บทที่ 537 ชิงไหวชิงพริบ
ว่ากันว่าในหมู่บ้านปิดเรื่องราวอะไรไม่ได้ ประเดี๋ยวเดียวเรื่องที่เฉินชางจัดกระดูกแขนให้ลูกเฉินเยี่ยนนีเมื่อคืนนี้ก็แพร่ไปทั้งหมู่บ้านแล้ว
ทุกคนต่างก็ชมว่าลูกชายของเหล่าเฉินสมกับเป็นหมอที่อยู่ในเมืองเอกของมณฑล ยอดเยี่ยมจริงๆ!
เช้าตรู่วันต่อมา เฉินชางยังไม่ตื่นนอนก็ถูกเฉินต้าไห่ปลุกเรียกแล้ว
เฉินชางที่ชิงไหวชิงพริบกับยัยขี้ประจบฉินมาทั้งคืนงุนงงไปชั่วขณะ
“มีอะไรครับพ่อ”
“ขนาดฉินเยว่ยังตื่นแล้ว ลูกยังไม่ตื่นอีกเหรอ พอคนในหมู่บ้านรู้ว่าพวกลูกมาที่นี่ ก็พากันมาให้ลูกตรวจโรคให้ถึงหน้าบ้านแล้ว” เฉินต้าไห่กำลังรับหน้ากับชาวบ้าน
“เร็วๆ หน่อย รีบลุกขึ้นมา คนบ้านเดียวกันก็เหมือนญาติกัน กว่าลูกจะกลับมาสักครั้งไม่ง่ายเลย ทำงานให้ทุกคนดูสักหน่อยสิ เขียนใบสั่งยาสักหน่อย!”
เฉินชางอึ้งแล้วเหงื่อแตกด้วยความอับอายทันที ผมเป็นหมอแผนกฉุกเฉิน จะเข้าใจเรื่องแพทย์แผนจีนได้ยังไง ไหนจะเขียนใบสั่งยาอะไรนั่นอีก…
แต่เขาก็ยังรีบลุกออกจากเตียง
เพียงแต่เฉินชางเสียดายนิดหน่อย ถึงยังไงก็มีเวลาอยู่บ้านแค่สองวัน แต่ต้องพลาดไปแบบนี้แล้ว ยัยตัวแสบไม่ให้โอกาสฉันลงมือเลย พอนึกถึงจุดนี้ แม้แต่เฉินชางก็ยังต้องทอดถอนใจ
เฮ้อ…
เฉินชางลุกขึ้นเก็บที่นอนแล้วเดินออกประตูมา พบว่าในลานบ้านมีคนเยอะมาก พอทุกคนเห็นเขาตื่นแล้วก็พากันทักทายพร้อมรอยยิ้ม
ในบ้านตอนนี้ ฉินเยว่กำลังคุยกับคุณยายคนหนึ่ง เธอบอกว่าต้องควบคุมความดันโลหิตอะไรทำนองนั้น
ที่จริงการอยู่บ้านจะตรวจโรคอะไรได้ พวกชาวบ้านก็แค่นำภาพเอกซเรย์ที่ไม่รู้ว่าถ่ายไว้นานเท่าไรแล้วมาถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
หลายครั้งที่ทุกคนต้องการเพียงความสบายใจ
หรือไม่ก็ถามว่าตัวเองจำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่
ฉินเยว่กระตือรือร้นมาก เธอเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน ดูจากสีหน้าปลื้มปริ่มของหยางจยาฮุ่ยก็รู้แล้ว
พอเดินออกมาจากบ้าน พวกชาวบ้านก็ชมเฉินต้าไห่ไม่หยุดว่าเป็นคนมีวาสนา ต่อไปนี้จะได้เสพสุขกับวาสนาแล้ว มีลูกสะใภ้ทั้งสวยทั้งนิสัยดี ทั้งยังเป็นหมอทั้งคู่ ต่อไปต้องได้เข้าไปเสพสุขชีวิตในเมืองใหญ่แน่นอน
เฉินต้าไห่หัวเราะเห็นฟัน บุหรี่จีนที่ยามปกติไม่นำออกมาสูบเพราะเสียดาย ตอนนี้ก็นำมาแจกให้พวกชาวบ้านแล้ว
หลังจากพวกผู้ชายในหมู่บ้านเห็นบุหรี่ก็กล่าวกลั้วหัวเราะทันที “ต้าไห่ใช้ได้เลยนะ เริ่มสูบบุหรี่จีนแล้ว!”
