ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 141 เหมือนจะมีเหตุผล

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 141 เหมือนจะมีเหตุผล

ตอนที่ 141 เหมือนจะมีเหตุผล

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่ ฟู่ซวี่ตงก็ตกใจทันที “อาหลี่ นายอย่าพูดอะไรไร้สาระนะ ฉันกับหรูฮวนเราเป็นเพื่อนกัน”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนี้ จึงปรายตามองฟู่ซวี่ตง

เพื่อนสนิทของตนตอนอยู่ต่อหน้าเสิ่นหรูฮวนมีท่าทางแตกต่างจากตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ว่าฟู่ซวี่ตงไม่ทันได้สังเกตเอง

แต่เมื่อเห็นว่าฟู่ซวี่ตงยังไม่รู้ตัว เขาจึงไม่พูดอะไรมาก ก่อนจะบอกกล่าวเพียงประโยคเดียว

“ครอบครัวของนายก็คอยแต่จะให้ไปดูตัวอยู่ตลอด แล้วครอบครัวของเสิ่นหรูฮวนก็อยากจะหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ ถ้าอย่างนั้นพวกนายสองคนก็ลองดูกันสักหน่อยสิ ถ้าเข้ากันได้ก็จะได้ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องที่ครอบครัวจะหาคู่ให้ หรูฮวนเองก็หาทางออกได้ด้วย แบบนี้ทุกคนก็ลงเอยด้วยดีไม่ใช่เหรอ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฟู่ซวี่ตงก็รู้สึกได้ว่ามีเหตุผล

“อาหลี่ ที่นายพูดมา ก็มีเหตุผลนะ แต่ว่า…”

หลังจากเอ่ยจบ เขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เรื่องนี้ก็ต้องถามความคิดเห็นของหรูฮวนด้วย ถ้าหล่อนเห็นฉันเป็นแค่เพื่อน ก็คงไม่อยากจะสานสัมพันธ์ต่อ”

“ถ้าอย่างนั้นลองขอให้มู่หลานช่วยถามให้ไหมล่ะ”

ฟู่ซวี่ตงได้ยินสิ่งนี้ จึงยกยิ้มพยักหน้าแล้วรีบเอ่ย “ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนน้องสะใภ้แล้วล่ะ”

เขาไม่สามารถอธิบายอารมณ์ของตัวเองในขณะนี้ได้ หลังจากได้ยินว่าฉินมู่หลานจะช่วยถามเสิ่นหรูฮวนว่ามีความเห็นอย่างไร เขาก็รู้สึกประหม่านิดหน่อย อีกทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นด้วย เขาคงกำลังคาดหวังอย่างจริงจัง

เมื่อคิดได้เช่นนั้น มุมปากของฟู่ซวี่ตงก็ยกยิ้มขึ้นนิดหน่อย หากเสิ่นหรูฮวนยอมตอบตกลง เขาคงจะมีความสุขมาก เพราะสุดท้ายแล้วทั้งสองก็รู้จักกันดีสักระยะหนึ่งได้แล้ว ยังดีกว่าไม่รู้จักกันเลยแล้วไปนัดดูตัวกันอย่างกะทันหัน

เสิ่นหรูฮวนในอีกด้านหนึ่งยังไม่ทราบว่าฟู่ซวี่ตงกำลังคิดเรื่องอะไร เมื่อได้มีฉินมู่หลานนั่งอยู่ข้างกายในตอนนี้ สุดท้ายหล่อนก็หลับไปอย่างสงบ

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานตื่นขึ้นมาก็พบว่าเสิ่นหรูฮวนตื่นแต่เช้าก่อนแล้ว

“หรูฮวน เธอตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ หิวหรือเปล่า เดี๋ยวพวกเราออกไปกินข้าวเช้ากัน”

เสิ่นหรูฮวนได้ยินจึงยกยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น “เอาสิ ฉันหิวนิดหน่อยแล้วล่ะ” ขณะที่พูด หล่อนก็เอ่ยขอบคุณอีกครั้ง “มู่หลาน เมื่อวานรบกวนพวกเธอมากเหลือเกิน”

ฉินมู่หลานหันไปพูดกับเสิ่นหรูฮวน “หรูฮวน เธอก็พูดเกินไป พวกเราทุกคนเป็นเพื่อนกัน เธอเจอเรื่องแบบนี้พวกเราก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุดอยู่แล้ว อาหลี่กับซวี่ตงน่าจะติดต่อที่บ้านเธอแล้ว ไม่แน่ว่าพวกลุงเสิ่นอาจจะมาถึงในอีกสองวัน”

เสิ่นหรูฮวนยังคงนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง พลางคิดว่าคงเป็นการดีที่สุดหากครอบครัวมาหาได้

“ถ้าพ่อฉันมาแล้ว จะให้พาตัวเจิ้งเต๋อข่ายกลับไป”

เมื่อพูดถึงเจิ้งเต๋อข่าย เสิ่นหรูฮวนก็กัดฟันพูด “ไอ้เดรัจฉานนั่น ถึงกับมีความคิดแบบนั้นได้ นี่มันเกินไปแล้ว”

ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขว่าตัวเองโชคดีที่ได้รู้ตัวตนแท้จริงของเจิ้งเต๋อข่ายตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นคงต้องแต่งงานกับคนแบบนี้แล้วชีวิตที่เหลือคงพังทลาย

ฉินมู่หลานก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของหล่อนเช่นกัน

“ใช่แล้ว โชคดีที่รู้ทัน แต่หรูฮวน เธอไม่ต้องกังวลเรื่องแต่งงานจนเกินไปหรอกนะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาคู่ชีวิตที่นิสัยดีอย่างรอบคอบ”

พูดถึงการหาคู่ครอง ทันใดนั้นเสิ่นหรูฮวนก็นึกถึงคนผู้นั้นที่ปรากฎตัวราวกับสวรรค์ส่งลงมาและช่วยเหลือหล่อนทันเวลา…ฟู่ซวี่ตง

เมื่อคิดเช่นนั้น ใบหน้าของเสิ่นหรูฮวนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ไม่นานนักก็รีบส่ายหัวอีกครั้ง

เพราะพวกเขาต่างเป็นเพื่อนกัน จึงต้องมาช่วยเป็นธรรมดา ทำไมอยู่ ๆ หล่อนจึงคิดไปเองได้นะ

สุดท้ายฉินมู่หลานก็จับชีพจรของเสิ่นหรูฮวนจนได้ เมื่อพบว่าหล่อนสบายดี ก็รู้สึกโล่งใจ

ฉินมู่หลานเห็นว่าใบหน้าของเสิ่นหรูฮวนแดงนิดหน่อย ด้วยความที่คิดว่าหล่อนอาจกลัวเรื่องเมื่อวานนี้อยู่ จึงรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย

เมื่อเสิ่นหรูฮวนเห็นว่าฉินมู่หลานกำลังจะจับชีพจรของตน จึงรีบส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ฉันไม่ได้ไม่สบายตรงไหนหรอก ฉันสบายดี แล้วพวกเธอก็อยู่ที่นี่กันหมด ฉันก็เลยไม่รู้สึกกลัวแล้วล่ะ”

สุดท้ายฉินมู่หลานก็จับชีพจรของเสิ่นหรูฮวนจนได้ เมื่อพบว่าหล่อนสบายดี ก็รู้สึกโล่งใจ

“หรูฮวน ในเมื่อเธอไม่เป็นไรแล้ว เรารีบไปกินข้าวเช้ากันดีกว่า”

เมื่อทั้งสองเปิดประตูออกไปข้างนอก ก็พบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ยืนอยู่ข้างนอกแล้ว

เมื่อเห็นว่ามีแค่เซี่ยเจ๋อหลี่แต่ฟู่ซวี่ตงไม่ได้อยู่ที่นี่ เสิ่นหรูฮวนจึงอดที่จะเอ่ยถามเสียไม่ได้ “แล้วซวี่ตงล่ะคะ เขาไม่อยู่เหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วแล้วหันไปจ้องมองเสิ่นหรูฮวน

แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดที่จะหันมองเสิ่นหรูฮวนไม่ได้เช่นกัน ก่อนจะบอกกล่าว “ซวี่ตงให้พวกเราไปกินข้าวกันก่อน เขาจะอยู่เฝ้าเจิ้งเต๋อข่าย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหรูฮวนก็พยักหน้า จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกเราเอาข้าวเช้ามาให้เขาทีหลังแล้วกัน เขาจะได้กินได้เลย”

เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าโดยไม่คัดค้านอะไร

คนทั้งกลุ่มออกไปกินอาหารเช้า หลังจากนั้นก็นำอาหารเช้ามาให้ฟู่ซวี่ตง ส่วนเจิ้งเต๋อข่ายก็ปล่อยให้หิวไป ถึงอย่างไรการอดข้าวไม่กี่มื้อก็ไม่ทำให้ตายหรอก

เมื่อฟู่ซวี่ตงเห็นเสิ่นหรูฮวนเข้ามา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว “หรูฮวน พวกคุณกินกันแล้วใช่ไหม…”

ฟู่ซวี่ตงมองอาหารที่อยู่ตรงหน้า ไม่อาจปิดบังรอยยิ้มในดวงตาได้ “ได้สิ เดี๋ยวผมกินเลย”

ในขณะที่กำลังหิวก็ได้มองคนสองคนกำลังจีบกันอยู่ตรงหน้า ในแววตาของเจิ้งเต๋อข่ายจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้นกว่าเดิม

เจิ้งเต๋อข่ายเห็นแบบนี้จึงรีบหดหัว แล้วก้มศีรษะมองต่ำ

“หรูฮวน ในเมื่อเธอไม่เป็นไรแล้ว เรารีบไปกินข้าวเช้ากันดีกว่า”

ฉินมู่หลานพูดพร้อมยกยิ้ม “ได้อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกเราซื้ออาหารเช้ากลับมาด้วย”

เมื่อทั้งสามคนกลับมาถึงเกสต์เฮ้าส์ เสิ่นหรูฮวนก็นำอาหารเช้าเข้ามาให้ฟู่ซวี่ตงทันที

เสิ่นหรูฮวนรีบพยักหน้าแล้วตอบกลับทันที “พวกเรากินกันแล้ว ซวี่ตง อันนี้ฉันเอามาให้คุณ คุณก็รีบกินเถอะ”

เจิ้งเต๋อข่ายถูกมัดอยู่ที่มุมห้องมองดูฟู่ซวี่ตงกินอาหารอย่างเพลิดเพลินใจ แต่เขาหิวจนท้องไส้แทบกิ่ว

ฟู่ซวี่ตงสังเกตเห็นแววตาเกลียดชังของเจิ้งเต๋อข่ายอยู่แล้ว ก่อนจะจ้องมองกลับไปด้วยสายตาเย็นชา

ผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าชกเขาคว่ำด้วยหมัดเดียวอย่างสบาย ๆ เขาจึงไม่อยากโดนต่อยอีกครั้ง คนพวกนี้ไม่มีใครพาเขาไปโรงพยาบาลเลย หากเขาบาดเจ็บอีกครั้ง คงไม่รู้ว่าจะเป็นหรือจะตาย

ฟู่ซวี่ตงเห็นเจิ้งเต๋อข่ายหดหัวลงไป จึงไม่ได้หันมองเขาอีก และยังคงกินข้าวเช้าต่อไป ครั้นเสิ่นหรูฮวนที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ เห็นว่าฟู่ซวี่ตงกินของที่นำมาให้หมดแล้ว จึงอดถามไม่ได้ “ซวี่ตง คุณอิ่มหรือยัง อยากกินอะไรอีกไหมคะเดี๋ยวฉันไปซื้อเพิ่มให้?”

ฟู่ซวี่ตงได้ยินแบบนี้ จึงยกยิ้มแล้วส่ายหัวพลางเอ่ยตอบ “ไม่ต้องแล้วล่ะ ผมอิ่มแล้ว”

หลังจากเอ่ยจบ เขาก็อดที่จะเรอเสียไม่ได้

เสิ่นหรูฮวนเห็นดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขำ

และเมื่อฟู่ซวี่ตงเห็นเสิ่นหรูฮวนกำลังยิ้ม เขาก็โล่งใจได้ในที่สุด หล่อนไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ก็ดีแล้ว

ฟู่ซวี่ตงคิดจะเฝ้าอยู่ที่นี่หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จแล้วบอกให้เซี่ยเจ๋อหลี่กลับไปทำงาน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือตระกูลเสิ่นที่มาเร็วเหลือเกิน ขณะที่เซี่ยเจ่อหลี่กำลังจะออกไปข้างนอก เสิ่นเจิ้นอวี่กับถงทิงผิงภรรยาของเขาก็มาถึงที่นี่พร้อมกับเสิ่นหรูฮุ่ยเรียบร้อย

ทันทีที่ถงทิงผิงเห็นลูกสาว หล่อนก็รีบเอ่ยถามอย่างประหม่า “หรูฮวน ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

เสิ่นเจิ้นอวี่กับเสิ่นหรูฮุ่ยมองดูด้วยความเป็นกังวล

เมื่อเสิ่นหรูฮวนเห็นครอบครัวของตัวเองมา น้ำตาก็พลันไหลริน หล่อนกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของถงทิงผิงทันที “พ่อ แม่ พี่ใหญ่ พวกคุณมากันแล้ว”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เขาว่าสายตามันหลอกกันไม่ได้นะ ลองคบดูไหมจะได้รู้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท