเฉินชางกันเล็กน้อย ทั้งอ่านและสืบหาข้อมูล รวมถึงไปหาเฉินชางที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองจริงๆ ด้วย ซึ่งทำให้พวกเขารู้ว่าเฉินชางก็เป็นแค่หมอที่จบปริญญาตรีจากวิทยาลัยแพทย์แห่งหนึ่งจากตงหยางเท่านั้นเอง…
นี่ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกแปลกใจ ตกลงอาจารย์ให้พวกเขาอยู่ต่อเพื่ออะไรกันแน่
โจวหงกวงทราบดีว่าพวกเขาคิดอย่างไร จึงยิ้มออกมาจางๆ “พวกคุณรู้หรือเปล่า หมอหนุ่มที่จบปริญญาตรีคนนี้ เขาทำเรื่องที่พวกคุณทุกคนทำไม่ได้!”
ประโยคนี้ไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย
ทุกคนถึงกับชะงักไป!