ตอนที่ 511 เขี้ยวเล็บ
“ประมาณเมื่อไร?”
“น่าจะภายในสองวันนี้ ตอนนี้ยังกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนไม่ได้ ต้องดูสถานการณ์ก่อน ลงมือเมื่อสบโอกาส”
“ได้ ทางข้าเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว แค่มาแจ้งก่อนลงมือก็พอ ข้าจะจัดเตรียมคนรอรับไว้”
“ก็ตามนี้แล้วกัน! ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้หน่อย ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะลงมือนี้ห้ามก่อเรื่องอีก มิเช่นนั้นหากงานล้มเหลวจะมาโทษข้าไม่ได้”
มีเสียงแปลกๆ แว่วมาจากด้านหลังเถาบุปผาอยู่พักหนึ่ง พอเตือนเสร็จเฉาเซิ่งไหวก็จากไป
หนิวโหย่วเต้าเดินวนอ้อยอิ่งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปหาหยวนกังที่ยืนคอยอยู่ริมเขา ให้เขาแจ้งเหล่าศิษย์สำนักเบญจคีรีที่อยู่ในแถบนี้ให้เตรียมตัวรอรับให้ดี ส่วนจะต้องรับสิ่งใดตอนนี้ยังบอกไม่ได้ ก่อนงานจะสำเร็จไม่อาจปล่อยให้ข่าวรั่วไหลไปได้
หยวนกังเป็นกังวลนัก อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน “เต้าเหยี่ย นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาคงมีปัญหาใหญ่แน่ คุณไว้ใจให้เจ้าหมอนั่นทำงานแบบนี้จริงๆ เหรอครับ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “เรื่องแบบนี้ต้องให้คนในที่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในสำนักหมื่นสรรพสัตว์จัดการเท่านั้นถึงจะมีโอกาสลงมือ นายวางใจเถอะ เรื่องนี้ดูเหมือนจะอันตราย แต่ความจริงแล้วไม่เสี่ยงสักเท่าไร ขอแค่ระมัดระวังหน่อยน่าจะไม่เกิดปัญหาใหญ่โต”
“ในระหว่างที่ลงมือ ยาที่จัดเตรียมให้ไม่มีทางเกิดปัญหาแน่ หากถูกจับได้ตอนเคลื่อนย้ายศพก็บอกว่าจะเอาไปทำลายได้ หากถูกจับได้ตอนส่งของออกมาก็บอกได้ว่าขี่วิหคบินวนมาสองรอบ ผู้ใดก็พูดไม่ได้ว่าเฉาเซิ่งไหวกำลังขโมยของอยู่ ขอเพียงไม่ถูกจับได้ตอนส่งมอบของ ข้อผิดพลาดอื่นใด ต่อให้ตีให้ตายเฉาเซิ่งไหวก็ไม่มีทางยอมรับว่าจะขโมยไปให้คนอื่น ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาอื่นตามมาเป็นพรวน เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่มีใครปกป้องเขาได้อีกแล้ว เขาจะต้องหาข้ออ้างอย่างอื่นมากลบเกลื่อนแน่นอน”
“หากเกิดปัญหาผิดพลาดในเรื่องอื่นขึ้น มีเฉาจิ้งอยู่ทั้งคน ไม่มีผู้ใดสามารถบังคับยัดข้อหาขโมยของให้เขาได้ ส่วนเรื่องหลักเหตุผลฉันอธิบายกับเจ้าหมอนั่นไปชัดเจนแล้ว ในใจเขารู้ขอบเขตดี ต้องจัดการอย่างระมัดระวังแน่ อย่างน้อยที่สุด ต่อให้เกิดเรื่องขึ้นมา พวกเราแค่ยืนกรานไม่ยอมรับก็พอแล้ว”
หยวนกังแสดงความกังวลออกมา “ถ้าเกิดเรื่องนี้เป็นเรื่องขึ้นมา ถึงยืนกรานไม่ยอมรับก็น่าจะไม่มีประโยชน์มั้งครับ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวไปว่า “กรรมสิทธิ์เป่ยโจวไงล่ะ! ใช้สิ่งนี้เป็นเหยื่อล่อ ขอแค่เป็นข้อกล่าวหาที่เอาผิดพวกเราไม่ได้จริงๆ ฉันก็มีวิธีจัดการให้พวกสามสำนักใหญ่อย่างวังเหินเวหาออกหน้ามาข่มสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ช่วยพูดให้พวกเรา เพื่อปกป้องตัวเองให้รอด เฉาจิ้งเองก็จะต้องทำให้รูปการณ์เอื้อประโยชน์ต่อฝั่งเราแน่ แต่แน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้อยากให้เรื่องราวมันไปถึงขั้นนี้ แบบนั้นวุ่นวายเกินไป นั่นคือแผนสำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ในเมื่อลงมือทั้งทีก็ต้องได้ของมาถึงจะดีที่สุด เป็นทรัพยากรก้อนใหญ่เชียวนะ!”
