บทที่ 469 ใครเป็นคนคุมเรื่องเงิน
จู่ๆ ฉินเสี้ยวหยวนก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าของเฉินชางคล้ายๆ เสื้อที่ตนมี!
ตอนนั้นเขาไปเที่ยวห้างกับภรรยาและลูกสาว เพียงเห็นเสื้อตัวนั้นเขาก็ถูกใจจนต้องซื้อมา เมื่อเขาเห็นมันอยู่บนตัวเฉินชางก็คิดขึ้นมาว่า คนเก่งก็ต้องชอบอะไรเหมือนกันนี่แหละ!
นี่เรียกว่า…คนมีความสามารถ ย่อมมีรสนิยมใกล้เคียงกัน!
เขายิ้มมองเฉินชางจนตาหยี “เสี่ยวเฉิน นี่คือนักข่าวจากหนังสือพิมพ์อันหยางฉบับเย็น ส่วนนี่พนักงานจากสถานีโทรทัศน์…”
การสัมภาษณ์ใช้เวลาไม่นาน หลักๆ จะให้เฉินชางพูดถึงความคิดและความรู้สึกในตอนนั้น ส่วนเรื่องความอันตรายของเหตุการณ์ พวกเขาได้รับรายงานมาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว ดังนั้นเป้าหมายของการสัมภาษณ์ในวันนี้จึงอยู่ที่โรงพยาบาลอันดับสอง เฉินชางและหมอระดับสูง
ดูแล้วข้าวที่เลี้ยงไปเมื่อหลายวันก่อนไม่ได้เสียเปล่าจริงๆ
เดิมทีนี่เป็นการสัมภาษณ์เฉินชาง แต่ผลปรากฏว่า…เฉินชางนั่งได้ไม่ทันไร เลขาถานที่นั่งอยู่ด้วยกันก็เริ่มประชาสัมพันธ์เรื่องจรรยาบรรณแพทย์และการพัฒนาตัวเองแล้ว
นี่ทำให้เฉินชางรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง…
ก่อนเฉินชางออกไป ฉินเสี้ยวหยวนจงใจเดินออกมาส่ง เขามองเฉินชางแล้วกล่าวด้วยท่าทางสนอกสนใจว่า “เสื้อตัวนี้ไม่เลวเลย! ดูมีรสนิยมมาก!”
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วนแล้วตอบว่า “ขอบคุณครับผู้อำนวยการฉิน…เสื้อตัวนี้เยว่เยว่ให้ผมมาครับ”
เหล่าฉินได้ยินดังนั้นก็มีความสุขขึ้นมาทันที “อ้อ! เยว่เยว่ให้มาหรือ มิน่าล่ะ…!”
เหล่าฉินยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ก็รู้สึกใจเต้นตึกตัก ใบหน้ากลายเป็นบูดบึ้งราวกับคนท้องผูก รีบพูดว่า “อืม งั้นก็ใส่ให้ดีล่ะๆ ! รีบกลับไปทำงานเถอะ…”
เฉินชางเห็นสีหน้าของเหล่าฉินเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนี้ก็ชะงักไป ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก…สุดท้ายจึงส่ายหน้าแล้วเดินจากไป
พวกคนใหญ่คนโตเหล่านี้อารมณ์แปรปรวนกันจริง!
ฉินเสี้ยวหยวนจ้องมองแผ่นหลังของเฉินชาง คิดเชื่อมโยงไปถึงคำพูดเมื่อครู่นี้ของอีกฝ่าย ในใจไหววูบขึ้นมาระรอกหนึ่ง อย่างไรฉินเยว่ก็เป็นคนให้…เหล่าฉินจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังเสียหน่อย!
ฉินเสี้ยวหยวนเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตมาบ้างแล้ว ถึงอย่างไรฝ้ายบุในเสื้อก็ถูกเฉินชางดึงออกจนหมดแล้ว! แถมยังขาดไปไม่น้อย มีรูด้วย!
สายลมที่พัดเข้ามาเปรียบเสมือนมีด ไม่ใช่แค่หนาวเหน็บ แต่ยังทำให้รู้สึกราวกับถูกกรีดเนื้อด้วย!
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ไปดูบ้านช่วงก่อนหน้านี้ เหล่าฉินพลันคิดว่า จะเก็บลูกสาวไว้ไม่ได้แล้ว ต้องรีบรวบรัดเอาเธอออกไปเสียแล้ว! ทว่าเรื่องด่วนที่สุดสำหรับตอนนี้ก็คือ รีบกลับไปดูเสื้อผ้าในตู้ตัวเองว่ายังเหลืออยู่กี่ตัว…
คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนก็ทอดถอนใจออกมาแล้วเดินกลับไปที่ห้องประชุม
การสัมภาษณ์ไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่นัก เขามองเหล่านักข่าวและพวกถานลี่กั๋ว พูดยิ้มๆ ว่า “เอ่อ…ผมมีธุระ ต้องขอตัวไปก่อนนะครับ เลขาถาน ฝากดูแลด้วยนะครับ”
ถานลี่กั๋วแปลกใจเล็กน้อย โอกาสที่จะได้ออกหน้าเช่นนี้…จะให้กันง่ายๆ เลยหรือ
นี่มันไม่สมเหตุสมผล! ทำให้ถานลี่กั๋วสงสัยยิ่งขึ้นไปอีก
วันนี้ผู้อำนวยการฉินเป็นอะไรไป ปกติชอบแข่งขันกับฉันไม่ใช่หรือไง อยู่ดีๆ ก็มอบโอกาสออกทีวีให้ฉัน นี่เขาให้สิ่งที่ต้องการมาเองเลยนะ
หรือว่า…จะมีอะไรแอบแฝง
คิดแล้วถานลี่กั๋วก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
ไม่ได้แล้ว กลับไปจะต้องพิจารณาให้ดี จะปล่อยให้ตัวเองติดกับตาแก่นั่นไม่ได้!
ถานลี่กั๋วจำเป็นต้องระมัดระวังให้มาก เพราะว่า…เขาเสียเปรียบฉินเสี้ยวหยวนไปหลายครั้งแล้ว ว่ากันว่าจิตใจของอายุรแพทย์นั้นแข็งแกร่งและทนต่อโรคภัยต่างๆ ได้มากมายราวกับบริโภคหัวใจพิสุทธิ์เจ็ดห้องเข้าไป!!
ยังไงก็…ต้องระวังให้ดี!
เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เหล่าฉินกำลังหดหู่ เมื่อออกไปแล้วก็ได้แต่มองผ่านกระจกใสไปยังตึกอันยิ่งใหญ่งดงามของโรงพยาบาลอันดับสองหลายแห่ง ความคิดมากมายผสมปนเปกันไป…
นี่คือโลกที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก จะยอมแพ้ได้หรือ
เหล่าฉินคิดถึงสเวตเตอร์ที่เฉินชางสวมใส่ อดถอนใจไม่ได้…
เฮ้อ…
……
……
เมื่อกลับมาที่ห้องพักหมอ หลายคนมองเฉินชางแล้วก็พากันเข้ามาทักทาย จะให้เขาเลี้ยงข้าวให้ได้ ไม่เหลือช่องว่างให้เฉินชางปฏิเสธเลย
ฉินเยว่ถลึงตาใส่เฉินชาง แฝงความหมายว่า ระวังตัวไว้เถอะ เรื่องที่ใครจะเป็นคนคุมเงินยังไม่ได้ตกลงกันนะคะ!
เฉินชางถูกมองเช่นนี้ก็ได้สติขึ้นมาทันที!
แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง คนแซ่เฉินอย่างเขาเป็นคนประเภทกลัวเมียด้วยหรือ
แน่นอนว่าไม่ใช่!
ภายในห้องคึกคักมาก ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ หรือจะเพื่ออวยพรแก่เขาก็ควรเฉลิมฉลองกันสักครั้ง เฉินชางตบขาฉาดใหญ่ นัดกินข้าวกับทุกคนมื้อหนึ่ง
เสียงเอะอะเช่นนี้ทำให้บรรยากาศในห้องครึกครื้นขึ้นมาในชั่วพริบตา
ตอนนี้ในห้องมีแต่คนหนุ่มสาว ส่วนคนรุ่นเฉินปิ่งเซิงมีผ่าตัด หนุ่มๆ สาวๆ จึงเฮฮากันได้
หวังข่ายอันมองดูบรรยากาศที่นี่ จู่ๆ ก็ยิ้มออกมาด้วยความอิจฉา เขาเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่ง มิฉะนั้นคงเข้ากับเพื่อนๆ ที่โรงพยาบาลตงต้าสาขาสองได้นานแล้ว
แผนกฉุกเฉินแห่งนี้บรรยากาศไม่เลวจริงๆ
ฉินเยว่เองก็แค่ล้อเล่น เลี้ยงข้าวมื้อหนึ่งจะใช้เงินเท่าไหร่กันเชียว
ทว่าเมื่อเห็นท่าทางของเฉินชางก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา!
