บทที่ 535 ตรงประตูมีหมาป่า!
ตกกลางคืน พอเอนกายลงบนเตียงแล้ว เฉินชางก็ส่งข้อความหาฉินเยว่ “คุณนอนคนเดียวไม่กลัวเหรอ”
“กลัวอะไรคะ” ฉินเยว่งง
“คุณลองคิดดูสิ ข้างหลังคุณคือภูเขาหนานฉวน ข้างบนมีหมาป่า ระวังตอนเที่ยงคืนมันจะปีนขึ้นมาบนหน้าต่างห้องคุณนะ” เฉินชางตอบ
ฉินเยว่แสยะยิ้ม มีหรือที่เธอจะไม่รู้แผนร้ายของเฉินชาง “จริงเหรอคะ! คุณไม่ได้ขู่ฉันแน่นะ”
พอเฉินชางเห็นว่ามีหวัง ก็บอกอีกว่า “แน่นอนสิ ผมจะหลอกคุณทำไม คุณจำไม่ได้เหรอว่ามื้อค่ำกินอะไรไป เป็นอาหารป่าทั้งนั้นนะ”
“แล้วจะทำยังไงดีคะ หรือไม่งั้น…คุณมาอยู่เป็นเพื่อนฉันที่ห้องดีไหม” ฉินเยว่ถาม
เฉินชางแทบจะยิ้มออกมา “แบบนี้ก็ได้ คุณเปิดประตูสิ เดี๋ยวผมเข้าไป”
“ค่ะ ฉันเปิดแล้ว เข้ามาเถอะ!” ฉินเยว่ตอบ
ผ่านไปหลายนาที เฉินชางมายืนตรงหน้าประตู เขากำลังจะบิดลูกบิดประตูแต่ก็ชะงักทันที เปิดบ้าอะไรล่ะ!
ยัยตัวแสบแกล้งฉันนี่นา!
แต่…เฉินชางก็ไม่กล้าเปิดประตูอยู่ดี กลัวว่าเสียงจะรบกวนจนพ่อแม่ตื่น
เขาโมโหจนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที “ดีจังเลยนะครับ! ผมอุตส่าห์หวังดีมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ แต่คุณดันมาแกล้งผม”
ฉินเยว่หัวเราะคิกคักอยู่ในผ้าห่ม “หึหึ คุณอยากจะกินฉันเหรอคะ!”
เฉินชางพูดไม่ออกทันที ไม่น่าเชื่อว่าจะเถียงไม่ออก
“ไม่ใช่ เยว่เยว่ คุณไม่กลัวแต่ผมกลัวนะ ผมกลัว หรือไม่อย่างนั้น…คุณมาปกป้องผมดีไหม”
“กลับไป!” ฉินเยว่ตอบ
เฉินชางอึ้งทันที ยัยตัวแสบนี่ ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาจริงๆ ไม่รู้ซะแล้วว่าที่นี่ถิ่นใคร
เฉินชางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นั่งยองๆ อยู่ตรงมุมประตู “คุณไม่รู้เหรอว่าที่นี่ถิ่นใคร”
ฉินเยว่ยิ้มเย้ย “คุณเดาสิว่าฉันกล้าตะโกนบอกคุณอากับคุณน้าไหมว่าข้างนอกมีหมาป่า”
“มีหมาป่าที่ไหนกัน” เฉินชางงงมาก
ฉินเยว่หัวเราะเบาๆ “ตรงประตูมีหมาป่าหื่นกามตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่งไงคะ!”
เฉินชางถอนหายใจ แผน A ล้มเหลว พรุ่งนี้ค่อยคิดแผน B ใหม่แล้วกัน!