หยวนกังพยักหน้านิดๆ ในเมื่อเต้าเหยี่ยเตรียมแผนรับมือเอาไว้ เขาก็เบาใจลงไม่น้อย
จู่ๆ ทั้งสองก็เหลียวหลังไปพร้อมกัน มองเห็นปีกทองตัวหนึ่งโฉบลงมาจากบนนภา ร่อนเข้าสู่ลานเรือน
หยวนกังหันหลังเดินเข้าไปทันที หนิวโหย่วเต้าถือกระบี่ต่างไม้เท้า เดินกลับไปอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นกลับมานั่งลงหน้ากระดานหมากภายในศาลาอีกครั้ง เก็บกวาดกระดานหมาก เหลียวมองรอบข้างเป็นระยะ
พอขาดอิ๋นเอ๋อร์ไปก็ดูเหมือนจะสงบสุขขึ้นไม่น้อย ราชินีปีศาจตนนั้นกินๆ นอนๆ ทั้งวัน จัดการได้ไม่ยากเย็นอะไร
หลังจากนั้นไม่นานหยวนกังก็กลับมา ยื่นจดหมายลับฉบับถอดความแล้วส่งให้ “มาจากทางเป่ยโจว”
หนิวโหย่วเต้าที่นั่งอยู่ตรงนั้นใช้มือหนึ่งกุมกระบี่ยันพื้น อีกมือยื่นไปรับจดหมายมา หลังอ่านจบก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
เป็นจดหมายจากเฉินกุยซั่ว รายงานสถานการณ์ทางฝั่งมณฑลเป่ยโจวให้ทราบ พร้อมทั้งคัดลอกเนื้อหาในจดหมายทั้งสามฉบับที่จะส่งให้แก่วังเหินเวหา วิมานม่วงทองและหุบเขากระบี่วิญญาณแนบมาด้วย เนื้อความในจดหมายทั้งสามฉบับถูกรวบมาในฉบับเดียว เนื้อหาภายในจดหมายทั้งสามฉบับนอกจากแจ้งเรียนผู้รับที่ต่างกันไปแล้ว ส่วนที่เหลือล้วนเหมือนกันหมด
หนิวโหย่วเต้าแค่นหัวเราะ สะบัดมือเล็กน้อย จดหมายติดไฟขึ้นมาด้วยตัวเอง ถูกเผากลายเป็นเถ้าธุลี “ดูเหมือนเขามหายานจะควบคุมเซ่าผิงปอเอาไว้เข้มงวดอย่างมาก ไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรอื่นใดให้ใช้งานแล้ว จึงทำได้เพียงมอบหมายความลับระดับนี้ให้เฉินกุยซั่วกับซ่งซูไปจัดการ” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
หยวนกังอ่านจดหมายมาก่อนแล้ว เนื้อความในจดหมายไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องซ่งซูเลย เขาเอ่ยด้วยความฉงน “ซ่งซู?