ไม่ได้แล้ว! ต้องคิดหาโอกาสและเหตุผลดีๆ ซะแล้ว หากไม่มีเหตุผลก็ต้องแถให้ได้ ต้องคิดให้ดีว่าจะจัดการเขายังไง
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉินเยว่ก็เริ่มใช้ความคิด
หลัวโจวเดินเข้ามานั่งลงข้างเฉินชาง “สุดยอดไปเลยชางเอ๋อร์ เขียนวิทยานิพนธ์ดีๆ ได้ตั้งสองเล่มแน่ะ เก่งสุดๆ”
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน “แค่โชคดีน่ะ โชคดี มีคนช่วยติดต่อให้ ไม่งั้นคงไม่ง่ายขนาดนี้หรอก”
เฉินชางพูดจบก็ยิ้มออกมา “ช่วงนี้ฉันยุ่งจนไม่ได้สนใจเรื่องสัมภาษณ์ของนายเลย แต่ได้เข้ามาก็ดีแล้ว”
หลัวโจวพยักหน้ายิ้มๆ “อืม อย่างน้อยก็มั่นคงขึ้นกว่าเดิม แล้วโรงพยาบาลก็ให้สวัสดิการพวกเราไม่น้อยเลย บอกว่ารายได้เท่าเทียมกัน อีกสามปีก็จะเพิ่มกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ด้วย อย่างอื่นก็แตกต่างกันไม่มาก”
เฉินชางตอบอืมไปคำหนึ่ง “อืม ฉันก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ดูเหมือนตอนนี้จะยกเลิกการบรรจุแล้ว อีกอย่าง งานอย่างพวกเรา เรื่องการบรรจุก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี ถ้านายมีความสามารถจะไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับทักษะความสามารถ”
พูดถึงตรงนี้เฉินชางก็มองหลัวโจวแล้วกล่าวต่อไป “นายติดตามอาจารย์เฉินปิ่งเซิงก็ได้ ตอนนั้นฉันก็ติดตามเขาเหมือนกัน เขาเป็นคนดีทีเดียว แล้วก็เป็นหมอศัลยกรรมทั่วไปเหมือนนายด้วย คงคุยถูกคอกับนาย”
หลัวโจวพยักหน้า ยังไม่ทันพูดอะไร พยาบาลคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาแล้วมองไปรอบๆ สุดท้ายก็หยุดมองที่เฉินชาง “หมอเสี่ยวเฉิน มีผู้ป่วยหมดสติมาที่แผนกค่ะ!”
เฉินชางชะงักไป เขารีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไปด้านนอกทันที สวีตงตงที่อ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ก็เดินออกจากห้องตามไปด้วย
วันนี้ไม่ใช่เวรของเฉินชาง แต่พยาบาลน้อยในแผนกฉุกเฉินค่อนข้างเชื่อมั่นในฝีมือเฉินชาง ดังนั้นตอนที่หมออาวุโสไม่อยู่ พวกเขาจะมาหาคนที่ท่าทางพึ่งได้ที่สุด
ตอนนี้เรียกได้ว่าเฉินชางเป็นสะพานเชื่อมระหว่างหมอรุ่นใหม่และหมออาวุโสแล้ว เขามีฝีมือสูงกว่าหมอหนุ่มสาว แต่ประสบการณ์ยังด้อยกว่าหมออาวุโส
หากกล่าวว่าการรักษาและการกู้ชีพทุกครั้งของแผนกฉุกเฉินคือการสอบ เช่นนั้นกระดาษคำตอบของเฉินชางก็ได้คะแนนค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเขา
หวังข่ายอันและเจียงเทาเห็นดังนั้นก็มองเฉินชางด้วยความสงสัย พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาลมาระยะหนึ่งแล้วย่อมเข้าใจเหตุผลเป็นอย่างดี