บทที่ 551 ที่น่ากลัวคือใจคน ไม่ใช่ความเจ็บป่วย (2)
พอหวังโส้วเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็ยื่นหนังสือแจ้งภาวะเจ็บป่วยวิกฤตในมือมาให้ แล้วพูดกับภรรยาหยางหย่วนจงและพ่อแม่ของเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ตอนนี้อาการของหย่วนจงอันตรายมาก โอกาสผ่าตัดสำเร็จมีไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซนต์ โอกาสตายระหว่างผ่าตัดมีสูงถึงเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ หลังจากผ่าตัด…สรุปก็คือ ตอนนี้สถานการณ์อันตรายมาก นี่คือหนังสือแจ้งภาวะเจ็บป่วยวิกฤต ดังนั้น…ช่วยเซ็นชื่อด้วยครับ”
เพียงแต่ สีหน้าของเขาเรียบเฉยราวกับรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยทั่วไป
หยางหว่านซิ่วก็มองออกถึงท่าทางที่ไม่ปกติของหวังโส้วเช่นกัน เธอเห็นแล้วอดถอนหายใจไม่ได้
หลายปีมานี้ ตัวเองทำเกินไปแล้วจริงๆ
แต่…พอนึกถึงครอบครัวตัวเอง นึกถึงพ่อแม่และน้องชายตัวเอง เธอก็ไม่มีทางอื่นแล้วเช่นกัน…
หลังจากภรรยาของหยางหย่วนจงได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนทันที “พี่เขย พี่ต้องช่วยหย่วนจงนะคะ! ขอร้องค่ะ!”
พ่อตาหน้าดำคร่ำเครียดยิ่งกว่าเดิม สีหน้าบึ้งตึง หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล “หวังโส้ว ถึงยังไงเขาก็เป็นน้องเขยของเธอ เธอต้องช่วยเขาให้ได้นะ!”
หวังโส้วส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าผมไม่ช่วยเขา แต่สถานการณ์ของเขาอันตรายเกินไป มีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ หย่วนจงถูกมีดแทงเข้าตับไปแล้ว เส้นเลือดเสียหายหนักเกินไป มีเส้นเลือดบริเวณรอบตับเสียหายชัดเจน ผมรับประกันโอกาสสำเร็จไม่ได้ครับ…
…นี่คือหนังสือแจ้งภาวะเจ็บป่วยวิกฤต พวกคุณใครจะเป็นคนเซ็นชื่อครับ” หวังโส้วถามอีกรอบ
เพียงแต่…ผ่านไปนานยังไม่มีใครตอบ
ในใจหวังโส้วเริ่มแสยะยิ้มแล้ว คนครอบครัวเดียวกัน เฮ้อ…
“ผมติดต่อหมอผ่าตัดที่ดีที่สุดในมณฑลนี้ให้พวกคุณได้ แต่จำเป็นต้องใช้ค่าวิชาชีพเฉพาะทาง พวกคุณเลือกเองเถอะครับ แล้วก็หนังแจ้งฉบับนี้ด้วย รีบเซ็นเถอะครับ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครกล้าผ่าตัดให้นะครับ”
พอได้ยินน้ำเสียงราบเรียบของหวังโส้ว จู่ๆ พ่อของหยางหย่วนจงก็บอกว่า “เธอเป็นหมอที่เก่งที่สุดในแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีของตงหยางไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอทำไม่ได้แล้วใครจะทำได้…
…หวังโส้ว เธอเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วยไม่ได้นะ ถึงยังไงหย่วนจงก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของหว่านซิ่ว ทั้งครอบครัวรอให้เขาเลี้ยงอยู่ดี!”
หวังโส้วสูดหายใจลึก “คุณพ่อครับ ใจเย็นๆ ก่อน ผมพูดความจริงทั้งนั้น ผมทำไม่ได้จริงๆ อย่าว่าแต่ผมเลย ทั้งมณฑลตงหยางคงมีแค่คนเดียวที่ทำได้ ตอนนี้ผมกำลังเชิญเขามา แต่ต้องจ่ายค่าวิชาชีพเฉพาะทางแน่นอน อย่างน้อยหนึ่งหมื่นหยวน”
หลังจากได้ยิน พ่อตาหยางก็ลังเลพักหนึ่ง แล้วบอกว่า “หวังโส้ว พวกคุณอยู่ในระบบการทำงานเดียวกันทั้งนั้น หรือไม่อย่างนั้นเชิญมาก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ…ถ้าการผ่าตัดไม่สำเร็จขึ้นมาล่ะ…”
พ่อตาหยางคิดว่า เป็นคนในระบบการทำงานเดียวกัน ทำไมไม่ช่วยเหลือกัน คุณเชิญผม ผมเชิญคุณ ยังต้องออกค่าวิชาชีพเฉพาะทางอีกเหรอ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าการผ่าตัดล้มเหลว ค่าวิชาชีพเฉพาะทางที่จ่ายไปจะไม่สูญเปล่าหรอกหรือ
หวังโส้วอึ้งทันที แทบจะหัวเราะออกมา คนบ้านนี้เสพติดการวางกับดักฉันแล้วสินะยอดวิถีแห่งปีศาจ
“แบบนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ ถ้าพวกคุณไม่เซ็นชื่อ หรือไม่ให้ค่าวิชาชีพเฉพาะทาง อีกฝ่ายก็จะไม่ผ่าตัดให้ครับ”
หวังโส้วเข้าใจแล้ว เขาเหนื่อยจริงๆ!
ครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะไม่ยอมถอยให้แล้ว ยอมอ่อนข้อให้อีกไม่ได้แล้ว
พ่อตาหยางลังเลนิดหน่อย ก่อนจะบอกว่า “หวังโส้ว ค่าวิชาชีพเฉพาะทาง เธอออกให้ก่อนได้ไหม รอให้…”
หวังโส้วไม่รอให้พ่อตาหยางพูดจบประโยค เขาส่ายหน้าทันที!
เขาทนมามากพอแล้ว!
พ่อตาหยางมีเงินหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
ทุกครั้งเมื่อหยางหย่วนจงไม่มีเงิน เขาก็จะมาหาตน พ่อตาหยางมีบ้านที่เป็นชื่อของตัวเองกี่หลัง เขาจะไม่รู้เชียวเหรอ
ลูกชายคุณไม่มีเงิน คุณไม่ให้ แล้วยังจะมาหาผมอีกเหรอ
พวกเขารู้สึกว่าตนหาเงินมาได้ง่ายๆ มีเงินของใครบ้างที่ไม่ได้แลกมาจากหยาดเหงื่อแรงกาย
ลูกชายผมยังไม่มีบ้านเอาไว้แต่งงานเลยนะ
พ่อตาหยางเห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนทันที เขาจ้องหวังโส้วอย่างดุร้ายพร้อมกล่าวเสียงต่ำ “หวังโส้ว นี่เธอต้องการจะบีบให้หย่วนจงตายให้ได้เลยใช่ไหม”
หวังโส้วลุกขึ้น แล้วยื่นหนังสือยินนอมให้หมอที่อยู่ข้างหลัง “ถ้าพวกคุณเซ็นชื่อก็จะผ่าตัดได้ ผมจะออกไปข้างนอกสักรอบ”
พอพูดจบ หวังโส้วก็รีบเดินนอกประตูแผนกฉุกเฉิน
พ่อตาหยางตะโกนตำหนิเสียงดังตามหลัง “หวังโส้ว เธอมันเด็กอกตัญญู! ฉันตาบอดเองที่ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเธอ!”
พอพ่อตาหยางเห็นหวังโส้วไม่กลับมา ก็ตะโกนเสียงดังกว่าเดิม “ถ้าเธอไม่ช่วยหย่วนจง ก็หย่ากับลูกสาวฉันซะ!”
หยางหว่านซิ่วนั่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ร้องไห้อย่างเจ็บปวด
หวังโส้วหยุดฝีเท้า แล้วหันมาบอกว่า “ได้ครับ หย่าวันนี้เลยก็ยังได้”
หวังโส้วพูดจบแล้วหันตัวเอง พอเดินออกไปแล้ว สีหน้าก็ดูผ่อนคลายอย่างประหลาด
พูดตามตรง หลายปีมานี้เขาเหนื่อยจริงๆ
อย่าว่าแต่หวังโส้วที่ถูกครอบครัวนี้ขูดรีด แม้แต่ลูกชายตนที่อยู่เมืองหลวง บางครั้งเวลาโทรศัพท์มาก็ยังเล่าให้ฟังเลยว่าคุณตาขอยืมเงิน น้าขอยืมเงิน อะไรทำนองนั้น
ลูกชายของหวังโส้วอายุยี่สิบแปดแล้วยังไม่ได้แต่งงานเลย เพราะซื้อบ้านที่เมืองหลวงไม่ไหว
หวังโส้วรู้ว่าพ่อตาหยางอาศัยว่าเขาทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วเขาจะกลัวชื่อเสียงจะถูกทำลาย จึงจงใจตะโกนเสียงดัง
ตอนนั้นที่น้องเขยซื้อบ้าน หวังโส้วกำลังติดตามหัวหน้าแผนกไปเดินตรวจผู้ป่วยในวอร์ด พ่อตาหยางคนนี้ก็ทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย ทำให้หวังโส้วเสียหน้าหมดแล้ว ตอนนั้นเขายังอยู่ที่โรงพยาบาลตงต้า
ใครจะไปรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่เขาไม่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าแผนกหรือเปล่า
เสียหน้า?
หึหึ!
คุณเชิญโวยวายต่อไปเถอะ
เขาคิดไว้ดีแล้วว่าถ้าเฉินชางมาแล้วพ่อตาไม่จ่ายค่าวิชาชีพเฉพาะทาง ไม่เซ็นชื่อ เขาก็จะไม่ผ่าตัดให้
ตอนนี้เอง จู่ๆ หยางหว่านซิ่วก็ลุกขึ้นแล้วตะคอกพ่อตัวเอง “พอแล้วค่ะพ่อ!…
…ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อ ครอบครัวเราจะกลายเป็นแบบนี้เหรอ นี่พ่อยังเป็นพ่อคนอยู่ไหม พ่อต้องทำลายครอบครัวเราให้ได้เลยใช่ไหมถึงจะพอใจ…
…หยางหย่วนจงเป็นลูกชายพ่อ แล้วหนูไม่ใช่ลูกสาวพ่อเหรอคะ นอกจากเวลาต้องการเงิน เวลาอื่นเคยคิดถึงหนูบ้างไหม”
พอพูดจบ หยางหว่านซิ่วก็วิ่งไปข้างนอกเช่นกัน
ตอนนี้ตรงทางเดินนอกห้องผ่าตัดเงียบสนิท
หมอตำแหน่งเล็กๆ และพวกพยาบาลทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ถอนหายใจ
ทุกบ้านล้วนมีปัญหาที่จัดการยาก หัวหน้าแผนกก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน…
หมอตำแหน่งเล็กๆ มองพ่อของหยางหย่วนจง “ขออนุญาตถามครับ ใครจะเป็นคนเซ็นชื่อ ถ้าไม่เซ็นก็ผ่าตัดไม่ได้ อาการของผู้ป่วยตอนนี้อาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ รีบเซ็นเถอะครับ”
แม้แต่พยาบาลห้องฉุกเฉินที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็เดินเข้ามาแล้วเช่นกัน เป็นเพราะมีหวังโส้วอยู่ ญาติผู้ป่วยจึงทำทุกอย่างได้ง่ายมาก ยังไม่ทำเรื่องแบ่งชำระเงินก็ใช้ทางลัดเดินเข้ามาแล้ว แต่ตอนนี้…
“สวัสดีค่ะ ญาติผู้ป่วยต้องชำระงินมัดจำก่อนนะคะ จะแบ่งชำระ หรือชำระทันทีคะ”
พ่อตาหยางถลึงตา “ผมคือพ่อของหวังโส้ว”
พยายาลยิ้มตอบ “ขอโทษนะคะ แต่ต่อให้ท่านเป็นหัวหน้าแผนกหวัง ท่านก็ต้องทำเรื่องจ่ายเงินก่อนค่ะ!”
หมอก็บอกเช่นกัน “ถ้าไม่เซ็นชื่อ พวกเราก็จะเตรียมเย็บปิดหน้าท้องแล้วนะครับ”
ประโยคนี้ทำให้พ่อตาหยางงงเป็นไก่ตาแตก
เขาโมโหจนกระทืบเท้า!
แม่ยายที่อยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนนี้ก็บอกว่า “ฉันเซ็นเองค่ะ”
พ่อตาหยางได้ยินแล้วบอกทันที “เซ็นชื่ออะไรกัน! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าหวังโส้วจะกล้าไม่รักษาให้!”
พอภรรยาของหยางหย่วนจงฟังถึงตรงนี้ก็รีบบอกว่า “ฉันเซ็นค่ะ ฉันเซ็นเอง ฉันเป็นภรรยาของหยางหย่วนจง ฉันมีอำนาจเซ็นไหมคะ”
พ่อตาหยางโมโหทันที “เธอเซ็นเถอะ เธอมีเงินเธอก็เซ็นไป! ฉันจะคอยดูว่าใครจะผ่าตัดให้เธอ!”
“คุณมีอำนาจเซ็นครับ” หมอตอบภรรยา
ภรรยาของหยางหย่วนจงจ้องพ่อตาหยาง “คุณพ่ออยากให้หย่วนจงตายเหรอคะ ตอนนี้ชีวิตเขาขึ้นอยู่กับการเซ็นชื่อ คุณพ่อต้องการให้เขาตายเหรอคะ!”
——————————————