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “หลายปีมานี้ ฉันจับตามองเขามาตลอด เซ่าผิงปอคนนี้ทะนงตนนัก ไม่มีทางปล่อยให้ใครมาควบคุมได้ง่ายๆ เขาต้องการดำเนินการตามความทะเยอทะยานของตน ดังนั้นจึงขัดขืนแคว้นหานที่อยู่ทางเหนือและต่อต้านแคว้นเยี่ยนที่อยู่ทางใต้ มีแต่ต้องเหยียบเรือสองแคมถึงจะสามารถทุ่มเทพัฒนาเป่ยโจวอย่างเต็มที่ได้ ซ่องสุมกำลังเตรียมรับมือกับศึกเหนือใต้ ถ้าไม่เข้าตาจนจริงๆ เขาไม่มีทางหันหน้ามาพึ่งแคว้นเยี่ยน เนื่องจากเขาทราบชัดเจนดี การกบฏก่อนหน้านี้เป็นบทเรียนมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเข้ากับแคว้นหานหรือแคว้นเยี่ยน ไม่ว่าจะเป็นแคว้นใดก็ต้องเพิ่มการควบคุมเขาแน่นอน สุดท้ายอาจถึงขั้นที่กำจัดอิทธิพลของเขาทิ้ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็นแน่นอน เจรจายอมจำนนอย่างนั้นเหรอ? ฉันเดาว่าเขากำลังสู้ยิบตาอยู่ พยายามจะถ่วงเวลา ต้องการถ่วงสมดุลแคว้นเยี่ยนกับแคว้นหานเอาไว้ ขอเพียงไม่เกิดปัญหาวุ่นวายภายนอกขึ้น เขาก็จะสามารถหยุดเขามหายานเอาไว้ได้ เซ่าซานเสิ่งคนนั้นไม่ให้เฉินกุยซั่วไปพบซ่งซู…ถ้าฉันเดาไม่ผิดไปละ ซ่งซูน่าจะไปส่งจดหมายให้ทางฝั่งแคว้นหาน ”
เขาหลับตาลง ยื่นมือข้างหนึ่งไปเขี่ยหมากเม็ดหนึ่งบนกระดานเล่น กำลังคำนวณระยะเวลาในการนำส่งจดหมายอยู่
หยวนกังไม่ได้รบกวนเขา อยู่ด้วยกันมานานย่อมรู้จักเขาดี ทราบดีว่าในช่วงเวลานี้เขากำลังขบคิดถึงปัญหาบางอย่างอยู่แน่นอน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น “น่าจะมีเวลาพอดำเนินการได้ทัน”
หยวนกังฉงนไม่เข้าใจ รอให้เขาอธิบายต่อ
หนิวโหย่วเต้ายกยิ้มมุมปากอย่างเยาะหยัน “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อถูกกดดันจะต้องตอบโต้แน่นอน หากเขาสงบไม่เคลื่อนไหว ฉันก็ทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ แต่เคลื่อนไหวแล้วก็ดี ฉันรอมานานแล้ว”
หยวนกังถาม “แล้วจะให้ส่งจดหมายไปไหมครับ? ทางเฉินกุยซั่วยังรอคำตอบจากคุณอยู่”
“ส่ง!” หนิวโหย่วเต้าวางหมากขาวสองตัวลงบนกระดานหมาก จากนั้นก็วางหมากดำลงไปอีกเม็ด “ให้เขาเอาจดหมายไปส่งให้สามสำนักใหญ่ ปฏิบัติตามที่เป่ยโจวสั่งการมา ส่วนทางแคว้นหาน ส่งคนไปลักพาตัวซ่งซูมา!”
หยวนกังฉงน “อยู่ไกลเกินไป จะให้ลักพาตัวยังไง?”
หนิวโหย่วเต้าเติมหมากดำอีกสามเม็ดลงบนกระดานหมาก เอ่ยอย่างไม่อนาทรว่า “สถานการณ์เร่งด่วน ผู้ส่งสารไม่มีทางอ้อมวนหลบๆ ซ่อนๆ ต้องมีร่องรอยให้ติดตามแน่ เลี้ยงดูทหารพันวันเพื่อใช้งานยามเดียว แจ้งไปยังสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาส สั่งให้สามสำนักติดต่อไปหากำลังคนที่อยู่ทางหอหิมะเหมันต์ ณ ภูเขาหิมะทันที เร่งติดตามผู้ส่งสารไปแล้วซุ่มโจมตีซะ ต้องจับตัวคนพร้อมจดหมายมาให้ได้ ต้องดำเนินภารกิจอย่างลับๆ ห้ามปล่อยให้ข่าวรั่วไหลออกไป…”
พอสั่งการเสร็จสิ้น ทั้งสองเงยหน้ามองออกไปบนอากาศด้านนอกศาลาอีกครั้ง เห็นปีกทองอีกตัวร่อนลงมาแล้ว
หยวนกังออกไปนอกศาลาทันที
หลังจากปีกทองของทางด้านนี้ถูกปล่อยออกไปแล้ว หยวนกังถึงกลับมาอีกครั้ง พยักหน้าแจ้งว่า “ส่งข่าวออกไปแล้วครับ เมื่อครู่เป็นข่าวจากทางเมืองวั่นเซี่ยง คนของสำนักเขามหายานในเมืองวั่นเซี่ยงมีความเคลื่อนไหวแล้ว เดินทางมายังสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว”
“ฮ่าๆ ดูเหมือนคนกลุ่มนี้จะได้รับจดหมายตอบกลับจากทางสำนักเขามหายานแล้ว ต้องการมาเข้าพบผู้นำหกสำนักใหญ่ เซ่าผิงปอที่อยู่ทางเป่ยโจวอาจจะลำบากแล้ว” หนิวโหย่วเต้ายันกระบี่ลุกขึ้นมา เอ่ยยิ้มๆ “มีแขกมาทั้งที พวกเราไปต้อนรับหน่อยเถอะ ไปทำความคุ้นเคยไว้ก่อน วันหน้าอาจจะได้ติดต่อกันอีก”
ทั้งสองเพิ่งเดินออกจากศาลา เสียงของก่วนฟางอี๋ก็แว่วมาจากด้านหลัง “จะไปไหนกันอีก?”
ทั้งสองหันกลับไปมอง เห็นก่วนฟางอี๋เดินส่ายสะโพกนวยนาดมาจากเรือนด้านหลัง
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ออกไปเดินเล่น ถ้าไม่กลัวขายหน้า จะไปด้วยกันหรือไม่เล่า?”
ก่วนฟางอี๋ร้องชิ “ข้าหาใช่โจรขโมยไม่ เจ้าเอาแต่ทำเรื่องลับๆ ล่อๆ ทั้งวันยังไม่กลัวจะขายหน้าเลย แล้วข้าจะกลัวไปไย?” ว่าพลางบิดเอวอ้อนแอ้นผ่านทั้งสองเดินนำออกประตูไป
หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมาเล็กน้อย เขากลัวว่านางจะคิดไม่ตกเพราะเรื่องโดนตบสองฉาดนั้น ปลงได้ก็ดีแล้ว เขาหันไปส่งสายตาให้หยวนกัง
หยวนกังเข้าใจความนัย จึงหยุดอยู่ตรงนี้ อยู่เฝ้าที่นี่เพื่อคอยติดตามข่าวสารที่จะส่งมา ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของเต้าเหยี่ย ไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้ ต้องการคนที่ไว้ใจได้คอยจับตามอง
…..
หน้าประตูสำนัก โฉวซานออกมาต้อนรับแขก เนื่องจากเรื่องของแดนความฝันผีเสื้อ ช่วงนี้เขาจึงต้องออกมารับแขกส่งแขกอยู่บ่อยครั้งนัก
แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาคือผู้อาวุโสที่เพิ่งเลื่อนระดับขึ้นมา อ่อนอาวุโสที่สุด ให้ผู้อาวุโสท่านอื่นที่มีลำดับอาวุโสสูงกว่ามาทำงานเช่นนี้ก็ไม่เหมาะสม เขาจึงทำได้เพียงก้มหน้าต้มตารับหน้าที่ไป
เขาร่วมทางไปกับแขก คอยแนะนำทิวทัศน์รอบข้างที่งามดั่งภาพวาด เพิ่งผ่านประตูสำนักเข้ามาก็บังเอิญพบชายหญิงคู่หนึ่งที่ออกมาเดินชมธรรมชาติ
มิใช่ใครอื่นเลย เป็นหนิวโหย่วเต้าและก่วนฟางอี๋
ก่วนฟางอี๋ที่ติดตามมาด้วยกำลังสงสัยอยู่พอดีว่าคนผู้นี้คิดจะทำอันใด มองจากวาจาท่าทางแล้วดูเหมือนจะมีเรื่องแน่ ท่าทางไม่เหมือนจะออกมาเดินเล่นเรื่อยเปื่อยเลย
แขกที่มากับโฉวซานก็มิใช่ใครอื่น เป็นกลุ่มคนจากสำนักเขามหายาน เดิมทีมาเพื่อสังเกตการณ์เรื่องแดนความฝันผีเสื้อ แต่ตอนนี้มีภารกิจอื่นเข้ามา จึงจำเป็นต้องมารบกวนสำนักหมื่นสรรพสัตว์
“น้องหนิว หงเหนียง ไยพวกเจ้าถึงมาเดินเล่นถึงที่นี่เล่า?” โฉวซานแย้มยิ้มเอ่ยทักทาย ตั้งใจสังเกตสีหน้าของก่วนฟางอี๋เล็กน้อย ตระหนักได้ว่าสตรีนางนี้เป็นตัวปัญหาโดยแท้ เป็นเพราะสตรีนางนี้ สำนักหมื่นสรรพสัตว์เกือบต้องเสียเงินสองล้านเหรียญทองไปอย่างไร้เหตุผลแล้ว โชคดีที่หนิวโหย่วเต้าปฏิเสธจึงประหยัดเงินไปได้ล้านเหรียญทอง
พอได้ยินคำว่า ‘หนิวและหงเหนียง’ หวงทงผู้อาวุโสจากสำนักเขามหายานก็มุ่นคิ้วขึ้นมานิดๆ สายตามองไปที่ร่างของหนิวโหย่วเต้า
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ “ต้องสำรวจทางหนีทีไล่เอาไว้สักหน่อย หากเผชิญการโจมตีหรือสังหารจะได้หลบหนีสะดวก”
โฉวซานยิ้มเจื่อน “น้องหนิวล้อกันเล่นแล้ว หากไม่หาเรื่องย่อมไม่เกิดปัญหา”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “กลัวก็แต่ฝ่ายหนึ่งหยุดมือแต่อีกฝ่ายยังไม่รามือ!”
จู่ๆ หวงทงที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “หรือว่าสองท่านนี้จะเป็นหนิวโหย่วเต้าแห่งหนานโจวแคว้นเยี่ยนกับหงเหนียงแห่งแคว้นฉี”
“ถูกต้อง” หนิวโหย่วเต้าตอบรับ เอ่ยด้วยสีหน้าแปลกใจ “ไม่ทราบว่าท่านคือ?”
หวงทงจ้องมองเขาพลางเอ่ยเนิบๆ “หวงทง ผู้อาวุโสแห่งสำนักเขามหายาน”
“เขามหายาน…โอ้ ผู้อาวุโสหวง ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว” หนิวโหย่วเต้าประสานมือคำนับอย่างสุภาพ หงเหนียงก็คำนับตาม แย้มยิ้มค้อมตัวให้เล็กน้อย
หวงทงเอ่ยว่า “ข้าก็ได้ยินชื่อเสียงของน้องหนิวมานานเช่นกัน” ยามที่เอ่ยว่า ‘ได้ยินมานาน’ สุ้มเสียงกลับไม่ค่อยดีนัก
หนิวโหย่วเต้ายืนค้ำกระบี่หัวเราะดังฮ่าๆ “มิกล้าๆ ข้าหลงนึกว่าคนจากเป่ยโจวจะคุยกันด้วยเหตุผลไม่เป็นเสียแล้ว ตอนนี้ดูแล้วสำนักเขามหายานดูมีเหตุผลอย่างยิ่ง ไม่เหมือนเซ่าผิงปอแห่งเป่ยโจวที่สังหารมารดาฆ่าน้องชายผู้นั้น ขออภัยที่ข้าต้องพูดตามตรง สำนักเขามหายานควรอยู่ห่างจากเซ่าผิงปอหน่อยจะดีกว่า จะได้ไม่ติดร่างแหไปด้วย”
หวงทงเอ่ยถาม “น้องหนิวกำลังขู่ข้าหรือ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ดูเหมือนผู้อาวุโสหวงจะมองข้าในแง่ร้ายเสียแล้ว ข้าเพียงแต่หวังดีต่อสำนักเขามหายานเท่านั้น ข้าสังเกตดูหมู่ดาวบนฟากฟ้า คาดว่าเป่ยโจวจะเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงในเร็วๆ นี้ มีแน้วโน้มว่าจะเปลี่ยนผู้ถือครอง ดังนั้นจึงเตือนด้วยความหวังดี สำนักเขามหายานรีบเตรียมทางหนีทีไล่แต่เนิ่นๆ จะดีกว่า”
ก่วนฟางอี๋ที่มีรอยยิ้มประดับหน้าอยู่ตลอดกลอกตาไปมา มองทางนั้นทีทางนี้ที เหตุใดถึงรู้สึกว่าหนิวโหย่วเต้าออกมาเดินเตร่เพราะพุ่งเป้ามายังคนผู้นี้กันนะ
หวงทงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ไปหาทางคิดดีกว่าเจ้าจะเผชิญหน้ากับสำนักหยกสวรรค์ในหนานโจวอย่างไร! ขอตัวก่อน” จากนั้นก็ไม่พูดมากอีก ว่าจบก็เดินผ่านหนิวโหย่วเต้าไป
โฉวซานส่ายหน้า เดินตามไป
กระทั่งกลุ่มศิษย์สำนักเขามหายานเดินผ่านไปแล้ว จู่ๆ หนิวโหย่วเต้าก็เอ่ยขึ้นว่า “ผู้อาวุโสหวงทงเอ่ยถึงสำนักหยกสวรรค์ขึ้นมา จู่ๆ ข้าก็เกิดความคิดขึ้นมากะทันหัน ในไม่ช้าก็เร็วนี้ข้าจะขับไล่สำนักหยกสวรรค์ออกไปจากหนานโจวแล้ว หากสำนักเขามหายานอยู่ที่เป่ยโจวต่อไม่ได้ มิสู้ลองพิจารณา ย้ายมาลงหลักปักฐานในหนานโจวดู จะได้ไม่ต้องถูกหนีบไว้ระหว่างแคว้นเยี่ยนและแคว้นหาน ลองทบทวนดูก็ไม่เสียหายกระมัง?”
เขาเอ่ยถึงข้อพิพาทที่มีต่อสำนักหยกสวรรค์ออกมาต่อหน้าคนมากมาย
วาจานี้ทำให้โฉวซานอกสั่นขวัญแขวน ตระหนักได้แล้วว่ากลุ่มคนที่มุ่งแก่งแย่งชิงดินแดนเหล่านี้แตกต่างไปจากคนที่มาเพื่อทำการค้ากับสำนักหมื่นสรรพสัตว์จริงๆ เผยเขี้ยวเล็บออกมาโดยไม่ปิดบังเลย
……………………………………………………………………………