ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 146 ทราบเรื่อง

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 146 ทราบเรื่อง

ตอนที่ 146 ทราบเรื่อง

เหยาจิ้งถงได้รับซองจดหมายก็รีบเปิดทันที หลังจากเห็นรูปของคนที่อยู่บนภาพก็ถึงกับตกตะลึง ไม่นานนักหล่อนลุกขึ้นยืนแล้วไปค้นลิ้นชัก จนกระทั่งพบอัลบั้มรูปก็รีบเปิดมันออกดูอย่างรวดเร็ว เนื่องจากจำได้ว่ามีรูปภาพของนายท่านเหยาสมัยยังเป็นหนุ่ม

“เจอแล้ว”

เหยาจิ้งถงพลิกหน้าอัลบั้มรูปเพียงสองครั้ง ก็เจอรูปของนายท่านเหยาตอนยังหนุ่ม

หลังพิจารณารูปของนายท่านเหยาแล้วหันมองรูปเซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ในมือ เหยาจิ้งตงได้แต่รู้สึกหนาวสั่นสะท้านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ รีบปิดอัลบั้มรูปทันที จากนั้นก็ยัดรูปถ่ายของเซี่ยเจ๋อหลี่ลงในซองจดหมายแล้วรีบลุกเดินไป

เมื่อเหยาจิ้งถงมาถึงลานเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเขตชานเมือง หล่อนก็รีบเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“แม่ ดูท่าไม่ดีแล้ว แม่ดูรูปนี้สิ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ยินอวี่โหรวเห็นลูกสาวมีท่าทางเช่นนั้น จึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “แกเป็นอะไรทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้ ไม่เห็นมีอะไรสักหน่อย”

เหยาจิ้งถงไม่สนใจเรื่องนั้นอีกแล้ว

“แม่ แม่ดูรูปนี้แล้วจะเข้าใจ คนนี้คือคนที่อี้หนิงเคยบอกว่าลุงเหยาสนใจมาก ฉันมีรูปถ่ายด้วย หน้าเหมือนนายท่านเหยาตอนหนุ่มเลย”

“จริงเหรอ?”

ยินอวี่โหรวมองรูปถ่ายด้วยความสงสัย หลังจากได้เห็นหน้าตาของเซี่ยเจ๋อหลี่ในภาพถ่าย แววตาก็เต็มไปด้วยความครุ่นคิด “คล้ายกันมากเลย พิมพ์เดียวกับเหยาซื่อหงตอนยังหนุ่ม”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นแม่พูด เหยาจิ้งถงก็อดที่จะเอ่ยเสียไม่ได้ “หรือเขาจะเป็นลูกนอกสมรสของนายท่านเหยาคะ?” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ไม่มีทาง”

ยินอวี๋โหรวส่ายศีรษะ “พวกเราต่างก็รู้ความรู้สึกที่เหยาซื่อหงมีให้กับยินอวี่เจินดี เขาไม่มีทางไปมีลูกนอกสมรสได้หรอก แล้วถ้าเป็นลูกนอกสมรสจริง แม่เด็กคงถ่อมาหาถึงหน้าประตูแล้ว”

เหยาจิ้งถงได้ยินเช่นนี้ จึงค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง พลางพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นแม่ “ใช่แล้ว ท่านเหยาซื่อสัตย์ต่อคุณน้าจะตาย ถ้าอย่างนั้นแล้ว เจ้านี่เป็นใคร ทำไมถึงหน้าเหมือนนายท่านเหยาตอนหนุ่มได้?”

“ก็อาจจะเป็นหลานชายของเหยาซื่อหงก็ได้” หลังจากเอ่ยจบ แววตาของยินอวี่โหรวก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

แลเมื่อเหยาจิ้งถงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ

“แม่ แม่จะบอกว่าพ่อหนุ่มนี่เป็นลูกชายของเหยาจิ้งจือเหรอ? แต่ว่า…หล่อนพลัดหลงหายไปนานแล้ว ตอนนั้นก็ยังเด็ก อาจจะตายไปแล้วก็ได้ อยู่ ๆ จะปรากฏตัวขึ้นได้ยังไง”

ยินอวี่โหรวปรายตามองลูกสาวของตน แล้วเอ่ยขึ้น “แกรู้ได้ยังไงว่าเหยาจิ้งจือตายแล้ว แกเห็นกับตาตัวเองเหรอ?”

เหยาจิ้งถงได้ยินเช่นนั้น จึงรู้สึกพูดไม่ออก แต่ไม่นานก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอีก

“แม่ ถ้าเหยาจิ้งจือยังมีชีวิตอยู่ แล้ว…แล้วฉันจะทำยังไง? ถ้าหล่อนกลับมาทวงทุกอย่างของตัวเองคืนทุกอย่างในตระกูลเหยา จะไม่มีอะไรเป็นของฉันเลยนะ” เมื่อเอ่ยจนจบ ใบหน้าของเหยาจิ้งถงก็เต็มไปความไม่พอใจ “ไม่ได้ ปล่อยให้หล่อนกลับมาไม่ได้ จะให้นายท่านเหยารู้เรื่องนี้ไม่ได้ด้วย เหยาจิ้งจือหายไปตั้งแต่เด็กแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็หายไปให้ตลอดเถอะ”

หล่อนยังจำตอนช่วงอายุเจ็ดแปดขวบได้ว่าเหยาจิ้งจืออยู่ที่นี่ และหล่อนก็ได้แต่อิจฉาเท่านั้น แต่หลังจากเหยาจิ้งจือพลัดหลงไป หล่อนก็ได้มีโอกาสมาอยู่ร่วมกับตระกูลเหยาถาวร เปลี่ยนแซ่เป็นบุตรสาวของนายท่านเหยา จึงได้มีทุกอย่าง ดังนั้นหล่อนจึงไม่อยากให้เหยาจิ้งจือปรากฎตัวขึ้นอีก

เมื่อคิดได้ดังนั้น เหยาจิ้งถงก็ลุกขึ้นยืน แล้ววางแผนจะให้คนไปสืบเรื่องเซี่ยเจ๋อหลี่ ว่าเขาเป็นลูกชายของเหยาจิ้งจือจริงหรือเปล่า

ยินอวี่โหรวเห็นลูกสาวจากไป ก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง “หยุดนะ แกกำลังจะทำอะไร”

“แม่ บางทีเหยาจิ้งจืออาจจะยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ก็ได้ ฉันต้องตรวจสอบให้แน่ใจสิ จากนั้น…” ขณะพูด ก็แสดงให้เห็นความชั่วร้ายที่สะท้อนผ่านนัยน์ตา

ยินอวี่โหรวรับรู้การแสดงออกของลูกสาวได้อยู่แล้ว จึงอดที่จะขมวดคิ้วแล้วบอกกล่าวเสียไม่ได้ “ทำไมแกถึงได้คิดอะไรโง่ ๆ แบบนี้ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพ่อบ้านตระกูลเหยาก็เคยเจอพ่อหนุ่มคนนี้เหมือนกัน แล้วแกคิดว่าพ่อบ้านตระกูลเหยาจะบอกเรื่องนี้กับเหยาซื่อหงหรือยังล่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งถงก็เหงื่อไหลอาบไปทั่วแผ่นหลัง

“แม่ ถ้าลุงเหยาเล่าเรื่องนี้ให้นายท่านเหยาฟังแล้ว ถ้าอย่างนั้น…นายท่านเหยาก็คงสั่งให้ลองสืบแล้ว ถ้าเหยาจิ้งจือยังมีชีวิตอยู่จริง นายท่านเหยาก็คงพากลับมาแน่”

“เอาอย่างนี้ แกปล่อยใจให้สบาย แล้วให้ฉันจัดการเรื่องนี้เอง แกอย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สุดท้ายเหยาจิ้งถงก็สงบสติลงได้ ก่อนจะพยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วพูดขึ้น “ค่ะ ฉันจะเชื่อฟังแม่”

อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานได้รับจดหมายของเจี่ยงสือเหิงแล้ว ก็อ่านดูทันที เมื่อพบว่าลูกสาวของนายท่านและคุณนายเหยาในปัจจุบันแท้จริงแล้วคือหลานสาว ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ไม่นานนักเธอก็อ่านอีกครั้ง จึงได้ทราบเรื่องว่าลูกสาวแท้ ๆ ของนายท่านและคุณนายเหยาพลัดหลงไปตั้งแต่เด็ก จนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวไม่พบเลย

เมื่อเห็นดังนั้น ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างสอดคล้องอย่างเป็นเหตุเป็นผล

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ฉินมู่หลานก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง

“อาหลี่ จากที่พ่อบุญธรรมไปสืบมา ฉันว่าแม่ของคุณคือลูกสาวตระกูลเหยาที่พลัดหลงไปตั้งแต่เด็กนะคะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ไปแล้วหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วย “เป็นไปได้มาก แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญด้วย”

“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

ฉินมู่หลานก็ทราบดีว่าเรื่องราวทั้งหมดอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด “ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงต่อไป จะบอกแม่เรื่องนี้ไหม”

“ใช่ ยังไงก็ต้องบอกแม่ แล้วมารอดูว่าท่านจะอยากตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงที่ให้กำเนิดตัวเองหรือเปล่า”

แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่ค่อยกระตือรือร้นกับเรื่องนี้สักเท่าใดนัก

“ในเมื่อตระกูลเหยามีอำนาจมากมาย ทำไมพวกเขาถึงไม่ตามหาเด็กตั้งแต่ตอนที่เพิ่งพลัดหลงไปล่ะ ผ่านมาตั้งหลายปี พวกเขาคงเลิกตามหาแล้ว แล้วพวกเขาก็ยังมีลูกสาวอีกคนด้วย จะยังมาสนใจลูกสาวที่หายตัวไปตั้งหลายปีอีกเหรอ”

ฉินมู่หลานไม่ได้ปฏิเสธเมื่อได้ยินสิ่งนี้

“ใช่แล้ว ไม่เคยได้ยินว่าตระกูลเหยาตามหาคนเลย บางทีพวกเขาออาจจะยอมแพ้ไปนานแล้ว”

หลังจากพูดคุยกันไม่กี่คำ คู่รักหนุ่มสาวก็ตัดสินใจบอกเหยาจิ้งจือเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน ส่วนจะทำอย่างไรต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความคิดของเหยาจิ้งจือเอง หากเหยาจิ้งจืออยากตามหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของหล่อน พวกเขาก็จะช่วยตรวจสอบอย่างแน่นอน แต่ถ้าเหยาจิ้งจือไม่ต้องการ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้

ตอนนี้สิ่งที่เซี่ยเจ๋อหลี่เป็นกังวลมากที่สุด ก็คือฉินมู่หลาน

“มู่หลาน วันนี้คุณอยู่บ้านเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นสีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่เต็มไปด้วยความกังวล ฉินมู่หลานก็อดที่จะยกยิ้มเสียไม่ได้ “ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดีทุกอย่าง จริงสิ ฉันยังไม่ได้บอกที่บ้านเรื่องท้องลูกแฝดเลย เอาไว้จะเขียนจดหมายบอกทีหลัง”

“ไม่ต้องเขียนแล้ว ผมส่งโทรเลขกลับไปบอกที่บ้านแล้ว ถึงตอนนั้นพ่อกับแม่ผมก็คงไปบอกพ่อกับแม่ของคุณให้ทราบเอง”

ฉินมู่หลานไม่คิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะไวขนาดนี้ “คุณไปส่งโทรเลขตั้งแต่ตอนไหนคะ”

“วันนี้ตอนเช้า ผมก็อยากจะบอกข่าวดีกับครอบครัวเร็ว ๆ เหมือนกัน ถึงได้ส่งโทรเลขไปบอกทันทีเลย”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้จึงไม่เขียนจดหมายอีกแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องเขียนไปถามเรื่องของเหยาจิ้งจืออยู่ดี ดังนั้นเธอจึงวางแผนจะเขียนส่งไปในวันพรุ่งนี้

แต่สิ่งที่ฉินมู่หลานไม่คาดคิดก็คือเธอยังไม่ทันจะได้ส่งจดหมาย เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็มาหาก่อนแล้ว

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เป็นสองแม่ลูกนี่เองที่วางแผนทำให้เหยาจิ้งจือหายไปจากตระกูลเหยา ความสัมพันธ์ของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงช่างซับซ้อน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท