บทที่ 468 ภรรยาแสนดีมาพร้อมเรื่องมงคล
ช่วงเวลาแลกเวรในเช้าวันจันทร์ หลี่เป่าซานพาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในห้องทำงานหมอ มีทั้งหมดประมาณเจ็ดแปดคน
ทันทีที่เฉินชางเห็นหลัวโจวเป็นหนึ่งในนั้นก็เข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที
นี่คือ…สัมภาษณ์เสร็จแล้วหรือ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ช่วงนี้เขายุ่งจนไม่รู้อะไรเลย!
ดูท่าทางหลัวโจวคงผ่านการทดสอบอย่างราบรื่นสินะ
คิดแล้วเฉินชางก็ยิ้มให้หลัวโจว
หลัวโจวเห็นเฉินชางก็ดีใจมาก ถึงอย่างไรก็เป็นเพื่อนเก่ากัน และต่อไปก็จะเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว
วันนี้หลี่เป่าซานอารมณ์ดี จึงแย้มยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก
เขาเดินยิ้มนำทุกคนเข้ามา จากนั้นก็พูดกับคนอื่นๆ ว่า “ทุกคนสนใจหน่อยครับ ผมจะแนะนำเพื่อนร่วมงานคนใหม่ให้ทุกคนรู้จักนะครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเขาก็คือสมาชิกใหม่ของแผนกฉุกเฉิน!”
“คนนี้คือหัวหน้าหวังข่ายอัน เดิมทีเป็นรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกของโรงพยาบาลตงต้าสาขาสอง เชี่ยวชาญเรื่องศัลยกรรมทรวงอก ขอให้ทุกคนต้อนรับหัวหน้าหวังอย่างอบอุ่นด้วยนะครับ!”
ทุกคนพากันตบมือเพื่อแสดงถึงการต้อนรับ เฉินชางมองหวังข่ายอันอย่างยินดี ในที่สุดโรงพยาบาลอันดับสองก็มีหมอแผนกศัลยกรรมทรวงอกกับเขาบ้างแล้ว
หวังข่ายอันรูปร่างสูงใหญ่ อายุไม่มากเท่าไหร่ ประมาณสามสิบห้าสามสิบหกปีเท่านั้น จบปริญญาเอกค่อนข้างเร็ว เขายิ้มให้ทุกคนแล้วพูดว่า “สวัสดีครับทุกคน ผมหวังข่ายอัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ!”
หวังข่ายอันคนนี้รูปร่างสูงใหญ่แต่เสียงค่อนข้างต่ำ ทำให้ทุกคนอดยิ้มไม่ได้
คนๆ นี้ดูเหมือนจะไม่มีการวางมาดเลยสักนิด
“คนนี้เจียงเทา จบปริญญาเอกสาขาศัลยกรรมมือ ต่อไปคุณก็คอยติดตามหัวหน้าอันแล้วกันนะครับ”
เจียงเทายังอายุไม่มาก ประมาณสามสิบปีเท่านั้น แต่เขาหน้าเด็กมาก ดูแล้วเหมือนเพิ่งจบมัธยม
จากนั้นหลี่เป่าซานก็แนะนำทุกคน เมื่อรวมกับหมอในแผนกฉุกเฉินทั้งหมดก็ดูหรูหราขึ้นมาทันใด ฝ่ายศัลยกรรมของแผนกฉุกเฉินมีคนมาใหม่ห้าคน ได้แก่หวังข่ายอัน เจียงเทา หลัวโจวและคนอื่นๆ
ช่วงเช้าเป็นเวลาที่ค่อนข้างวุ่นวาย กว่าจะแลกเวรและราวด์วอร์ดเสร็จก็เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว
ขณะนั้นเอง จู่ๆ วีแชทกลุ่มโรงพยาบาลก็มีข้อความส่งมาข้อความหนึ่ง
“ขอแสดงความยินดีกับเฉินชาง ฉินเยว่ และหลี่เป่าซานแห่งแผนกฉุกเฉินที่ได้เผยแพร่บทความวิทยานิพนธ์ที่มี Impact Factor สูงกับวารสารการปลูกถ่ายตับและวารสาร BJS รวมทั้งสิ้นสองฉบับ เป็นการสร้างผลงานด้านการวิจัยให้แก่โรงพยาบาล…จึงขอมอบเงินสดจำนวนหนึ่งแสนหยวนเป็นรางวัลและของแทนคำชื่นชม!”