เฉินต้าไห่หัวเราะลั่น “ลูกสะใภ้ซื้อมาฝาก เธอรู้ว่าฉันชอบดื่มเหล้าสูบบุหรี่ เลยซื้อบุหรี่ดีๆ กับเหล้าดีๆ กลับมาด้วย”
เพื่อนร่วมวงเหล้าที่อยู่ข้างๆ จึงบอกว่า “นางหนูคนนั้นนำเหล้าเหมาไถมาฝากเหล่าเฉิน! รู้จักไหม เหล้าเหมาไถ หมักยี่สิบปีเชียวนะ! เมื่อคืนฉันหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เห็นว่าราคาสี่ห้าหมื่น”
เฉินต้าไห่ภูมิใจจนหน้าแดงนิดหน่อย!
คนเป็นพ่อเป็นแม่เมื่ออายุมากแล้วก็มีชีวิตอยู่เพื่อลูกเท่านั้น
ว่ากันว่าสามสิบปีแรกคนเคารพลูกชายเพราะเห็นแก่หน้าพ่อ สามสิบปีหลังคนเคารพพ่อเพราะเห็นแก่หน้าลูกชาย
คำพูดนี้ไม่ถือว่าเกินไปสักนิด
ฉินเยว่มีพื้นฐานวิชาแพทย์แน่นมาก อธิบายให้ความรู้กับชาวบ้านอย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้ทุกคนได้อะไรกลับไปมากมาย ได้เก็บเกี่ยวความรู้เยอะมาก
ส่วนพวกชาวบ้านที่อยากผ่าตัด ฉินเยว่ก็บอกพวกเขาพร้อมรอยยิ้มว่า “คุณตาคะ ถ้าคุณตาจะเข้าผ่าตัด ก็ไม่ต้องไปหาใครทั้งนั้น ถ้าจะผ่าตัดถุงน้ำดี คุณตามาที่โรงพยาบาลอันดับสองได้เลยค่ะ ไปหาเฉินชางก็สิ้นเรื่องแล้ว! เฉินชางเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงของโรงพยาบาลเราค่ะ การผ่าตัดของเขาก็โด่งดังมากด้วย!”
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ แต่ละคนก็ลุกขึ้นมาจับมือและยิ้มให้เฉินชางทันที พร้อมพูดกับเฉินต้าไห่กับหยางจยาฮุ่ย “ดีจัง ลูกชายมีอนาคต”
ทำให้เฉินต้าไห่กับหยางจยาฮุ่ยภาคภูมิใจในตัวลูกและตัวเองจากใจจริง
คนเราก็เป็นแบบนี้ เมื่อมีคนเคารพคุณ ก็ย่อมมีคนที่ดูถูกคุณด้วย ไม่ว่าที่ไหนก็หลักการนี้ทั้งนั้น
ยามว่างพวกชาวบ้านมักจะชอบคุยกันว่าลูกบ้านไหนประสบความสำเร็จ ลูกบ้านไหนหาเงินได้เยอะ ลูกบ้านไหนอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร
พอได้ยินว่าเฉินชางเป็นคนดีและเป็นคนเก่งขนาดนี้ บางคนที่ไม่พอใจก็บอกว่า
“ยังมีเหล้าเหมาไถหมักยี่สิบปีอยู่ด้วยนะ มีเงินขนาดนั้นทำไมไม่ซื้อรถสักคันล่ะ มัววางมาดอยู่ได้”
“ไอ๊หยา เฉินต้าไห่ชอบขี้โม้ว่าพอเฉินชางทำงานก็ซื้อได้แล้ว”
“ใช่ๆ ดูเขาหิ้วกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่เรียกรถกลับมาสิ เมืองอันหยางอยู่ตั้งไกล ถ้าเก่งนักก็ซื้อรถดีๆ สักคันขับมาสิ”
……
คนที่รังเกียจคนจนย่อมไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดี ชอบพูดเสียดสีเป็นเรื่องปกติ
วันนี้เฉินชางกับฉินเยว่ขึ้นรถรอบบ่าย กว่าจะไปถึงเมืองอันหยางก็ใช้เวลาสามชั่วโมงกว่า
เดิมทีเฉินชางตัดสินใจซื้อรถ แต่เพราะช่วงนี้งานยุ่งเกินไป เขาจึงไม่มีเวลาไปดูรถเลย รอกลับไปครั้งนี้แล้วค่อยว่ากัน ซื้อรถก่อนฉลองตรุษจีน เวลากลับบ้านจะได้สะดวกหน่อย
ตอนรับประทานอาหารมื้อเที่ยง จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้ามา “ต้าไห่! ต้าไห่! เร็วๆ เหล่าเฮ่อกลิ้งตกลงมาจากช่องเขา ถูกกิ่งไม้เสียบท้องแล้ว!”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่กำลังกินข้าวอึ้งไปตามๆ กัน!
เหล่าเฮ่อก็คือเพื่อนในวงเหล้าของเฉินต้าไห่ ปกติไม่ว่าจะว่างหรือมีธุระก็จะมาดื่มเหล้าและคุยเล่นกันกันเสมอ ลูกชายกับลูกสาวทำงานอยู่ที่ปั่กกิ่ง
ส่วนเฉินชางกับฉินเยว่พอได้ยินขาวนี้ก็รีบลุกขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความเคยชินด้านอาชีพ พวกเขารีบถามว่า “ตอนนี้ลุงเฮ่ออยู่ที่ไหนครับ”
ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าลนลาน “ยังติดอยู่บนเนินอยู่เลย มีคนไปดูเป็นโขยงแต่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง โทรเรียกรถฉุกเฉินแล้ว เสี่ยวเฉิน เธอกับฉินเยว่ไปดูหน่อยเถอะ พวกเรากลัวว่าถ้าไปแตะต้องแล้วจะเป็นอะไรขึ้นมา”
เฉินชางพยักหน้า เขากับฉินเยว่ก็วางตะเกียบแล้วตามชายคนนั้นออกจากบ้านไป
เฉินต้าไห่เองก็ร้อนใจเหมือนถูกไฟเผาเช่นกัน
หลังจากคนกลุ่มหนึ่งเดินไปถึงตีนเขา จู่ๆ ก็พบว่ามีคนอีกกลุ่มล้อมอยู่ไม่ไกลจากตีนไหล่เขา
พอเฉินชางมาถึง ผู้ชายคนนั้นก็ตะโกนทันที “รีบหลีกทาง หลีกไปเร็วๆ เสี่ยวเฉินมาแล้ว!”
พอได้ยินแบบนี้ กลุ่มคนก็รีบหลีกทางให้
เฉินชางจ้องไปทางนั้น เห็นชายคนหนึ่งมีรูอยู่บนท้องหนึ่งรู ทั้งยังมีเลือดซึมออกมาไม่หยุด บนบาดแผลมีเศษไม้แหลมหนึ่งแท่ง
เฉินชางอึ้งทันที!
ตำแหน่งของเศษไม้ก็คือท้องด้านบนขวา ค่อนข้างอยู่ใกล้ตับ สิ่งที่เฉินชางกังวลที่สุดก็คือจะบาดเจ็บไปถึงตับและหลอดเลือดแดงใหญ่อยู่ตรงท้องหรือไม่ แม้กิ่งไม้จะไม่ได้ใหญ่หยาบมาก แต่…ถ้าแทงเข้าไปมุมนี้ก็อันตรายมาก
พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็บอกทันทีว่า “ทุกคนอย่าแตะต้องมั่วซั่ว”
ไม่ต้องให้เฉินชางเตือนเลย ทุกคนเห็นฉากที่มีเลือดเยอะขนาดนี้ มีหรือที่จะกล้าแตะต้อง
เฉินชางรีบเข้าไปตรวจดูอาการ เขามองผู้ชายคนนั้นพร้อมถามว่า “ลุงเฮ่อ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ”
ชายคนนั้นกำลังใช้มือข้างหนึ่งปิดตา อยากจะใช้มืออีกข้างลูบท้องแต่กลับไม่กล้า “เจ็บ! เจ็บไปถึงหัวใจ! เจ็บตลอดเวลา…”
พอได้ยินชายคนนั้นตอบ เฉินชางกลับไม่ได้กังวลมากแล้ว ความเจ็บที่ต่อเนื่องแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นกับบาดแผลภายนอกส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรง
มีสัญญาณระคายเคืองเยื่อบุช่องท้องผิดปกติ เสียงลําไส้ดังน้อยกว่าปกติ!!
เฉินชางรีบบอกว่า “ไปหยิบหูฟังแพทย์กับเครื่องวัดความดันโลหิตมาหน่อยครับ”
ชายคนหนึ่งรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่คลินิกในหมู่บ้าน
เฉินชางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง วางมือไว้ที่หลอดเลือดแดงตรงข้อมือ หัวใจเต้นค่อนข้างเร็ว ลมหายใจยังปกติ
ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้มาก หนึ่งคือไม่กล้าดึงไม้ออก สองคือไม่กล้าเคลื่อนย้ายส่งเดช
ยังดีที่เลือดออกไม่มาก ไม่ต้องห้ามเลือดทันที พอเป็นแบบนี้ตัวเลขความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นแล้วไม่น้อย
คนที่เคยดูละครย้อนยุคมาต่างก็รู้ว่าหลังจากถูกธนูยิงแล้ว ตอนไม่ดึงออกก็ยังดีอยู่ แต่พอดึงออกแล้วจะอันตรายยิ่งกว่า!