เขากลับมานอนที่ห้องแต่โดยดี ไม่ต้องพูดถึงเลย คืนนี้เขานอนหลับสบายเป็นพิเศษ หลังจากขอลาหยุดกลับมาบ้าน ในที่สุดจิตใจที่กระวนกระวายของเฉินชางก็สงบลงแล้ว
ถึงอย่างไรตัวเองก็เป็นคนธรรมดา ยังไม่มีความสามารถถึงขั้นควบคุมโลก ก็ต้องใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอยู่แล้ว
ในที่สุดก็ได้พักแบบไม่ต้องมีใครรบกวนได้เสียที
วันต่อมา ฉินเยว่ได้สัมผัสประสบการณ์ ‘ถูกไก่ขันปลุกให้ตื่น’ ตอนที่แสงแดดส่องเข้ามาในห้อง เสียงไก่ขันก็ทยอยดังขึ้นมา เธอตื่นขึ้นแล้วบิดขี้เกียจ
เมื่อคืนหลับลึกมาก หลังตื่นนอนจึงรู้สึกสดชื่น
หลังจากพับผ้าห่มเรียบร้อย ก็เปิดประตูห้องออกมาเงยหน้ามองภูเขาหนานฉวนที่อยู่ไกลๆ เธอสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง อากาศสดชื่นมากจริงๆ เหมือนมีรสชาติหวานอยู่ในอากาศ
ตรงที่ไกลๆ มีสุนัขหน้าโง่ตัวหนึ่งกำลังจ้องแขกไม่ได้รับเชิญ มันอยากจะเห่าแต่ก็ไม่กล้าเห่า เพราะผู้หญิงคนนี้ ตัวเองจึงถูกขังไว้ในกรง
อยากจะเห่าสักครั้ง แต่พอนึกถึงไม้กระบองของเฉินต้าไห่ มันก็ถอนหายใจแล้วหันตัวไป เดินสะบัดก้นสะบัดหางแสดงความไม่พอใจของตัวเองเงียบๆ
ลานบ้านใหญ่มาก ด้านนอกมีเล้าไก่ ในนั้นมีไก่สิบกว่าตัวกำลังร้องกุ๊กๆๆ ฉินเยว่เห็นตรงมุมหนึ่งในเล้าไก่มีไข่อยู่หลายฟอง ไม่แน่ใจว่ามันเพิ่งไข่ออกมาหรือเปล่า
พอคิดแบบนี้ ฉินเยว่ก็นั่งยองๆ แล้วยื่นแขนออกไป เธอสัมผัสมันได้พอดี บนไข่ไก่ยังอุ่นๆ อยู่เลย เรื่องนี้ทำให้เธออารมณ์ดี
แต่เห็นได้ชัดว่าแม่ไก่พวกนี้เหมือนไม่ค่อยสนใจไข่ของตัวเอง ถูกผู้หญิงคนอื่นแย่งไปก็ไม่สนใจ กลับกระพือปีกหนีไปอย่างสง่าผ่าเผย เหมือนแม่ไก่ที่ไม่มีความรับผิดชอบ!
ตอนที่กำลังลูบเปลือกไข่ จู่ๆ ฉินเยว่ก็ได้ยินเสียงหาเรื่องดังขึ้น
“ดีจังเลยนะ มาขโมยไก่ไล่เตะหมาตั้งแต่เช้า เอ? ในมือคุณมีอะไร ไข่ไก่บ้านผมนี่นา! จับโจรได้พร้อมของกลางเลย” เฉินชางหัวเราะลั่นใส่ฉินเยว่
ฉินเยว่ยังไม่ทันตอบอะไร หยางจยาฮุ่ยก็พูดกลั้วหัวเราะว่า “พูดอะไรของลูก เป็นของฉินเยว่ทั้งนั้น! อยากได้เท่าไหร่ก็เอาไปเลย ฉินเยว่ น้าเตรียมน้ำอุ่นให้หนูแล้ว ไปอาบน้ำก่อนแล้วมากินมื้อเช้ากันเถอะ”
ฉินเยว่ได้ยินแล้วยิ้มชื่นใจ ลุกขึ้นตอบว่า “ขอบคุณค่ะคุณน้า”
พูดจบก็กลอกตามองเฉินชาง
เฉินชางงงแล้ว นี่แม่ฉันไม่ใช่เหรอ
หลังจากฉินเยว่อาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็ยังอาลัยอาวรณ์กับไข่ไก่ฟองนั้นอยู่ หลังจากล้างไข่แล้ว เธอก็ตัดสินใจจะทำซุปไข่ด้วยตัวเอง!
หลังจากตอกไข่ลงในชาม จู่ๆ เฉินชางก็หัวเราะแล้วบอกว่า “ผมจะเล่นกลให้คุณดู!”
พอพูดจบเขาก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบไข่แดง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะคีบไข่แดงขึ้นมาได้!
สิ่งนี้ทำให้ฉินเยว่ตกตะลึง “นี่…ให้ตะเกียบคีบไข่แดงขึ้นมาได้ด้วยเหรอคะ นี่…นี่มันไข่ดิบนะคะ!”
“เก่งไหมล่ะ”
ฉินเยว่ที่กำลังแปลกใจตอกไข่อีกฟอง แล้วเธอก็พบว่าตัวเองคีบได้เหมือนกัน
ซุปไข่ที่ทำตั้งแต่เช้าตรู่ส่งกลิ่นหอมโชยมา จู่ๆ ฉินเยว่ก็พบว่าไข่ที่ตัวเองกินมายี่สิบกว่าปี ครั้งนี้อาจจะเป็นไข่ที่อร่อยที่สุดแล้ว
ตอนสายๆ เฉินต้าไห่บอกว่า “ชางเอ๋อร์ พาเยว่เยว่ไปดูตาน้ำพุบนภูเขาหนานฉวนสิ”
ฉินเยว่ได้ยินแล้วเกิดความสงสัยใคร่รู้ทันที
เฉินชางปล่อยสุนัขโง่ตัวนั้นออกมา มันคือสุนัขต้อนสัตว์พันธุ์พื้นเมืองของจีน ถึงอย่างไรก็เป็นสุนัขพันธุ์ผสม ยังมีเกียรติภูมิของสุนัขพันธุ์ผสมอยู่!
พอถูกปล่อยออกมาแล้ว มันก็รีบวิ่งไปข้างกายฉินเยว่แล้วดมกลิ่นตัวของเธอ แต่…ไม่น่าเชื่อว่ามันจะจามออกมา
พฤติกรรมนี้ทำเอาเฉินชางหัวเราะลั่น “เห็นหรือยัง มันแพ้น้ำหอมของคุณนะ”
ฉินเยว่ยิ้ม แต่ในใจแอบคิดบัญชีไว้แล้ว รอให้กลับไปเมืองอันหยางก่อน คอยดูเถอะว่าฉันจะคิดบัญชีกับคุณยังไง
สุนัขโง่ตัวใหญ่มาก สูงครึ่งเมตร อายุเจ็ดแปดปีแล้ว แต่หน้าตามันดูโง่มาก เฉินชางเรียกมันว่าหมาโง่มาตลอด เรียกมาหลายปีจนชินแล้ว
ในหมู่บ้านเวลาเลี้ยงสุนัขส่วนใหญ่จะไม่ผูกไว้ เฉินต้าไห่กังวลว่าสุนัขตัวนี้จะกัดฉินเยว่ ถึงได้ขังมันไว้
ทีแรกฉินเยว่ก็ยังกลัวนิดหน่อย แต่สุนัขโง่เหมือนจะรู้ถึงตัวตนและสถานะของผู้หญิงคนนี้ พอนึกถึงแม่ไก่เพื่อนบ้านของตัวเองที่ถูกฆ่าไปเมื่อวาน มันก็เริ่มกลัวแล้วเหมือนกัน ตอนที่เฉินต้าไห่เชือดไก่ให้สุนัขดู ถือว่าทำได้เหมาะสมมาก เมื่อสุนัขมาเห็นฉากฆ่าไก่ ก็ต้องรู้ประสาขึ้นเยอะอยู่แล้ว
หลังจากลองคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าการเป็นสุนัขขี้ประจบจะได้อยู่อย่างสงบใจมากกว่า มันจึงเลียรองเท้าของฉินเยว่เสียเลย
ตอนนี้ฉินเยว่เริ่มสบายใจ โค้งตัวลงไปลูบหัวสุนัขโง่ตัวนี้แล้ว
สุนัขโง่ยิ้มในใจ หึหึ ผู้หญิงก็หลอกง่ายแบบนี้แหละ ถ้าไม่ใช่เพราะกระบองของเฉินต้าไห่ทำให้ไม่สบายตัว ฉันคงไม่มาประจบเธอหรอก
ฉากนี้ทำให้เฉินชางงงนิดหน่อย เจ้าหมาโง่ตัวนี้…บำเพ็ญเพียรกลายเป็นปีศาจแล้วเหรอ!
เข้าใจถึงแก่นแท้ของสุนัขขี้ประจบ เลียประจบจนถึงที่สุด คุณสมบัติครบถ้วน!
……
มีคนใช้เส้นทางบนภูเขาเยอะมาก คนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านมาปูหินไว้ตั้งนานแล้ว ตอนเดินขึ้นไปได้กลิ่นอากาศชื้น มีสุนัขโง่เดินสั่นหัวส่ายหางอยู่ข้างกาย ฉินเยว่หยิบกิ่งไม้ขึ้นมาอันหนึ่ง เธอโยนไปข้างหน้าแล้วบอกว่า “เฉินชาง เก็บกลับมา!”
เป็นอย่างที่คาดไว้ สุนัขโง่เข้าใจนิสัยมนุษย์มาก มันวิ่งไปคาบกิ่งไม้อันนั้นไว้ แล้ววิ่งกลับมาอย่างว่านอนสอนง่าย
แต่ว่า…มันไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงถูกเรียกด้วยชื่อนี้ เหมือนจะ…เป็นชื่อของคนนะ
ช่างเถอะ ไม่สนใจแล้ว ประจบไว้ก่อน!
มันนั่งยองๆ แล้วอ้าปากแลบลิ้นออกมา หายใจเสียงดังแฮ่กๆๆ ใส่ฉินเยว่
เฉินชางเห็นแล้วปวดประสาทนิดหน่อย
“เจ้าหมาโง่ แกทรยศฉันเหรอ พรุ่งนี้ฉันจะฆ่าแก!”
พอสุนัขโง่ได้ฟังก็ตกใจยืนขึ้นทันที แล้วมาคลอเคลียบนขาของเฉินชาง
ฉินเยว่เห็นฉากนี้แล้วหัวเราะลั่น
สุนัขโง่มองสองคนที่จูงมือกันอยู่ตรงหน้าแล้วถอนหายใจเงียบๆ ความรู้สึกของมนุษย์นี่ซับซ้อนจริงๆ!
“หมาโง่ ตามมา!” ตอนนี้ฉินเยว่ตะโกนเรียกแล้ว
สุนัขโง่ได้ยินแล้ววิ่งตามไปทันที มันวิ่งนำหน้าไปแล้วหันกลับมามองเป็นระยะ พอเห็นว่าเจ้าของทั้งสองคนยังอยู่ มันถึงได้วิ่งไปข้างหน้าต่อ แล้วก็หันกลับมามองอีก…