เมื่อข่าวนี้ถูกประกาศออกมา โรงพยาบาลก็ลุกเป็นไฟ
ทุกคนอ่านข่าวแล้วก็รู้สึกอิจฉาตาร้อน!
แค่วารสารการปลูกถ่ายตับก็ทำให้ไฟอิจฉาลุกท่วมได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังมีวารสาร BJS ด้วย ผู้ที่เขียนวิทยานิพนธ์ที่มีค่า Impact Factor สูงถึงสองฉบับอยู่ในโรงพยาบาลอันดับสองของมณฑลตงหยางเช่นนี้ หากเกิดกับหมอระดับหัวหน้าแพทย์ พอถึงปลายปีก็คงได้เลื่อนตำแหน่งอย่างไร้อุปสรรค!
แต่นี่เป็นหมอแผนกฉุกเฉินสามคน ทำให้พวกเขาอิจฉาแทบตายแล้ว
แถมยังมีเงินรางวัลให้อีกหนึ่งแสนหยวนด้วย ขณะนั้นทั่วทั้งโรงพยาบาลก็คึกคักขึ้นมาทันที
เฉินชางเองก็มีความสุขมาก เขาทำวิทยานิพนธ์สองฉบับโดยไม่เสียเงินเลยสักหยวน คิดไม่ถึงว่าจะได้เงินกลับมาอีกแสนหยวน เป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ
ต้องทราบว่าการเผยแพร่วิทยานิพนธ์กับวารสารหลักของประเทศจะต้องจ่ายเงินหลายพันหยวนเป็นค่าใช้จ่าย
ขณะนี้แผนกฉุกเฉินเต็มไปด้วยบรรยากาศปลื้มปีติ จะอย่างไรนี่ก็เป็นเกียรติของแผนกฉุกเฉิน
หวังข่ายอันและเจียงเทาที่เพิ่งมาทำงานฝ่ายศัลยกรรมของแผนกฉุกเฉินที่ยังไม่ทันนั่งให้ดีก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
โดยเฉพาะเจียงเทา เขาเพิ่งจบจากวิทยาลัยแพทย์ของเมืองหลวง พอกลับมาบ้านเกิดก็ไม่ได้เลือกไปทำงานที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล หรือโรงพยาบาลตงต้า แต่เลือกมาทำงานที่โรงพยาบาลอันดับสอง นั่นเป็นเพราะทางโรงพยาบาลสัญญาว่าจะสร้างแผนกศัลยกรรมมือให้ได้ภายในสามปี ถึงตอนนั้นเจียงเทาคงได้ขึ้นเป็นรองหัวหน้าแผนกอย่างสะดวกราบรื่น
ดังนั้นเขาจึงเลือกมาที่นี่…
เดิมทีเขาคิดว่าตนจบจากวิทยาลัยแพทย์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง จะได้สิทธิประโยชน์มาก คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งมาถึงก็จะได้รับข่าวเช่นนี้แล้ว…
แผนกฉุกเฉินแห่งนี้ ดูจะแปลกใหม่ไม่เหมือนที่อื่น ถึงกับเผยแพร่วิทยานิพนธ์กับวารสารชั้นนำระดับนานาชาติได้ถึงสองฉบับเชียว
วิทยานิพนธ์ที่เจียงเทาเขียนตอนจบปริญญาเอกมีค่า Impact Factor อยู่ที่ 1.3 ซึ่งนำมาเทียบกับบทความในวารสารการปลูกถ่ายตับไม่ได้เลย
เมื่อเทียบกับเจียงเทาแล้ว หวังข่ายอันกลับรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังเล็กน้อย
เขาไม่เหมือนเจียงเทาที่มาพร้อมเงื่อนไข
หวังข่ายอันเป็นหมอแผนกศัลยกรรมทรวงอกอยู่ที่โรงพยาบาลตงต้าสาขาสอง เขาเข้ากับคนอื่นไม่ได้และไม่อยากต่อสู้กับคนเหล่านั้น จึงลาออกมาด้วยตัวเอง พอดีกับที่โรงพยาบาลอันดับสองกำลังรับสมัครพนักงานจึงได้เข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เดิมทีคิดว่าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองจะธรรมดา ไม่นึกเลยว่า…จะทำให้เขาตื่นเต้นเช่นนี้!
บางทีคนข้างนอกอาจเข้าใจเรื่องโรงพยาบาลอันดับสองผิดไปก็เป็นได้!
คนในวงการคิดว่าโรงพยาบาลอันดับสองให้ความสำคัญกับแผนกอายุรกรรมมากกว่า หากดูเรื่องแผนกศัลยกรรม จะถือว่าเป็นโรงพยาบาลที่ค่อนข้างล้าหลัง
แต่วันนี้ดูแล้ว แผนกฉุกเฉินนี่ก็ไม่ใช่ธรรมดา!
หวังข่ายอันคาดหวังกับงานในอนาคตขึ้นมาทันใด
แม้ฝ่ายศัลยกรรมทรวงอกจะมีเขาคนเดียว อาจจะเหนื่อยไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องแข่งขันกับคนเจ้าเล่ห์เหล่านั้น
เฉินชางยังไม่ทันได้ตื่นเต้นก็ถูกเรียกตัวไปที่ฝ่ายวิชาการแล้ว
ตอนที่เฉินชางมาถึง หยางถงอยู่ในห้องพอดี เมื่อเห็นเฉินชางเข้ามาก็ยิ้มให้ “ยินดีด้วยนะเสี่ยวเฉิน!”
เฉินชางอดยิ้มไม่ได้ “ขอบคุณครับอาจารย์หยาง”
หยางถงหลุดหัวเราะออกมา “มีอะไรต้องขอบคุณฉันล่ะ พูดไปแล้วฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอ วิทยานิพนธ์ของเธอทั้งสองฉบับทำให้ฝ่ายวิชาการอย่างพวกเราลดความกดดันลงได้มากเลยทีเดียว”
“จริงสิ เอาเลขบัญชีมาให้ฉันสิ ฉันจะให้ฝ่ายบัญชีโอนเงินให้เธอ”
เฉินชางยิ้ม “ให้ผมคนเดียวหรือครับ”
หยางถงพยักหน้า “แน่นอน นี่เป็นผลงานของเธอ ทำไมจะไม่ให้เธอล่ะ”
เดิมทีเฉินชางคิดว่าต้องแบ่งเงินหนึ่งแสนกันสามคน ไม่นึกว่าเขาจะได้แค่คนเดียว
เพิ่งออกมาจากฝ่ายกิจการแพทย์ เฉินชางก็รู้สึกเหมือนว่าวันนี้ตัวเองไปอาบแสงมงคลมาอย่างไรอย่างนั้น ทุกเรื่องล้วนได้อย่างใจนึก
หรือนี่คือคำอวยพรจากเสื้อตัวนี้
เฉินชางลูบเสื้อสเวตเตอร์บนตัว ดูแล้วยัยขี้ประจบฉินจะเป็นคนรักที่ล้ำเลิศมาก ให้สเวตเตอร์มาตัวหนึ่งก็ทำให้เขาได้เงินมาหนึ่งแสนแล้ว ไม่เลวเลย…
ดูเหมือนช่วงเวลารุ่งโรจน์จะอยู่ไม่ไกลแล้ว
เฉินชางเดินยิ้มกำลังจะลงไปชั้นล่าง จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นหลี่เป่าซานโทรมา “เสี่ยวเฉิน มาที่ห้องประชุมชั้นยี่สิบเอ็ดหน่อยนะครับ คือว่า นักข่าวของหนังสือพิมพ์อันหยางฉบับเย็นมาขอสัมภาษณ์ เขาอยากสัมภาษณ์คุณหน่อยนะครับ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณช่วยคนเมื่อวันนั้น”
เฉินชางได้ยินก็รู้สึกความสุขล้นปรี่ นี่เรียกว่ามงคลคู่จริงๆ!
ดีที่เขายังไม่ได้ลงไปชั้นล่าง ตอนนี้จึงเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องประชุมชั้นยี่สิบเอ็ด
ขณะนี้หลี่เป่าซาน ฉินเสี้ยวหยวน ถานลี่กั๋วและคนอื่นๆ อยู่ในห้องประชุมทั้งหมด กำลังพูดคุยยิ้มแย้มอยู่กับนักข่าว เมื่อเฉินชางเดินเข้ามาก็กลายเป็นเป้าสายตาทันที
ฉินเสี้ยวหยวนกำลังให้สัมภาษณ์อย่างร่าเริง เมื่อเห็นเฉินชางก็อดยิ้มไม่ได้ เขารู้สึกว่าตนกับเสี่ยวเฉินนี่ดวงสมพงษ์กันจริงๆ!