บทที่ 507 บีบพระราชาให้สละราชสมบัติ…(1)
แม้ตอนนี้ยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่วันนี้บรรดาผู้นำของโรงพยาบาลอันดับสองล้วนมากันหมดแล้ว
เฉินชางและ ‘สี่ราชันแห่งแผนกศัลยกรรมมือ’ อยู่ในห้องทำงาน กำลังเผชิญหน้ากับบรรดาผู้อำนวยการโรงพยาบาลของโรงพยาบาลอันดับสอง
หวังอวี้ซานพูดนำขึ้นก่อน “ผู้อำนวยการฉิน เมื่อวานพวกเราปรึกษากันนานมาก โรงพยาบาลอันดับสองมีศัยภาพที่จะพัฒนาแผนกศัลยกรรมมือ ผมหวังว่าพวกเราจะพยายามร่วมกัน เพื่อให้ได้โครงการอนุมัติพิเศษจากมูลนิธิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติปีหน้า”
ทังจินโปพยักหน้า “ปีหน้ามูลนิธิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติมีสองโครงการเงินทุน จำนวนเงินเกินร้อยล้าน พวกเรากำลังคิดว่า เมื่อถึงตอนนั้นได้โครงการนี้มา พวกเราสี่โรงพยาบาลก็จะวิจัยร่วมกัน”
ฉินเสี้ยวยวนกับผู้อำนวยการคนอื่นได้ยินแล้วเบิกตากว้างทันที พวกเขาค่อนข้างตกตะลึง!
โครงการพิเศษของมูลนิธิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ?
ฐานการวิจัยระดับ ‘หนึ่งร้อยล้าน’ นี่ไม่ใช่สิ่งที่โรงพยาบาลทั่วไปจะมีได้ เมื่อสองวันก่อนโรงพยาบาลตงต้ากับโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลยื่นขอโครงการระดับสิบล้านยังไม่สำเร็จเลย
ถ้าโรงพยาบาลอันดับสองมีโครงการวิจัยนี้แล้ว ก็ถือว่าได้พัฒนารวดเร็วราวกับขึ้นเครื่องบิน!
และถึงแม้ทังจินโปจะบอกว่าพยายามร่วมกัน แต่คุณไม่ลองจินตนาการดูหน่อยเชียวหรือ
ว่าพวกเขาคือสี่มังกรน้อยในวงการศัลยกรรมมือของประเทศ เมื่อพวกเขาพยายามทำงานร่วมกัน แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะมีพลังมากขนาดไหน!
นี่คือเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนเหมือนตอกตะปูไว้บนกระดาน
ฉินเสี้ยวยวนพยักหน้าทันที กล่าวเสียงต่ำว่า “ทุกท่านวางใจได้ครับ พวกเราจะพยายามสุดความสามารถ จะให้ความร่วมมือเพื่อให้งานวิจัยครั้งนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นแน่นอน แต่ว่า…ไม่ทราบว่าพวกเราต้องทำอะไรบ้างครับ”
หวังอวี้ซานตอบว่า “ที่จริงโครงการนี้ยังอยู่ในช่วงเตรียมการ สิ่งที่พวกเราคาดหวังก็คือโรงพยาบาลอันดับสองจะสร้างแผนกศัลยกรรมมือขึ้นมาได้ ถึงจะไม่ต้องการให้ใหญ่เกินไป แต่ก็ควรรองรับเตียงผู้ป่วยได้หกสิบเตียง แล้วก็มีห้องผ่าตัดสองห้อง มีบุคลากรและอุปกรณ์ครบครันก็พอครับ แน่นอนว่าไม่ต้องสร้างขึ้นในทันที ก่อนเดือนมีนาคมปีหน้า ก่อสร้างให้เสร็จก่อนส่งข้อมูลให้มูลนิธิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติก็พอครับ…
…หลักๆ เป็นเพราะประเทศค่อนข้างเข้มงวดกับการยื่นขอเงินทุนวิจัยโครงการพิเศษ ไม่ละเอียดรอบคอบไม่ได้ ถ้าโรงพยาบาลอันดับสองไม่มีความสามารถในการทำวิจัยนี้ ผมกังวลว่าเบื้องบนจะไม่อนุมัติเงินทุนให้พวกเรา”
ฉินเสี้ยวยวนพยักหน้า โครงการสำคัญก็เป็นอย่างนี้ มักเกิดสถานการณ์ที่ขี้หนูเพียงก้อนเดียวทำให้ข้าวต้มทั้งหม้อเสียไปเสมอ พอคิดว่านี่คือโอกาสที่โรงพยาบาลอันดับสองไม่ได้พบเจอบ่อยๆ ฉินเสี้ยวยวนก็ย่อมไม่อยากยอมแพ้อยู่แล้ว
“ทุกท่านวางใจได้ พวกเราจะพยายามสุดความสามารถแน่นอน จะตั้งใจให้ความร่วมมือกับงานนี้ จะพยายามไม่ถ่วงรั้งทุกท่านครับ!” ฉินเสี้ยวยวนกล่าวเหมือนสาบาน
ทังจินโปยิ้ม “ที่จริงผู้อำนวยการฉินไม่ต้องกดดันเกินไปก็ได้ครับ การสร้างห้องทำงานของแผนกไม่ใช่เรื่องที่ทำสำเร็จได้เพียงชั่วข้ามคืน ยังต้องให้ความสำคัญเรื่องอบรมบุคลากรด้วยครับ”
ฉางหงเหล่ยเห็นว่าทุกคนคุยกันตั้งนานแต่ไม่พูดถึงประเด็นสำคัญสักที จึงเริ่มทนไม่ไหว พูดตรงๆ เลยว่า “ทิศทางการวิจัยของพวกเราครั้งนี้ หลักๆ ก็คือวิจัยเรื่องการฟื้นฟูและกายภาพเส้นเอ็นของแผนกศัลยกรรมมือ หวังว่าจะสร้างคู่มือเฉพาะทางที่แพร่หลายในวงกว้างได้ค่ะ”
“ส่วนผู้นำหลักของโครงการนี่ก็คือ ทังจินโป หวังอวี้ซาน ฉัน กู้หงเหมย รวมทั้งเฉินชางค่ะ…
…พวกเราห้าคนคือผู้นำหลักและผู้รับผิดชอบโครงการครั้งนี้ค่ะ พวกเราทุกคนล้วนมีโรงพยาบาลที่กำหนดเป็นผู้สนับสนุนการวิจัยแล้ว เหลือแค่เฉินชางคนเดียว ตอนนี้เขายังไม่มีพื้นฐานที่แน่นพอสำหรับการวิจัยและวินิจฉัยโรค สิ่งที่พวกเราจะสื่อก็คือ หวังว่าโรงพยาบาลอันดับสองจะสร้างแผนกไว้สำหรับให้เฉินชางวิจัยและวินิจฉัยโรค!”
คำพูดประโยคเดียว ฟังดูไม่ค่อยไว้หน้านัก
แต่กลับเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น!
ทังจินโปเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือและผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่สังกัดตรงต่อมหาวิทยาลัยหนานทง หวังอวี้ซานเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลไห่ตูซื่อลิ่ว ฉางหงเหล่ยและกู้หงเหมยเป็นผู้รับผิดชอบแผนกศัลยกรรมมือของจีสุ่ยถาน
มีเพียงเฉินชางที่เป็นหมอเล็กๆ ของแผนกฉุกเฉิน!
ถ้าส่งข้อมูลนี้ขึ้นไป ก็เห็นได้ชัดว่าทำให้คนเห็นแล้วหัวเราะ
บรรดาผู้นำโรงพยาบาลอันดับสองที่นั่งอยู่ตรงนี้พากันหน้าแดงเล็กน้อย
สิ่งที่ฉางหงเหล่ยพูดแม้จะไม่ไพเราะ แต่พวกเขาก็ต้องฟัง เพราะตอนนี้โรงพยาบาลอันดับสองต้องการสื่อนำสำคัญในการโบกรถขึ้นทางด่วน
หวังอวี้ซานมองฉางหงเหล่ยแล้วอดส่ายหน้าไม่ได้ นิสัยเธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ขณะที่มองกลุ่มคนของโรงพยาบาลอันดับสองเงียบไป หวังอวี้ซานก็บอกว่า “ที่จริงแล้ว บุคลากรพิเศษควรจะมีวิธีการใช้งานที่พิเศษ เสี่ยวเฉินมีพรสวรรค์ด้านวิธีการเย็บเส้นเอ็น เป็นคนที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ถึงขั้นทำได้ดีกว่าพวกเราด้วยซ้ำ เก่งกว่าทังจินโปอีก!”
ทังจินโปชำเลืองหวังอวี้ซานแวบหนึ่ง จำเป็นต้องพุ่งเป้ามาที่ฉันด้วยเหรอ
หวังอวี้ซานทำเหมือนไม่เห็น พูดต่อไปว่า “ดังนั้น ผมจึงแนะนำว่าแผนกศัลยกรรมมือที่เพิ่มขึ้นมาใหม่นี้ ให้เลือกหัวหน้าแผนกสองคน คนหนึ่งเป็นแผนกหัวหน้าปกติ ส่วนอีกคนเป็นเฉินชาง ทำแบบนี้จะพัฒนางานที่เกี่ยวข้องได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา คนที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มเงียบทันที!
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนอื่นๆ มองหน้ากันเลิกลั่ก จะสร้างแผนกขึ้นมาเพื่อเฉินชางคนเดียวเนี่ยนะ
ถานลี่กั๋วก็กังวลอยู่บ้างเหมือนกัน อย่างไรเสีย…เงินทุนที่จำเป็นต้องใช้เพื่อสร้างแผนกก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ หลายพันหยวนเป็นอย่างต่ำ ส่วนที่บอกว่าจะให้เฉินชางมาเป็นหัวหน้าแผนก ถ้าโครงการไม่ได้รับการอนุมัติ…
ส่วนฉินเสี้ยวยวนก็มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง แล้วแสร้งทำสีหน้าบึ้งตึงทันที!
ฉินเสี้ยวยวนจะไม่ดีใจได้อย่างไร ถ้าเฉินชางได้ขึ้นสู่ตำแหน่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะฉินเสี้ยวยวนคิดจะเลื่อนตำแหน่งให้ตั้งนานแล้ว ติดที่ว่า…ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสและข้ออ้าง
การเลื่อนตำแหน่งของหน่วยงานในอาชีพนี้ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่เหมือนกับกิจการส่วนตัวแน่นอน
ฉางหงเหล่ยมองทุกคนที่กำลังเงียบ แล้วถามทันทีว่า “ทุกท่าน…ไม่เต็มใจทำอย่างนี้เหรอคะ”
ฉินเสี้ยวยวนแทบจะปั้นหน้านิ่งไม่ไหวแล้ว!
เต็มใจสิ! จะไม่เต็มใจได้ยังไง!
แต่พอมองถานลี่กั๋วและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนอื่น ฉินเสี้ยวยวนก็รู้สึกว่าควรจะทนอีกสักหน่อย เขารู้ว่าถ้าตัวเองทนอีกสักหน่อย อีกฝ่ายก็จะเริ่มรู้สึกกดดัน ถึงตอนนั้นพอตัวเองแสดงความเห็นอีก เงื่อนไขทุกอย่างก็จะลงตัวเหมือนน้ำมาคลองก็เกิด
เป็นอย่างที่คาดไว้!
ฉางหงเหล่ยพูดต่อไปว่า “ที่จริง ถ้าเฉินชางรับผิดชอบไม่ไหว พวกเราก็จะไม่นับรวมโรงพยาบาลอันดับสองมาไว้ในโครงการนี้ เพราะพวกเราทำกันเองได้อยู่แล้ว ส่วนเฉินชางก็มาเข้าร่วมโครงการนี้กับพวกเราโดยใช้ฐานะส่วนตัว”
ตอนนี้ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง พบว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างนี้จริงๆ!
ฉินเสี้ยวยวนเห็นว่าอุณหภูมิกำลังได้ที่ มองบรรดาเพื่อนร่วมงานที่อยู่รอบๆ ปราดหนึ่ง แล้วรีบพยักหน้า “ครับ พวกเราจะพยายามสร้างแผนกที่เกี่ยวข้องขึ้นมาให้เร็วที่สุด จะได้ดึงดูดคนเก่งเข้ามา เสี่ยวเฉินต้องกลายเป็นผู้รับผิดชอบแผนกและโครงการแน่นอน จุดนี้ผมรับประกันได้ครับ!…
…พวกเราจะพยายามสุดความสามารถแน่นอน รับประกันได้ว่าโครงการครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างราบรื่น! ใช่ไหมครับ” ฉินเสี้ยวยวนมองบรรดาผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่อยู่รอบๆ
ทุกคนทยอยกันพยักหน้า!
เพียงแต่ว่า…เมื่อผ่านไปครู่เดียว รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนอื่นก็มองหน้ากันเลิกลั่ก ถานลี่กั๋วเกาศีรษะ รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
……
……
ภายใต้การนำของสี่ราชันแห่งแผนกศัลยกรรมมือ ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เฉินชางก็ได้กลายเป็น ‘หัวหน้าแผนกเฉิน’ อย่างราบรื่น เป็นหัวหน้าแผนกที่ไม่ต้องเข้าแผนกทุกวัน แค่ต้องคอยแบ่งหน้าที่ก็พอ
เหตุการณ์ที่โรงพยาบาลอันดับสองดูคล้ายกับการบีบพระราชาให้สละราชสมบัติ
ถ้าพวกคุณไม่สร้างแผนกศัลยกรรมมือขึ้นมาให้เฉินชางรับผิดชอบ พวกคุณก็เลิกคิดไปเลยว่าจะได้เข้าร่วมหัวข้อโครงการนี้
ไม่ผิดหรอก พวกเรากำลังขู่พวกคุณอยู่
ที่จริงเฉินชางได้ยินแล้วก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจมากเช่นกัน
ถึงอย่างไร การที่ ‘สี่ราชันแห่งแผนกศัลยกรรมมือ’ ช่วยเหลือตนขนาดนี้ เฉินชางก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว
ที่จริง…เฉินชางอยากจะบอกว่าพวกเขาคือคนฝ่ายตัวเองทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องขู่ อย่างไรเสีย…พ่อตาจะไม่ให้ฉันขึ้นสู่ตำแหน่งเชียวเหรอ
จะเป็นไปได้ยังไง!
แน่นอนว่าฉางหงเหล่ยพูดสิ่งเหล่านี้ให้คนอื่นฟังก็เพื่อเป็นการบอกพวกเขาว่า เฉินชางคือตัวละครสำคัญ เป็นผู้นำของภารกิจและหัวข้อวิจัยนี้ ต้องอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่มีผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม
เธอพูดอย่างนี้ก็เพื่อให้พวกเขาล้มเลิกความคิดที่จะปล้นอำนาจจากเฉินชาง จะได้ไม่แทรกแซงการพัฒนาแผนกศัลยกรรมมือ
แบบนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่ไม่เลวเช่นกัน
เฉินชางฟังไปฟังมาก็รู้สึกพอใจ!
ส่วนหัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือ เขาเองก็ไม่อยากเป็น ต้องกล่าวว่า…ตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถจะเป็นได้ เขายังไม่ทันได้เปิดแผนผังทักษะของแผนกศัลยกรรมมือ ก็มีผู้ป่วยอย่างเคสเมื่อวานโผล่มาแล้ว ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก
ที่จริงยกตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้แพทย์อาวุโสที่มีประสบการณ์โชกโชนจะดีกว่า!
นอกจากนี้ เฉินชางก็ไม่อยากเดินบนเส้นทางของการศัลยกรรมมือไปตลอดด้วย
นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วก็ได้
ได้ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์ไม่ใช่หรอกเหรอ
เป็นเรื่องราวที่งดงาม!
เมื่อเห็นพ่อตาที่อยู่ตรงข้ามในใจยิ้มราวกับมีดอกไม้บาน แต่บนใบหน้าไม่สะทกสะท้านเหมือนน้ำนิ่งไร้คลื่น เฉินชางก็มิอาจไม่เลื่อมใส ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด!
ถ้าไม่ใช่เพราะค่าความรู้สึกดีของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นไม่หยุด ตัวเองก็เกือบจะเชื่อการแสดงนี้แล้ว…