เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 548 ให้สองครอบครัวมาพบกันเถอะ!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 548 ให้สองครอบครัวมาพบกันเถอะ!

ฉินเยว่ยืนอยู่ตรงประตู กำลังมองดูข้าวของกองใหญ่ เป็นไข่ไก่สิบกว่าชั่ง ข้าวฟ่างยี่สิบสามสิบชั่ง ทั้งยังมีของกระจุกกระจิกกองใหญ่ที่แม่ของเฉินชางให้นำกลับมาด้วยอีก

ตอนนี้เธอทำสีหน้าเหมือนกำลังประสบความสำเร็จ!

เหล่าฉินคะ เหล่าฉิน ดูสิว่าพ่อได้อาศัยบารมีหนูมากขนาดไหน!

ตอนไปพกเหล้าไปสองชั่ง ตอนกลับได้ของติดไม้ติดมือมามากมาย คุ้มขนาดไหน!

พอนึกถึงตรงนี้ ฉินเยว่ก็รู้สึกคุ้มค่าเป็นพิเศษ

เธอกำลังคิดว่า…ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็จะกลับไปอีกรอบ!

แม่ของเฉินชางบอกไว้แล้วว่าจะเลี้ยงแม่ไก่เพิ่มหลายๆ ตัว ครั้งหน้าจะตุ๋นให้ฉินเยว่กินบำรุงร่างกาย ครั้งหน้าถ้าฉินเยว่มาอีก จะให้นำกลับไปให้คุณพ่อด้วยตัวหนึ่ง! อย่างไรเสีย เอาเหล้าของคุณพ่อมาฝากตลอดก็รู้สึกเกรงใจเช่นกัน

ฉินเยว่เคาะประตู “พ่อคะ แม่คะ เปิดประตู”

จี้หรูอวิ๋นกับเหล่าฉินกำลังนั่งคุยกันอยู่ในบ้าน

ฉินเสี้ยวยวนถอนหายใจ “ที่รักครับ พอเย่วเยว่ไม่อยู่บ้าน เหลือแค่เราสองคน ผมเบื่อมากเลย!”

จี้หรูอวิ๋นกำลังถือโทรศัพท์ขึ้นมา หลังจากอ่านบทความ ‘แม่ยายควรปฏิบัติกับลูกเขยอย่างไร’ จบไปหนึ่งบทแล้วได้ยินเหล่าฉินพูดแบบนี้ เธอก็กลอกตามองบนทันที “เมื่อวานซืนคุณยังบอกอยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ ว่าใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีดำแบบลูกสาวไม่ได้แล้ว”

ฉินเสี้ยวยวนหัวเราะลั่น “ผมล้อเล่นไม่ได้หรือไง ลูกสาวตัวเอง อย่าว่าแต่เหล้าสองขวดเลย ต่อให้เอาไปหมดก็ไม่เป็นไร ผมอาจจะได้เลิกเหล้าครั้งนี้ก็ได้!”

จี้หรูอวิ๋นยิ้มเย้ย “จริงเหรอคะ”

ฉินเสี้ยวยวนพยักหน้าอย่างจริงจัง “เรื่องนี้โกหกกันได้เหรอ”

ตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงของฉินเยว่ เหล่าฉินก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทันที “ลูกสาวผมกลับมาแล้ว ผมจะไปเปิดประตู!”

พอพูดจบ เขาก็รีบลุกขึ้นยืนใส่รองเท้าแตะสลิปเปอร์กลับข้างแล้ววิ่งไปที่ประตู

หลังจากเปิดประตูแล้วเห็นฉินเยว่ เหล่าฉินก็รู้สึกอารมณ์ดีแล้ว “กลับมาแล้วเหรอ เยว่เยว่! ไอ๊หยา! ทำไมเอาของกลับมาเยอะขนาดนี้”

ฉินเยว่พยักหน้า “ช่วยหนูถือเข้าไปหน่อยค่ะ พวกนี้เป็นของหนูเอง ของคุณพ่ออยู่ข้างหลังค่ะ”

จี้หรูอวิ๋นเห็นแล้วรีบวางโทรศัพท์เดินเข้ามา

เธอมองฉินเยว่หอบของพะรุงพะรังด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เย่วเยว่ ของพวกนี้คืออะไรลูก ทำไมเยอะขนาดนี้!”

หลังจากเหล่าฉินช่วยขนของเข้าบ้านแล้ว ฉินเยว่ก็ยิ้มพร้อมเล่าให้ฟังว่า “นี่คือของที่คุณแม่ของเฉินชางให้หนูมาค่ะ นี่คือไข่ไก่จากแม่ไก่ที่บ้านเขาเลี้ยงเอง อร่อยมากค่ะ เป็นไข่ไก่ที่อร่อยที่สุดเท่าที่หนูเคยกินมาเลย…นี่คือข้าวฟ่าง โจ๊กข้าวฟ่างที่บ้านเขากิน รสชาติไม่เหมือนกับที่เราเคยกินเลย…นี่คือ…”

ตอนที่เหล่าฉินกับจี้หรูอวิ๋นมองฉินเยว่อธิบายของที่นำกลับมาได้คล่องไม่หยุดปาก พวกเขาก็รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก…

ฉินเยว่หัวเราะคิกคัก “คุณแม่คะ นี่คือน้ำผึ้ง เป็นน้ำผึ้งที่คนในหมู่บ้านเลี้ยงเอง หนูตั้งใจเอามาฝากคุณแม่เลยนะคะ”

“พรุ่งนี้เช้าหนูจะให้คุณแม่ชิมไข่ไก่นะคะ อร่อยมากเลย”

เหล่าฉินกระแอม “เยว่เยว่ ทำไมลูกเอาของมาเยอะขนาดนั้นล่ะ ดูไม่ดีเลยนะ…”

ฉินเยว่ถอนหายใจ “คุณแม่ของเฉินชางจะให้หนูนำกลับมาด้วยให้ได้ ปฏิเสธลำบากค่ะ หนูเองก็อยากให้พ่อกับแม่ได้ชิมด้วยเหมือนกัน ก็เลยนำกลับมาด้วย หลังจากนี้หนูทำดีกับเธอให้มากๆ ก็พอแล้ว!”

จี้หรูอวิ๋นยิ้ม บ้านของเฉินชางมีอัธยาศัยไมตรีจริงๆ

ฉินเยว่มองพ่อแล้วหัวเราะคิกคัก “พ่อคะ รู้สึกไหมว่าหนูประสบความสำเร็จกลับมาเต็มที่เลย!…

…พ่อดูสิคะหนูขนของกลับมาเต็มเลย”

ฉินเสี้ยวยวนยิ้ม “นี่ลูกถูกพวกเขาซื้อแล้วเหรอ ยัยหนูคนนี้”

ฉินเยว่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ คุณพ่อดูเหล้าสองขวดนี้สิ แลกของมาได้ตั้งเยอะ พวกเราสามคนกินได้ ใช้งานได้ ดูสิคะว่าใช้ประโยชน์ได้จริงขนาดไหน เหล้ามีประโยชน์อะไรกัน คุณแม่ก็ไม่ให้คุณพ่อดื่มด้วย เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ใช่ไหมล่ะคะ”

จี้หรูอวิ๋นหัวเราะเบาๆ “ใช่ มีเหตุผล!”

ตอนไม่พูดก็ยังดีๆ อยู่ พอได้ยินแบบนี้ เหล่าฉินก็ปวดใจแล้ว…

เพียงแต่…ทำไมพอได้ยินฉินเยว่พูดแบบนี้แล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง!

ฉินเยว่ปรบมือแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “หนูคิดไว้แล้วค่ะ รอให้เฉินชางซื้อรถแล้ว ต่อไปเวลากลับบ้าน หนูจะเอาเหล้าไปฝากคุณพ่อของเฉินชางอีกสักสักหน่อย อ้อ ใช่ ครั้งหน้าหนูจะเอาของป่ามาฝากคุณพ่อกับแม่ด้วยนะคะ กระต่ายป่านั่นอร่อยมากจริงๆ ตอนฉลองปีใหม่ คุณพ่อของเฉินชางบอกว่าจะทำอาหารส่งมาให้พวกเราด้วยค่ะ”

ใช่จริงๆ ด้วย!

เหล่าฉินตกใจจนแทบชักกระตุก

ยัยเด็กคนนี้ ทำเกินไปแล้วจริงๆ!

เมื่อเห็นลูกสาวที่เปรียบเสมือนเสื้อผ้าฝ้ายสีดำกำลังจะถูกใส่ไว้บนตัวคนอื่นแล้ว เหล่าฉินก็หน้าเปลี่ยนสีทันที รีบพูดห้าม “ยัยเด็กคนนี้ เหล้านั่นเป็นของรักของหวงของพ่อนะ จะเหมือนกันได้ยังไง คิดจะเอาของเล็กน้อยพวกนี้มาแลกกับเหล้าของพ่อเหรอ! ทั้งยังจะซื้อรถมาขนเป็นลังๆ ด้วย? ไม่มีทางซะหรอก…”

พอฉินเยว่ได้ฟังก็ร้องเชอะแล้วมองแม่ตัวเองทันที “แม่คะ ดูพ่อสิ เพื่อเหล้าพวกนั้น พ่อถึงกับไม่ยอมให้พวกเราสองแม่ลูกได้กินได้อยู่แล้ว”

จี้หรูอวิ๋นโมโหจนแทบหัวเราะประชดออกมา!

ดูสองคนนี้สิ แยกกันแล้วคิดถึงกันแทบแย่ แต่พออยู่ด้วยกันก็เริ่มเถียงกันแล้ว…

“เหล่าฉิน เมื่อกี้นี้คุณยังบอกว่าคิดถึงลูกอยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ ตอนนี้ไม่คิดถึงแล้วเหรอ”

ฉินเสี้ยวยวนพ่นลมทางจมูกพร้อมถลึงตา “ดูยัยเด็กคนนี้สิ ลืมแล้วเหรอว่าตัวเองใช้แซ่อะไร นี่ไม่ใช่แค่ยื่นแขนออกนอกบ้าน[1]อย่างเดียวแล้ว นี่ยื่นทุกอย่างออกนอกบ้านหมดแล้ว”

ประโยคนี้ทำให้ทั้งฉินเยว่ทั้งจี้หรูอวิ๋นหัวเราะแล้ว

ฉินเยว่หัวเราะคิกคักพลางอวดกำไลที่ข้อมือ “พ่อคะ แม่คะ ดูสิคะ นี่เป็นกำไลที่คุณแม่ของเฉินชางให้หนูมา”

จี้หรูอวิ๋นกับเหล่าฉินอึ้งทันที หลังจากเห็นกำไลแล้ว พวกเขาก็ตาถลนทันที

กำไลวงนี้…คุณสมบัติไม่เลวเลยนะ!

เหล่าฉินเปลี่ยนท่าทีทันที

นั่นเป็นกำไลหยกที่โปร่งแสงที่สุด อีกทั้งมองปราดเดี๋ยวก็รู้แล้วว่าใช้เวลาหลายชั่วอายุคนกว่าจะทำให้มันวาวและเต็มไปด้วยความละเมียดละไมแบบนี้ได้!

ของสิ่งนี้…ไม่ใช่ของที่จะนำมาขายทำเงินได้ เพราะเป็นสมบัติตกทอดจากวงศ์ตระกูล!

พอคิดถึงตรงนี้ เหล่าฉินก็หน้าดำมืดทันที “เยว่เยว่ ถอดออกมา! เก็บไว้ รอกลับไปบ้านเฉินชางคราวหน้า ลูกคืนให้แม่ของเฉินชางซะ!”

จี้หรูอวิ๋นครั้งนี้ไม่ได้เข้าข้างฉินเยว่แล้ว เธอพยักหน้าเช่นกัน “ใช่ เป็นของล้ำค่าเกินไป นี่เป็นสมบัติที่ตกทอดมาจากวงศ์ตระกูลไม่ใช่เหรอ”

ฉินเยว่ได้ยินแล้วรีบบอกว่า “นี่คือสมบัติประจำตระกูลที่แม่ของเฉินชางให้หนู บอกว่าคุณย่าของเฉินชางให้เธอไว้ ตอนนี้ส่งต่อให้หนูแล้วค่ะ”

เหล่าฉินรีบบอกว่า “แบบนี้ก็ไม่ได้ เป็นของล้ำค่าเกินไปแล้ว ถ้าจะให้ก็ไว้ให้ตอนจะแต่งงาน!”

พอฟังมาถึงจรงนี้ ฉินเยว่ก็อดส่ายหน้าไม่ได้ ใจเธอไม่ได้สนใจว่าของสิ่งนี้จะราคาแพงหรือไม่ แต่เธอรู้สึกว่ามันมีความหมายบางอย่าง ต่อให้เป็นกำไลพลาสติกราคาหนึ่งหยวนก็ไม่เป็นไร พอคิดได้แบบนี้ ฉินเยว่ก็บอกตามตรงว่า “ไม่ได้ค่ะ นี่คือสิ่งที่แสดงว่าคุณแม่ของเฉินชางยอมรับหนูแล้ว เฉินชางก็เห็นแล้วด้วย เขาให้หนูเก็บไว้ให้ดีค่ะ…

…แล้วอีกอย่าง หนูกับเฉินชางก็ไม่ได้เล่นๆ กันนะคะ พวกเราจะแต่งงานกันจริงๆ หนูไม่คืนหรอกค่ะ หนูคิดดีแล้ว หนูจะซื้อกำไลให้คุณน้าวงหนึ่งค่ะ”

หลังจากพูดจบ ฉินเยว่ก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องตัวเอง แล้วถอดกำไลเก็บรักษาไว้อย่างดี

ของชิ้นนี้มีความหมายไม่ธรรมดาสำหรับเธอ รอให้ลูกของเธอโตแล้ว เธอก็จะมอบมันให้ลูกของเธอเช่นกัน

พูดให้ชัดก็คือ นี่คือคำสัญญาระหว่างเธอกับแม่ของเฉินชาง

เหล่าฉินกับจี้หรูอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง แล้วอดทอดถอนใจไม่ได้

ผ่านไปนาน เหล่าฉินถึงได้บอกว่า “หาเวลาว่างให้สองครอบครัวมาพบกันเถอะ”

จี้หรูอวิ๋นพยักหน้า เธอคิดว่าควรจะพบกันได้แล้ว

[1] ยื่นแขนออกนอกบ้าน 胳膊肘往外拐 หมายถึงหันไปเข้าข้างคนนอก

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท