ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 143 ตระกูลเหยาแห่งปักกิ่ง

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 143 ตระกูลเหยาแห่งปักกิ่ง

ตอนที่ 143 ตระกูลเหยาแห่งปักกิ่ง

ถงทิงผิงสบโอกาส แล้วลองพูดคุยเรื่องนี้กับฉินมู่หลาน

“มู่หลาน ป้าว่าซวี่ตงดีมากเลยนะ ได้ยินมาว่าเขายังไม่มีคู่หมั้น ไม่รู้ว่าเขาจะสนใจตระกูลเสิ่นของพวกเราไหม ถ้าเป็นไปได้ ป้าก็อยากให้พวกเขาได้ตกลงปลงใจด้วยกัน”

เมื่อได้ยินดังนี้ ฉินมู่หลานก็เข้าใจได้ในทันที

อันที่จริงแล้ว เธอคิดว่าเสิ่นหรูฮวนกับฟู่ซวี่ตงช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมทีเดียว และเธอก็ได้ยินเรื่องที่เซี่ยเจ๋อหลี่เล่าให้ฟังแล้วว่าฟู่ซวี่ตงคิดเห็นอย่างไร ตราบใดที่หรูฮวนไม่มีปัญหา ทั้งสองก็สามารถลองดูใจกันได้ ดังนั้นจึงตอบไปทันที “ป้าถงคะ ป้ากับหนูคิดเหมือนกันเลยค่ะ ที่จริงแล้วหนูกับอาหลี่เคยลองถามซวี่ตงมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาค่อนข้างมีใจกับหรูฮวนอยู่ค่ะ และถ้าหรูฮวนเห็นด้วย เขาก็ไม่มีปัญหาอะไร”

“จริงเหรอ?”

ถงทิงผิงไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะราบรื่นขนาดนี้

“จริงแท้แน่นอนค่ะ ซวี่ตงพูดเองเลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย”

ถงทิงผิงรู้สึกมีความสุข หลังจากนั้นจึงแจ้งข่าวดีให้ลูกสาวทราบ

เสิ่นหรูฮวนไม่คิดว่าฟู่ซวี่ตงจะคิดแบบเดียวกัน กลับกลายเป็นว่าตนเองไม่ได้รักเขาอยู่ข้างเดียวแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้น ใบหน้าของเสิ่นหรูฮวนจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเคอะเขิน ก่อนจะแอบชำเลืองมองฟู่ซวี่ตงเงียบ ๆ

และอีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานก็ได้บอกข่าวนี้กับเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยเช่นกัน

ครั้นเซี่ยเจ๋อหลี่บอกเรื่องนี้กับฟู่ซวี่ตง ฟู่ซวี่ตงจึงทราบได้ทันทีว่าเสิ่นหรูฮวนหมายความว่าอย่างไร และรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมา เมื่อหันไปมอง ก็พบว่าเสิ่นหรูฮวนกำลังแอบมองอยู่ เขารีบหันกลับมาและก้มหน้าลงด้วยความเขินอายทันที

หลังจากนั้นเขาก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว รู้สึกเพียงว่าหัวใจเป็นสุขนิดหน่อย ที่เสิ่นหรูฮวนก็คิดเห็นเช่นเดียวกับเขา

ถงทิงผิงที่อยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็รู้สึกว่าเวลานี้เหมาะสมที่สุด “ซวี่ตง เธอคิดว่าหรูฮวนของเราเป็นยังไงบ้าง?”

“แม่…”

เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่เอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา เสิ่นหรูฮวนก็รีบดึงแขนเสื้อของหล่อน

ถงทิงผิงตบลูบหลังมือของลูกสาวเพื่อปลอบให้ผ่อนคลาย ในเมื่อฟู่ซวี่ตงก็สนใจหล่อนเหมือนกัน อย่างนั้นก็ควรทำให้เรื่องต่าง ๆ ชัดเจนในวันนี้ด้วยการให้ลูกสาวคบกับฟู่ซวี่ตงกันไปเลย

ฟู่ซวี่ตงได้ยินดังนี้ จึงเอ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมา “ผมคิดว่าหรูฮวนพิเศษมากเลยครับ”

“หรูฮวนของเราก็คิดว่าเธอพิเศษเหมือกัน หรือว่า…พวกเธอสองคนจะลองดูใจกัน ถ้าเข้ากันได้ พวกเราสองตระกูลก็แต่งกันเลย”

เสิ่นหรูฮวนหน้าตาแดงก่ำถึงหู ยังคงจ้องมองไปที่ฟู่ซวี่ตง อยากได้ยินเขาพูดด้วยตัวเอง

ฟู่ซวี่ตงพยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิด

เมื่อเห็นฟู่ซวี่ตงตอบโดยไม่คิดลังเล เสิ่นเจิ้นอวี่กับถงทิงผิงก็รู้สึกพอใจมาก ขณะที่เสิ่นหรูฮวนรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วขึ้นพร้อมกับใบหน้าร้อนผ่าว มองฟูซวี่ตงด้วยแววตาเป็นประกายสดใส

ฟู่ซวี่ตงมองกลับมาเช่นกัน ดวงตาของคนทั้งสองสบประสาน แล้วจ้องหน้ากันตรง ๆ

ถงทิงผิงเห็นลูกสาวกับฟู่ซวี่ตงแบบนี้ จึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวต่อ “หรูฮวน พวกแม่กินอิ่มกันแล้วล่ะ ว่าจะกลับไปพักผ่อนสักหน่อย ลูกกับฟู่ซวี่ตงก็ไปเดินเที่ยวเล่นกันแถวนี้ก่อนเถอะ”

“พวกหนู…”

ก่อนที่เสิ่นหรูฮวนจะทันได้พูดอะไร ถงทิงผิง เสิ่นเจิ้นอวี่ ฉินมู่หลาน เซี่ยเจ๋อหลี่สองสามีภรรยาก็ได้ลุกขึ้นยืนกันหมดแล้ว ก่อนจะรีบกลับกันทันที

เมื่อเห็นคนต่างเดินจากไป เสิ่นหรูฮวนก็ยังคงนั่งอยู่ตรงที่เดิม ใบหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

ฟู่ซวี่ตงเป็นคนแรกที่เอ่ยพูด “หรูฮวน พวกเราไปเดินซื้อของกันแถวนี้เถอะ ก่อนหน้านี้ผมบอกเอาไว้ว่าจะพาคุณเที่ยว”

“อ๋อ…เอาสิ”

เสิ่นหรูฮวนพยักหน้าเห็นด้วย สุดท้ายจึงเดินออกไปพร้อมกับฟู่ซวี่ตง

อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาคนตระกูลเสิ่นกลับไปที่เกสต์เฮ้าส์ เมื่อนึกถึงเรื่องที่อยากถาม ฉินมู่หลานก็อดที่จะหันไปเอ่ยถามเสิ่นเจิ้นอวี่เสียไม่ได้ “ลุงเสิ่นคะ ลุงพอจะรู้เรื่องของตระกูลเหยาที่ปักกิ่งไหมคะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นเจิ้นอวี่ก็พลันตกใจ ก่อนจะเอ่ยถามกลับ “ทำไมอยู่ ๆ พวกเธอถึงอยากรู้เรื่องตระกูลเหยาล่ะ”

จากที่เขาทราบ หนุ่มสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเหยา แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงได้สนใจตระกูลเหยาขึ้นมา

ถงทิงผิงเหลือบมองสามี ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลานสนใจ คุณก็รีบเล่าให้ฟังไปสิ จะถามอะไรมากมายกัน”

หลังจากเอ่ยจบ ถงทิงผิงก็บอกเล่าทันที “ตอนนี้ตระกูลเหยามีนายท่านเหยาหรือเหยาซื่อหงเป็นหัวหน้าครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างคุณนายเหยาหรืออินอวี่เจินกับนายท่านเหยาดีมากมาตลอด ทั้งสองคนมีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อเหยาจิ้งถง เป็นเพราะไม่มีลูกชายสืบสกุล เหยาจิ้งถงจึงได้เลือกคู่ครองเอง แล้วก็ได้ลูกชายชื่อเหยาอี้หนิง จริงสิ พูดถึงเหยาอี้หนิง ดูเหมือนว่าจะประจำอยู่ที่ฐานทัพนี้ด้วย”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงพยักหน้าแล้วรีบบอกกล่าว “ใช่ค่ะ เหยาอี้หนิงก็ประจำอยู่ที่นี่ พวกเราอยู่ใกล้กัน ก็เลยได้เจอพวกเขาสองสามีภรรยาตลอด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถงทิงผิงก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “มู่หลาน พวกเขาสองสามีภรรยาสร้างปัญหาให้พวกเธอหรือเปล่า พวกเธอก็เลยถามเรื่องตระกูลเหยาที่อยู่เมืองหลวง ป้าจำได้ว่าภรรยาของเหยาอี้หนิงคือเริ่นม่านลี่คุณหนูรองจากตระกูลเริ่น แม่หนูนั่นหยิ่งทะนงตัวมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นพวกเธออย่าประหมาดเชียว”

พูดถึงเริ่นม่านลี่ ถงทิงผิงก็นึกถึงเรื่องที่ลูกสาวของตนโดนเริ่นม่านลี่ผลักตกสระน้ำตอนที่ยังเป็นเด็ก สีหน้าจึงดูไม่ค่อยดีนัก

เสิ่นหรูฮุ่ยก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้เหมือนกัน จึงมีความประทับใจต่อเริ่นม่านลี่ไม่ค่อยดีนัก อดไม่ได้ที่จะหันไปเตือนฉินมู่หลาน “เริ่นม่านลี่นึกถึงแต่ตัวเอง ตอนที่แต่งงานกับเหรินอี้หนิงก็ดูไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ คิดแต่จะแต่งกับตระกูลที่ดีกว่า เพียงเพราะว่าเริ่นม่านนีพี่สาวของหล่อนได้แต่งกับตระกูลเซี่ยซึ่งดีกว่าตระกูลเหยา ก็เลยทำให้ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องไม่ค่อยดีนัก”

หลังจากได้ฟังสิ่งที่ถงทิงผิงกับเสิ่นหรูฮุ่ยเล่าแล้ว ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่จึงได้รู้เรื่องแผนผังครอบครัวตระกูลเหยามากขึ้น

และฉินมู่หลานก็นึกถึงชื่อแม่สามีของตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “นายท่านเหยากับคุณนายเหยามีลูกสาวแค่คนเดียวเหรอคะ?”

ถงทิงผิงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว ทั้งสองมีลูกสาวคนเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่เหยาจิ้งถงต้องการเลือกสามีเอง”

ฉินมู่หลานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาคิดผิด

ในตอนนั้นเอง เสิ่นเจิ้นอวี่ก็หันไปพูดกับฉินมู่หลาน “จริงสิ ตอนนั้นที่ลุงได้เจอแม่สามีเธอ คิดมาตลอดเลยว่าหน้าคุ้น ๆ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน พอได้ยินเธอพูดถึงตระกูลเหยา ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าแม่สามีของเธอหน้าเหมือนนายท่านเหยามากเลย”

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ต่างตกตะลึง

แม้แต่ถงทิงผิงกับเสิ่นหรูฮุ่ยเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน

ถงทิงผิงไม่ค่อยได้เจอหน้านายท่านเหยามากนัก จึงจำไม่ค่อยได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร จึงไม่คิดเปรียบเทียบ

เสิ่นหรูฮุ่ยกับเหยาอี้หนิงอยู่รุ่นราวคราวเดียวกัน เขาเคยเจอเหยาอี้หนิงและพ่อแม่ของอีกฝ่ายมาก่อน แต่เขาเคยเห็นจากที่ห่างไกลเพียงแค่ครั้งเดียว จึงไม่รู้สึกอะไร

“ลุงเสิ่น แม่สามีของฉันหน้าเหมือนนายท่านเหยาจริงเหรอคะ?”

ในตอนนั้นเอง ฉินมู่หลานก็นึกถึงเหตุการณ์ที่สถานีรถไฟขึ้นมาได้ หน้าตาของเซี่ยเจ๋อหลี่ได้กรรมพันธุ์ทอดแบบมาจากเหยาจิ้งจือแบบเต็ม ๆ หากเหยาจิ้งจือหน้าเหมือนนายท่านเหยาจริง เช่นนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็คงเหมือนนายท่านเหยามากเช่นกัน มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเชื้อสายของนายท่านเหยา

เสิ่นเจิ้นอวี่ลองนึกอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ยยืนยัน “ค่อนข้างคล้ายเลยล่ะ”

หลังจากพูดแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเซี่ยเจ๋อหลี่ “จริงๆ แล้วถ้ามองดี ๆ สหายเซี่ย คุณก็ดูคล้ายนายท่านเหยาเหมือนกันนะ ถ้าไม่สังเกตอย่างละเอียดก็บอกไม่ได้”

เป็นเพราะเสิ่นเจิ้นอวี่ไม่ค่อยได้เจอคุณนายเหยาบ่อยนัก เมื่อเขาเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงรู้สึกไม่ค่อยคุ้นตา อย่างที่ลุงเหยาบอกว่าเซี่ยเจ๋อหลี่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างนายท่านเหยากับคุณนายเหยา จึงมีเพียงลุงเหยาที่คุ้นเคยสนิทชิดเชื้อกับท่านทั้งสองที่เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ในแวบแรกแล้วรู้สึกตกใจ

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ตกลงคบกันแล้ว ทีนี้ก็เหลือทางตระกูลฟู่แล้วว่าจะยอมรับหรูฮวนหรือเปล่า

หรือว่าเหยาจิ้งจือเป็นลูกสาวนอกสมรสของนายท่านเหยาหว่า?

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท