เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 502 รวมตัวที่เมืองอันหยาง!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 502 รวมตัวที่เมืองอันหยาง!

“ผู้อำนวยการหวัง ติดต่อเรื่องทางฝั่งนั้นเรียบร้อนแล้ว พวกเราไปกันเลยไหมครับ”

วันนี้ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทรุ่ยจือกับหวังอวี้ซานและบรรดาผู้อำนวยการโรงพยาบาลเตรียมจะไปเขตโรงพยาบาลใหม่เพื่อเข้าร่วมงานตัดริบบิ้น

โรงพยาบาลไห่ตูซื่อลิ่วพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การเริ่มสร้างแผนกศัลยกรรมกระดูกในเขตโรงพยาบาลใหม่ สำหรับโรงพยาบาลไห่ตูซื่อลิ่วถือเป็นไต่ระดับขึ้นอีกครั้ง

ความเจริญรุ่งเรืองของโรงพยาบาลไห่ตูซื่อลิ่วหนีไม่พ้นความพยายามของคนรุ่นนี้ และกล่าวได้ว่าหวังอวี้ซานเป็นผู้สร้างผลงานที่ไม่มีใครแทนที่ได้

ยืนอยู่หน้าประตูโรงพยาบาลไห่ตูซื่อลิ่ว นึกย้อนไปถึงภาพของที่นี่เมื่อสิบปีที่แล้ว เมื่อดูความเจริญรุ่งเรืองตรงหน้าอีกครั้ง หวังอวี้ซานก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นี่คืออาณาจักรที่พวกเขาฝ่าฟันมาด้วยกัน และเป็นเกียรติยศของคนรุ่นพวกเขาด้วย

บนสถานที่แห่งอื่นในตอนนี้ โรงพยาบาลสาขาย่อยแห่งหนึ่งของโรงพยาบาลไห่ตูซื่อลิ่วก็กำลังผุดขึ้นมาใหม่

นั่นกำลังจะเป็นเวทีใหม่แล้ว

ไม่รู้ว่ามีคนหนุ่มสาวเท่าไรที่กำลังจะมอบวัยหนุ่มสาวของตัวเองให้ที่นั่น

ทุกครั้งที่มีการก่อสร้างเขตโรงพยาบาลใหม่ หวังอวี้ซานจะทอดถอนใจด้วยความปลดปลง ตอนที่บริหารเขตโรงพยาบาลใหม่ เขาจะไปกล่าวสุนทรพจน์ ระดมเจ้าหน้าที่ ไปบอกคนหนุ่มสาวเหล่านั้นว่าอนาคตอยู่ในมือพวกเขา

ครั้งนี้ก็อาจไม่ใช่ข้อยกเว้น

ทันใดนั้น จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

ขณะที่มองหน้าจอโทรศัพท์ หวังอวี้ซานก็ตัวสั่นเล็กน้อย ผ่านไปนานกว่าจะดึงสติกลับมาได้

นานแค่ไหนแล้ว

โทรศัพท์สายนี้…ไม่เคยโทรหาฉันมานานเท่าไรแล้ว

ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เขาเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือไปสิบกว่าเครื่อง แต่กลับไม่เคยลืมที่จะบันทึกหมายเลขโทรศัพท์นี้เลย

เพราะหมายเลขโทรศัพท์นี้มีความหมายที่พิเศษ

“ฮัลโหล ศิษย์น้องหญิง!”

เดิมทีคิดว่าพูดออกไปแล้วจะรู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ตอนที่เขาเรียกว่า ‘ศิษย์น้องหญิง’ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นธรรมชาติมาก ราวกับ…เป็นเมื่อวาน

พอพูดคำว่าศิษย์น้องหญิง ผู้หญิงที่อยู่ปลายสายก็น้ำตาไหลพรากทันที

เธอเอามือบีบจมูกไว้ ไม่ให้น้ำตาไหลลงมา

แต่ว่า…เสียงที่เรียกว่าศิษย์น้องหญิง เธอไม่ได้ยินคำนี้มานานเท่าไรแล้ว นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีคนเรียกเธอแบบนี้

กู้หงเหมยยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา แล้วตะโกนคำที่ไม่เคยเรียกมานานมากแล้วออกมา แต่กลับเป็นคนที่เธอไม่เคยลืม “ศิษย์พี่”

เสียงเรียกสะอื้นเล็กน้อย แม้กู้หงเหมยจะอายุห้าสิบกว่าแล้ว แต่ตอนนี้เธอก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าหลังจากโทรติดหมายเลขนี้แล้ว เธอจะรู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้ เดิมทีนึกว่าจะอึดอัด แต่กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลย

เรียกศิษย์พี่อีกครั้ง เป็นศิษย์พี่ตลอดไป

คำว่าศิษย์พี่นี้กลับทำให้หวังอวี้ซานน้ำตาคลอและปากสั่นเช่นเดียวกัน

“ศิษย์พี่ ไปหรือเปล่าคะ” กู้หงเหมยสงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยถาม

“ไปไหน” หวังอวี้ซานงงไปชั่วขณะ

กู้หงเหมยชะงักทันที “พวกเขา…ไม่ได้เชิญพี่เหรอคะ”

หวังอวี้ซานแปลกใจกว่าเดิม!

“ศิษย์น้องหญิง หมายความว่ายังไง”

“เฉินชางไม่ได้ส่งวีแชทหาพี่เหรอ” กู้หงเหมยถาม

หวังอวี้ซานเปิดวีแชท มีข้อความหลายชุดกลบข้อความหนึ่งไว้ ในแต่ละวันมีข่าวสารมากเกินไป เขาเองก็ดูไม่ทันเช่นกัน พอเลื่อนลงมาเรื่อยๆ ถึงได้เห็นข้อความที่เฉินชางส่งมา

ตอนที่เห็นข้อความของเฉินชาง หวังอวี้ซานก็เผลอสติหลุดไปครู่หนึ่ง!

ทังจินโปไปที่นั่นแล้ว!

ผ่านไปหลายนาทีหลังจากนั้นเขาถึงดูหมด เป็นประโยคสั้นๆ สิบกว่าประโยค เขาดูไปสิบกว่ารอบ…

เขานึกย้อนไปถึงวันคืนที่เคยฝ่าฟันต่อสู้ นึกถึงความดื้อรั้นของคนหนุ่มสาว นึกย้อนถึงวันวานที่มีความหมาย และนึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มเหล่านั้นเช่นกัน

จู่ๆ หวังอวี้ซานก็น้ำตาไหลอาบเต็มหน้าโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาวางโทรศัพท์ลงแล้วใช้สองมือปิดหน้าไว้ แต่น้ำตากลับยังไหลลงมาจากปลายนิ้ว

คนขับรถกำลังมองหวังอวี้ซาน แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่รู้ว่าผู้อำนวยการเป็นอะไรไปแล้ว

ทันใดนั้น หวังอวี้ซานก็เงยหน้าพร้อมดวงตาแดงก่ำ เขาบอกคนขับรถว่า “เหล่าหยาง ส่งฉันกลับบ้าน! ฉันจะไปเอาของบางอย่าง พวกเราไปสนามบินกัน”

คนขับรถงงไปชั่วขณะ แต่กลับไม่ถามอะไรมาก เลี้ยวรถทันที

หวังอวี้ซานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วบอกผู้อำนวยการคนอื่นๆ ว่าวันนี้เขาไปไม่ได้แล้ว

ทุกคนอดโน้มน้าวไม่ได้ “ผู้อำนวยการหวัง วันนี้…ไม่มีคุณไม่ได้นะครับ!”

หวังอวี้ซานสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วบอกว่า “วันนี้ผมมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ!”

ทุกคนอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะตอบว่า “ก็ได้ครับ!”

วันนี้ฉางหงเหล่ยเข้าร่วมรายงานทางวิชาการ แต่ไหนแต่ไรมาวันเสาร์ก็เป็นวันที่ยุ่งมากสำหรับเธอ แต่ตอนที่เธอเห็นโทรศัพท์สายนี้ เธอก็ลุกขึ้นดูแล้วรีบวิ่งออกไป

“ผู้อำนวยการหวัง มีอะไรคะ”

หวังอวี้ซานกับฉางหงเหล่ยนับว่าติดต่อกันเยอะที่สุด

ตามกาลเวลาที่ผ่านไป อวี้ซานก็กลายเป็นผู้อำนวยการหวังแล้วเช่นกัน

หงเหล่ยเองก็ถูกเรียกว่าหัวหน้าแผนกฉาง

พอได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับอย่างนี้ หวังอวี้ซานก็รู้แล้วว่าเธอคงยังไม่รู้

หวังอวี้ซานถอนหายใจ “หงเหล่ย เธอดูวีแชทของตัวเองหน่อย เสี่ยวเฉินได้ส่งข้อความให้เธอหรือเปล่า”

ฉางหงเหล่ยอึ้งไปก่อน อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ได้เรียกเธออย่างนี้มานานแล้ว

เธอดูวีแชทอย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย หลังจากเห็นแล้ว เธอก็ตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะถามหวังอวี้ซานที่ยืนอยู่ตรงหน้าว่า “อวี้ซาน…เป็นเรื่องจริงเหรอ”

“ฉันจองตั๋วเครื่องบินแล้ว พรุ่งนี้บ่ายสามถึงเมืองอันหยาง เป็น…ศิษย์น้องหญิงบอกฉันมาเหมือนกัน” หวังอวี้ซานกล่าว

ฉางหงเหล่ยยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นกู้หงเหมยโทรมาแล้ว

เธอตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ฉันจะจองตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวนี้!”

หลังจากวางหูโทรศัพท์ เธอก็รับสายของกู้หงเหมยทันที “หงเหมย ฉันเห็นแล้ว…ศิษย์พี่ของเธอโทรมาบอกฉัน”

ทีแรกกู้หงเหมยอึ้งก่อน แล้วบอกว่า “ศิษย์พี่หญิง ฉันจองบัตรให้พี่แล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันที่สนามบิน”

ฉางหงเหล่ยยิ้ม แต่สองตาพร่ามัว พยักหน้าตอบอย่างรอคอย “ตกลง!”

คนสามคน สองเที่ยวบิน มาถึงเมืองอันหยางแล้ว

หลังจากเฉินชางตื่นขึ้นมาแต่เช้า เขาก็มาถึงโรงแรม ศาสตราจารย์ทังนอนค่อนข้างดึก ดื่มไปเยอะมาก ตอนเช้ายังไม่ตื่นนอนเลย

เฉินชางคิดไปคิดมา ก็ให้ห้องอาหารทำอาหารเช้าส่งมาให้

หลังจากเคาะประตู หลี่อวี่ก็เปิดประตูออกมา เฉินชางถืออาหารเช้าเดินเข้าไปพร้อมถามว่า “ศาสตราจารย์ทังตื่นหรือยังครับ”

หลี่อวี่ยิ้มตอบ “เมื่อคืนนอนดึกเกินไป ตื่นมาอาเจียนสองรอบ ดึงผมไปนั่งฟังเรื่องที่เขาเล่าชั่วโมงกว่า พอง่วงจนทนไม่ไหวแล้วถึงได้หลับไปครับ”

เฉินชางพยักหน้า “กินอาหารเช้าก่อนเถอะครับ รอให้ศาสตราจารย์ทังตื่นแล้ว ผมค่อยคุยกับเขา”

หลี่อวี่พยักหน้า แล้วคนหนุ่มทั้งสองก็ใช้เวลาพูดคุยและรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน

ตอนนี้ศาสตราจารย์ทังตื่นนอนแล้ว เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา

หลังจากเห็นเฉินชาง เขาก็ยิ้มแล้วทักทายว่า “ศาสตราจารย์เฉิน เมื่อคืนผมเสียอาการแล้ว”

เฉินชางรีบบอกว่า “ที่ไหนกันล่ะครับ ศาสตราจารย์ทัง คุณเรียกผมว่าเสี่ยวเฉินก็พอครับ นั่งลงเถอะครับ กินอาหารเช้าด้วยกัน ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

ทังจินโปงงงวยเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ

เหล้าไม่เลวเลย แม้จะดื่มไปเยอะ แต่ตอนนี้ตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้รู้สึกมึนศีรษะ ทำให้ทังจินโปรู้สึกว่าค่อนข้างโชคดี

เมื่อเห็นเฉินชางตื่นแต่เช้า ทังจินโปก็ก็ถามพร้อมรอยยิ้ม“เสี่ยวเฉิน คุณใส่ใจมาก ครั้งนี้ขอบคุณจริงๆ ต่อไปถ้ามีเวลามาหนานทง ผมจะดูแลคุณเอง”

“วันนี้ผมเตรียมจะกลับแล้ว ครั้งนี้ผมได้อะไรเยอะมาก ไม่ได้มาเสียเที่ยวเลยจริงๆ!”

ทังจินโปกล่าวพร้อมรอยยิ้ม การพูดคุยกับเฉินชางเมื่อคืนนี้ สำหรับทังจินโปถือว่าได้ประโยชน์ไม่น้อย!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท