ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 147 ความคุ้นเคย

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 147 ความคุ้นเคย

ตอนที่ 147 ความคุ้นเคย

เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิง ใบหน้าของฉินมู่หลานก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ “พ่อคะ แม่คะ ทำไมถึงมากันได้ล่ะคะ?”

เมื่อสักครู่นี้ทหารรักษาความปลอดภัยเพิ่งเดินมาบอกว่าคนในครอบครัวมาหา เธอจึงรู้สึกสงสัยนิดหน่อยว่าใครมา ไม่คิดว่าจะเป็นพ่อแม่สามี

เหยาจิ้งจือเห็นฉินมู่หลานแล้วก็รีบก้มมองดูท้องของเธอทันที เมื่อเห็นว่าท้องของลูกสะใภ้ใหญ่มากแค่ไหน จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “มู่หลาน ช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ได้ยินมาจากอาหลี่ว่าเธอท้องลูกแฝด แค่ตั้งท้องก็ลำบากมากพออยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องท้องลูกแฝดเลย ฉันกับพ่อก็เลยรีบมา เอาของบางอย่างมาให้พวกเธอด้วย”

ตอนนี้เซี่ยเหวินปิงกำลังถือกระเป๋าใบใหญ่สองใบ ซึ่งน่าจะนำมาให้พวกเขา

ฉินมู่หลานเห็นว่าทั้งสองคนถือของพะรุงพะรังเต็มไปหมด จึงรีบเอ่ยเชิญ “พ่อคะแม่คะ พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะค่ะ”

“ได้สิ”

ทหารยามเห็นว่าพวกเขาเป็นครอบครัวของเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงช่วยเซี่ยเหวินปิงยกของกลับไปด้วยกัน

หลังจากเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงมาถึง พวกเขาก็มองสำรวจโดยรอบ และเห็นว่าบ้านหลังนี้ไม่ใหญ่ เหยาจิ้งจือจึงอดที่จะพูดเสียไม่ได้ “ถึงจะไม่กว้างเท่าที่บ้าน แต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก”

“พ่อคะแม่คะ นั่งพักก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันเอาน้ำมาให้”

เหยาจิ้งจือได้ยินจึงรีบปรามทันที “มู่หลาน เธอนั่งเถอะ นั่งเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง” ตอนนี้หล่อนแทบอดใจที่จะดูแลลูกสะใภ้คนเล็กเสียไม่ไหว จึงไม่อยากเห็นเธอทำอะไรเลย

แม้แต่เซี่ยเหวินปิงก็เอ่ยจากด้านข้าง “ใช่แล้วมู่หลาน ปล่อยให้แม่เธอทำเถอะ เธอรีบนั่งพักผ่อนดีกว่า ฉันยังมีจดหมายจากน้องชายเธอฝากมาให้ด้วย เธอลองเปิดดูก่อน”

ขณะเอ่ยก็หยิบซองจดหมายออกมาจากแขนเสื้อ

ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินมู่หลานก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เคอวั่งเขียนถึงฉันเหรอคะ?”

“ใช่แล้วล่ะ น้องชายเขาเขียนมาให้เธอ” เซี่ยเหวินปิงบอกพลางยื่นจดหมายไปให้ “พ่อกับแม่ของเธอก็รู้แล้วนะว่าเธอท้องลูกแฝด พวกเขาก็อยากจะมาหาเธอเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าทางเราคิดว่าคนจะมาเยอะกันเกินไป พวกเขาก็คงมาด้วยแล้ว”

ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดนี้ จึงเงยหน้าขึ้นมอง

จดหมายฉบับนี้เคอวั่งเป็นคนเขียน แต่เนื้อหาข้างในอาจจะมีคำพูดของคนในครอบครัวฝากส่งมาด้วย บางคนบอกให้เธอดูแลลูกน้อยให้ดี นอกจากนี้ก็ถามด้วยว่ามีอะไรที่อยากกินไหม แถมบอกเธอว่าอย่าได้หิวและปล่อยให้ตัวเองอ่อนล้า เมื่อเห็นว่าเนื้อหาในจดหมายเต็มไปด้วยถ้อยคำที่ห่วงหาตน ริมฝีปากของฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ในตอนนี้เหยาจิ้งจือก็ได้เทน้ำและยกเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นฉินมู่หลานอารมณ์ดี หล่อนก็ยกยิ้มเช่นกัน

“มู่หลาน รอจนอาหลี่กลับมาแล้วฉันจะลองถามดูนะ ถ้าให้คนมาเพิ่มได้อีก จะได้ให้พ่อแม่เธอมาด้วยกัน พวกเขาแทบอยากจะตามมาตอนที่พวกเราออกเดินทางกัน”

เมื่อเอ่ยจบ เหยาจิ้งจือก็หันมองเซี่ยเหวินปิงแล้วรีบบอกกล่าว “จริงสิ พ่อตาแม่ยายฝากพวกเราเอาของมาให้มู่หลานไม่ใช่เหรอ คุณรีบเอาออกมาสิ”

“จริงด้วย เดี๋ยวผมเอาให้”

เซี่ยเหวินปิงหยิบกระเป๋าใบเล็กใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ “มู่หลาน เธอรีบเปิดดูสิ”

หลังจากมู่หลานรับไป ก็พบว่าข้างในมีกล่องข้าวอลูมิเนียมและอาหารแห้งอยู่ในนั้น เธอเปิดกล่องข้าวอลูมิเนียมออกดู ก่อนจะพบว่ามันเต็มไปด้วยเนื้อหมักซีอิ๊ว เพียงแค่กลิ่นโชยมาก็รู้สึกหอมน่ารับประทานแล้ว

เหยาจิ้งจือเห็นเช่นกัน “มู่หลาน แม่เธอบอกว่านี่เป็นของโปรดเธอ ตอนกินข้าวกลางวันก็เอามากินด้วยเถอะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องการกิน เหยาจิ้งจือก็นึกถึงเรื่องทำอาหารขึ้นมา “จริงสิมู่หลาน ตอนเที่ยงอาหลี่จะกลับมากินข้าวไหม ที่นี่มีร้านขายของชำหรือเปล่า เดี๋ยวฉันจะไปซื้อตอนนี้เลย จะได้ทำอาหาร”

เมื่อเห็นว่าเหยาจิ้งจือเพิ่งมาถึงก็ต้องวุ่นกับเรื่องพวกนี้ ฉินมู่หลานจึงรีบเอ่ยปรามเอาไว้ก่อน “แม่คะ แม่กับพ่อเดินทางมาคงจะเหนื่อย พักสักหน่อยดีกว่าค่ะ”

เหยาจิ้งจือส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “พวกเราไม่เหนื่อย ไม่ต้องพักหรอก” ตอนนี้หล่อนมีพลังกายอยู่เต็มเปี่ยม จึงไม่รู้สึกเหนื่อยเลย

เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ด้านข้างหันมองเหยาจิ้งจืออีกครั้ง ด้วยกลัวว่าภรรยาของเขาจะเหนื่อยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำและตื่นเต้นของหล่อน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าภรรยาของเขายังไม่อยากพักตอนนี้ “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันออกไปซื้อกับแม่เธอเอง เธออยู่พักในบ้านไปก่อนเถอะ”

ฉินมู่หลานเห็นทั้งสองที่เพิ่งมาถึงกำลังวุ่น จึงเอ่ยปากพูดขึ้น “พ่อคะ แม่คะ วันนี้ไม่ต้องทำอาหารหรอกค่ะ เดี๋ยวพวกเราไปรับอาหารที่โรงอาหารกัน พวกพ่อกับแม่นั่งพักกันก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวอาหลี่ก็กลับมาแล้ว”

พูดจบไม่ทันขาดคำ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับมาแล้ว เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่ของตัวเองมากันแล้วจึงรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “พ่อครับแม่ครับ มาได้ยังไงครับเนี่ย”

เหยาจิ้งจือปรายตามองลูกชายอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แกส่งโทรเลขไปบอกว่ามู่หลานตั้งท้องแฝด พวกเราเป็นห่วงก็เลยมาหา ดูแกสิ ยุ่งอยู่ทุกวัน จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลมู่หลาน เดี๋ยวพวกฉันจะช่วยเอง แต่ถ้าแกคิดว่าพวกเรามาแล้วมันไม่ดี ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราจะพาตัวมู่หลานกลับไปด้วย ไปอยู่ที่มู่บ้านชิงซาน มู่หลานจะได้มีคนดูแลเยอะ ๆ”

เซี่ยเจ๋อหลี่คัดค้านในทันทีโดยไม่ต้องคิด

“แม่ มู่หลานอยู่ที่นี่ ผมก็ดูแลหล่อนได้ดีเหมือนกัน”

เมื่อเห็นลูกชายเป็นแบบนี้ เหยาจิ้งจือจะไม่เข้าใจได้อย่างไร นี่คงเป็นเพราะลูกชายไม่อยากให้มู่หลานกลับไป ดังนั้นหล่อนจึงไม่พูดอะไรมาก

“อาหลี่ ตอนเที่ยงไม่ต้องทำอาหารหรอก ไปรับอาหารที่โรงอาหารเถอะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เซี่ยเจ่อหลี่ได้ยินสิ่งนี้ก็พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปเอาข้าวก่อน”

เหยาจิ้งจือรีบห้ามลูกชายคนเล็ก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อาหลี่ เดี๋ยวฉันไปกับแกด้วย ฉันจะได้รู้ว่าโรงอาหารอยู่ตรงไหน ต่อไปจะได้ช่วยเตรียมอาหารได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พยักหน้า

เซี่ยเหวินปิงเห็นเช่นนั้นก็รีบตามไป เขามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือ จึงจะทำตัวว่างไม่ได้

เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กับคนอื่นไปโรงอาหารกันแล้ว เธอก็ช่วยจัดจาน

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กับคนอื่นไปถึงโรงอาหารแล้ว ก็ได้พบฟู่ซวี่ตง เขาสังเกตเห็นเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิง จึงยกยิ้มแล้วกล่าวทักทาย

“อ้าว สวัสดีครับ”

เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเคยพบฟู่ซวี่ตงมาก่อน และทราบว่าเขาเป็นเพื่อนลูกชาย จึงเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม

เซี่ยเจ๋อหลี่จำได้ภรรยาของเขาไม่ได้กินข้าว จึงไม่มัวคุยกับฟู่ซวี่ตงมากนัก แล้วพาพ่อกับแม่ไปซื้ออาหาร แต่เมื่อพวกเขากำลังจะกลับ ก็ได้เจอเหยาอี้หนิงพอดี

“คุณ…”

เหยาอี้หนิงไม่ได้หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่เลย แต่มองตรงไปที่เหยาจิ้งจือแทน

ถึงแม้ว่าผู้หญิงวัยกลางคนผู้นี้จะแต่งตัวเรียบง่ายดูเหมือนมาจากชนบท แต่รูปร่างหน้าตาและบุคลิกของหล่อนกลับทำให้ผู้คนสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกังวลใจมากก็คือ หญิงวัยกลางคนผู้นี้ช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยนัก ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้สึกได้จากเซี่ยเจ๋อหลี่มาก่อน

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้อ่านจดหมายของเจี่ยงสือเหิงมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงพอจะคาดเดาตัวตนของแม่ได้ เมื่อเห็นเหยาอี้หนิงอยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกได้ว่าเขาคงรู้สึกคุ้นหน้าแม่ของตน จึงไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเหยาจิ้งจือ แล้วเอ่ยเสียงเบาอย่างใจเย็น “หัวหน้าเหยา คุณกำลังขวางทางพวกเราอยู่นะ”

เหยาอี้หนิงไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงก้าวเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ

เซี่ยเจ่อหลี่เห็นดังนั้น จึงรีบพาพ่อกับแม่กลับมา

เพียงแต่เมื่อถึงบ้าน เขาก็อาศัยจังหวะพูดคุยเรื่องเหยาอี้หนิงที่เพิ่งเจอกัน ขณะเดียวกันก็พูดถึงการคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของแม่ของเขาด้วย

“อ…อะไรนะ…นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?”

เหยาจิ้งจือมีสีหน้าตกใจสุดขีด ไม่สามารถดึงสติเอาไว้ได้ครู่หนึ่ง

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คนตระกูลเหยาเจอหน้ากันแล้ว คุณแม่จะจำอดีตของตัวเองได้ไหมเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท