บทที่ 508 บีบพระราชาให้สละราชสมบัติ…(2)
พวกหวังอวี้ซานไม่ได้อยู่ต่อนาน ทั้งสี่กินอาหารมื้อเที่ยงกับบุคลากรของโรงพยาบาลอันดับสองแล้วก็เดินทางจากไป
ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็มีงานรัดตัวเยอะมาก ไม่อาจไปมาตามอำเภอใจได้
พวกเขามีหน้าที่และงานเยอะมาก คนอย่างทังจินโปออกมาข้างนอกได้สองวันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ขนาดไหน
ตอนเที่ยงเหล่าฉินดื่มเหล้าจนเมาเล็กน้อย!
เขาฮัมเพลงระหว่างกลับมาที่บ้าน ตอนที่เพิ่งเดินเข้าประตูมาแล้วจี้หรูอวิ๋นได้กลิ่นเหล้า เธอก็ถลึงตาใส่ฉินเสี้ยวยวนรอบหนึ่ง
“ทำไมคุณดื่มอีกแล้วคะ! ดื่มทุกวันแบบนี้อยากตายเร็วเหรอคะ!” จี้หรูอวิ๋นกล่าวอย่างไม่พอใจ
ฉินเยว่ก็วิ่งออกมาเช่นกัน “คุณพ่อคะ ทำไมดื่มอีกแล้วล่ะ”
ฉินเสี้ยวยวนโบกมือ พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “วันนี้มีมีเรื่องให้ดีใจ เลยดื่มไปไม่กี่แก้ว ดื่มไม่เยอะหรอก”
จี้หรูอวิ๋นรินน้ำชาให้เขา “เป็นอะไรไปคะ ดีใจเรื่องอะไรมา”
“ก็ต้องมีเรื่องดีเกิดขึ้นอยู่แล้วสิ!” ฉินเสี้ยวยวนยิ้มอย่างมีเลศนัย
ฉินเยว่นั่งย่อตัวลงข้างๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น รอฟังฉินเสี้ยวยวนพูด
จี้หรูอวิ๋นกลอกตามองบน “รีบบอกมาเถอะค่ะ!”
ฉินเสี้ยวยวนไม่ถือสา ตอบปนเสียงหัวเราะแห้งๆ “เสี่ยวเฉินกำลังจะได้เป็นหัวหน้าแผนกแล้ว!”
เขากล่าวคำนี้ออกมา ก็ทำให้จี้หรูอวิ๋นกับฉินเยว่อึ้งทันที
หัวหน้าแผนก?
โรงพยาบาลรัฐทำตามอำเภอใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
ตอนนี้ได้เป็นหัวหน้าแผนกแล้วเหรอ
พวกเขาล้วนทำงานในระบบนี้ ย่อมรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร!
จี้หรูอวิ๋นสนใจทันที “เกิดเรื่องอะไรกันแน่ คุณบอกมาสิคะ!”
ฉินเยว่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเช่นกัน เธอเดินไปอยู่ข้างหลังเหล่าฉิน นวดไหล่ให้เขาพร้อมประจบเอาใจ “คุณพ่อคะ รีบบอกมาเถอะค่ะ!”
เหล่าฉินไม่สบอารมณ์ทันที ทำไมพอฉันพูดถึงเฉินชางแล้วพวกเธอต้องดีใจขนาดนี้
แบบนี้…เอาใจคนอื่นเกินไปหรือเปล่า
หัวใจฉันก็มีความรู้สึกเหมือนกันนะ พวกเธอไม่รู้เหรอ
แต่เห็นได้ชัดว่าทั้งสองมองข้ามความรู้สึกของเหล่าฉิน ไม่มีใครสนใจสักนิด
ฉินเสี้ยวยวนส่ายหน้าอย่างจนใจก่อนจะบอกว่า “พวกหวังอวี้ซาน ทังจินโปอยากจะดึงเสี่ยวเฉินไปร่วมกลุ่มวิจัยเพื่อรับเงินทุนโครงการวิจัยของมูลนิธิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ พวกเขาต้องการให้โรงพยาบาลอันดับสองเข้าร่วมด้วย! ถ้าเข้าร่วมได้จริงๆ นี่ก็คือกลุ่มวิจัยระดับ ‘ร้อยล้าน’ โรงพยาบาลอันดับสองก็ย่อมได้อาศัยบารมีไปด้วย”
จี้หรูอวิ๋นได้ยินแล้วตาเป็นประกายทันที นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับการพัฒนาโรงพยาบาลอันดับสอง!
ถ้าโรงพยาบาลอันดับสองได้ยกระดับขึ้นมาอีกขั้น ก็ยิ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับฉินเสี้ยวยวน ไม่แน่ว่าอาจได้ก้าวหน้าอีกขั้นก่อนเกษียณ!
จี้หรูอวิ๋นถามเสียเลยว่า “เรื่องดีๆ แบบนี้คงไม่มีใครปฏิเสธหรอกใช่ไหมคะ!”
ฉินเสี้ยวยวนหัวเราะแห้ง “แต่พวกเขาให้ผมสร้างแผนกศัลยกรรมมือขึ้นมา ให้เสี่ยวเฉินเป็นหัวหน้าแผนก ต้องมีคนบางกลุ่มไม่พอใจอยู่แล้ว…
…แต่สี่คนนั้นก็ไม่ยอม บอกว่าถ้าไม่ให้เฉินชางรับผิดชอบ ก็จะไม่นับโรงพยาบาลอันดับสองไว้ในโครงการนี้ นี่เป็นการอาศัยบารมีชัดๆ ใครจะไม่เต็มใจล่ะ พอเป็นแบบนี้ทุกคนก็ไม่มีทางเลือกแล้ว!…
…ตอนหลังตัดสินใจเลือกหัวหน้าแผนกสองคน คนหนึ่งเป็นหัวหน้าแผนกตามปกติ ส่วนอีกคนก็คือเสี่ยวเฉิน…
…พวกเธอว่านี่เป็นเรื่องดีหรือเปล่าล่ะ”
จี้หรูอวิ๋นราวกับเห็นแสงสว่างตรงหน้า เธอยิ้มทันที “เรื่องนี้ดีกับทั้งคุณทั้งเสี่ยวเฉิน แต่ว่า…คุณไม่ได้เผยพิรุธใช่ไหม”
เหล่าฉินตบต้นขาแล้วหัวเราะลั่น “ผมเป็นใครกันล่ะ แต่พูดตามตรงนะ ตอนนั้นผมแทบอดไม่ไหว เกือบหัวเราะออกมาตรงนั้นแล้ว คุณไม่รู้ล่ะสิว่าตอนนั้นบรรยากาศเป็นยังไง ผมแทบจะไม่มีโอกาสเลื่อนขั้นให้เสี่ยวเฉิน แต่ตอนนี้เหมาะเจาะพอดีเลย ถือว่าเป็นไปตามธรรมชาติ คนพวกนั้นก็ว่าอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
ฉินเยว่กะพริบตาโตปริบๆ เธอดีใจสุดๆ “นั่นก็แน่อยู่แล้วค่ะ พ่อหนูเป็นใครกันล่ะ เป็นผู้อำนวยการฉิน ตาเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์ไง!”
พอฉินเสี้ยวยวนได้ยิน ก็อดตบหน้าผากฉินเยว่เบาๆ ไม่ได้ “เจ้าเด็กนี่ ใครเขาชมพ่อตัวเองแบบนี้กัน”
ฉินเยว่หัวเราะคิกคัก
……
……
เรื่องราวสุกงอมเร็วมาก ตอนที่มาทำงานวันจันทร์ เฉินชางเข้ามาถึงแผนก แต่ละคนก็เริ่มเรียกเขาว่า ‘หัวหน้าแผนกเสี่ยวเฉิน’ แล้ว!
เฉินชางอึ้งทันที แล้วก็เอามือเกาศีรษะ “เมื่อสองวันก่อนยังเป็นผู้อำนวยการเฉินอยู่เลยไม่ใช่เหรอ นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันก็กลายเป็นหัวหน้าแผนกเสี่ยวเฉินแล้ว ลดลงสองขั้นในรวดเดียวเลยนะ!”
ทุกคนได้ยินแล้วหัวเราะลั่น
การสร้างแผนกไม่ใช่เรื่องที่จะทำเสร็จภายในวันสองวัน เรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรเฉินชางมากนัก เป็นเรื่องของทางฝั่งโรงพยาบาล
และสำหรับเฉินชาง ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป!
ตอนกลางวันตรวจคนไข้ครบทุกห้อง
การผ่าตัดตอนบ่ายก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
แต่ชื่อของเฉินชางกลับโด่งดังทั่วทั้งโรงพยาบาลแล้ว ใครเห็นก็ต้องเรียกเฉินชางว่า ‘หัวหน้าแผนกเฉิน’ ทั้งนั้น เรื่องนี้ทำให้เฉินชางปรับตัวไม่ค่อยทัน
ในระบบของโรงพยาบาล ไม่มีกำแพงที่ไร้ช่องลมผ่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แพร่ไปทั่วทั้งโรงพยาบาลได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว!
แต่สิ่งที่เรียกว่าปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ตอนสี่โมงเย็นกว่าๆ อาจารย์เมิ่งโทรศัพท์มา แต่ปลายสายกลับเป็นซย่าเกาเฟิง
“เสี่ยวเฉิน คืนนี้มีผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจสองเคส คุณมาเถอะ ปลายเดือนธันวาคมก็ต้องแข่งขันแล้ว ช่วงนี้พยายามทำเวลาหน่อยดีกว่า” ซย่าเกาเฟิงกล่าว
พอเฉินชางได้ยินก็ตาเป็นประกายทันที มีหัวหน้าแผนกซย่ามาสอนด้วยตัวเอง โอกาสแบบนี้จะพลาดได้ยังไง
พอนึกถึงตรงนี้ เฉินชางก็รีบพยักหน้า “ได้ครับหัวหน้าแผนก ผมจะรีบไป”
พอวางโทรศัพท์ ฉินเยว่ก็โผล่มาข้างหลังเงียบๆ “ไม่ใช่ผู้หญิงใช่ไหมคะ”
เฉินชางกลอกตามองบน “you see see you one day day (เจอหน้าคุณอยู่ทุกวัน) คิดอะไรของคุณ”
ฉินเยว่บุ้ยปาก “ฉันเคยได้ยินมาว่าอาจารย์ของคุณชื่อเมิ่งโหย่วเลี่ยว[1]!”
เฉินชางเหงื่อแตกพลั่กด้วยความอับอายทันที…
[1] โหย่วเลี่ยว 有料 แปลว่ามีการศึกษา มีความสามารถ