ตอนที่ 149 ความกังวลของเหยาอี้หนิง
ตอนที่ 149 ความกังวลของเหยาอี้หนิง
เหยาจิ้งถงแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “แม่ เรารู้ทั้งรู้ว่ามันคือเหยาจิ้งจือ แม่ยังจะให้ฉันไปรับมันด้วยตัวเองอีกเหรอ ถ้ารอให้เหยาจิ้งจือมาจริง ฉันจะอยู่ในตระกูลเหยาในฐานะอะไร”
“ทำไม…แกถึงไม่ฟังคำฉันเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่และเห็นสีหน้าเศร้าหมองของท่าน เหยาจิ้งถงก็รู้สึกหนาวสั่นเข้าไปถึงในใจ ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นทันที “เปล่าค่ะ แน่นอนว่าฉันฟังแม่”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง จนกระทั่งในตอนนี้หล่อนก็ยังกลัวแม่ของตัวเองอยู่
ยินอวี่โหรวได้ยินสิ่งนี้ก็กระซิบข้างหูของเหยาจิ้งถงสองสามประโยค จากนั้นก็โบกมือให้หล่อน แล้วพูดขึ้น “เอาล่ะ ตอนนี้ก็ควรรีบกลับไปที่บ้านตระกูลเหยา แล้วบอกเรื่องนี้กับเหยาซื่อหง”
“ค่ะ”
หลังจากเหยาจิ้งถงกลับไป ก็รีบตรงไปหานายท่านเหยาทันที
“พ่อ ลองทายสิคะว่าฉันเจออะไร”
เหยาซื่อหงกับลุงเหยากำลังคุยธุระกันอยู่ในห้องทำงาน เมื่อเห็นเหยาจิ้งถงวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก จึงเอ่ยถามคิ้วขมวด “จิ้งถง เป็นอะไรไป ทำไมแตกตื่นแบบนั้น”
“พ่อ ฉันว่าฉันเจอเบาะแสของพี่สาวแล้ว”
“พี่สาว?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แววตาของนายท่านเหยาก็เป็นประกาย ก่อนจะมองตรงไปที่เหยาจิ้งถง
เหยาจิ้งถงพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “พ่อ อี้หนิงเจอผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่ดูคล้ายพ่อมาก ลูกชายของผู้หญิงคนนั้นคือหนุ่มที่พ่อบ้านเหยาบอกว่าคุ้นหน้าคนนั้นนั่นแหละค่ะ บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นพี่สาวที่พลัดหลงกันตอนเด็กก็ได้”
นายท่านเหยาไม่คิดว่าเหยาจิ้งถงจะมาเพื่อบอกเรื่องนี้ อันที่จริงเขาสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับเซี่ยเจ๋อหลี่ได้บ้างแล้ว ตอนนี้ก็เตรียมจะตรวจสอบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน “จิ้งถง อี้หนิงคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเหมือนฉันจริงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ อี้หนิงบอกว่าเหมือนพ่อ เขามองผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่แวบเดียว ก็รู้สึกคุ้นมากเลยค่ะ”
หลังจากเอ่ยจบ เหยาจิ้งถงก็เสนอหน้าอาสา
“พ่อคะ ฉันรู้มาว่าตอนนี้พี่อาจจะอยู่ใกล้อี้หนิง ให้ฉันไปพาหล่อนกลับมาไหมคะ”
นายท่านเหยาไม่คิดว่าเหยาจิ้งถงจะกระตือรือร้นกระเสือกระสนขนาดนี้ นอกจากนี้ตอนแรกเขาก็คิดจะพาคนกลับมาอยู่แล้ว จึงยกยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นเธอกับเหยาซานไปพาหล่อนมาด้วยกันเถอะ”
เหยาซานเป็นชื่อของพ่อบ้านเหยา ทุกวันนี้เพียงนายท่านเหยาเท่านั้นที่เรียกเขาด้วยชื่อนี้
เหยาจิ้งถงได้ยินแบบนี้ก็พลันมีเหงื่อเย็นไหลท่วมแผ่นหลัง เมื่อเห็นว่านายท่านเหยาไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยก็ชัดเจนว่าเขาทราบอยู่แล้ว โชคดีที่ชิงอาศัยประโยชน์จากตรงนี้ได้แล้วเข้ามาพูดเรื่องนี้ก่อน
“ได้ค่ะพ่อ ถ้าอย่างนั้นฉันกับพ่อบ้านเหยาจะออกเดินทางพรุ่งนี้นะคะ”
“อืม”
นายท่านเหยาพยักหน้า หลังจากที่พ่อบ้านเหยากับเหยาจิ้งถงออกไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะเปิดลิ้นชัก นำกลองป๋องแป๋งอันเก่าที่อยู่ข้างในออกมา ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “จือจือ จะใช่ลูกจริงหรือเปล่า?”
เหยาจิ้งจือที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังมาหาหล่อน แม้ว่าตอนนี้จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องชีวิตของตัวเองนิดหน่อย แต่ก็ไม่ลืมจุดประสงค์ของการมาที่นี่เช่นกัน นั่นคือการดูแลฉินมู่หลาน ดังนั้นเมื่อตื่นนอนตอนเช้าแล้ว ก็รีบเร่งทำอาหารทันที
เมื่อฉินมู่หลานลุกขึ้นมา ก็พบว่าอาหารเช้าถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แถมยังเป็นมื้อที่อู้ฟู่มากด้วย
“แม่คะ ทำไมทำเยอะจัง”
เหยาจิ้งจือยกยิ้มบางแล้วบอกกล่าว “ตอนนี้เธอตั้งท้องอยู่ ต้องบำรุงเยอะ ๆ ต้องกินเยอะหน่อย”
เซี่ยเหวินปิงก็กล่าวตามด้วยเช่นกัน “ใช่แล้วมู่หลาน เธอควรกินเยอะหน่อย หลังจากเธอท้อง ดูเหมือนจะผอมลงเรื่อย ๆ เลย”
เหยาจิ้งจือก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ฉินมู่หลานเคยขาวอวบมาก่อน แต่หลังจากแต่งเข้ามาในบ้านพวกเขาก็ผอมลงเรื่อย ๆ แม้แต่ตอนนี้ที่ตั้งท้องแล้ว แขนขาก็ซูบเล็กลง
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงยกยิ้มแล้วพยักหน้าพลางพูดขึ้น “พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันกินเยอะอยู่แล้วค่ะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานกินเยอะมาก ทั้งสองจึงไม่เอ่ยว่าอะไรอีก
หลังกินอาหารเช้าเสร็จ เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็คิดจะออกไปซื้อของ พวกเขาทั้งสองคนอยากทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมสถานที่ นอกจากนี้ยังสะดวกในการซื้อของบางชนิดอีกด้วย
ฉินมู่หลานเห็นดังนั้น จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “พ่อคะแม่คะ เดี๋ยวฉันไปด้วยค่ะ”
“มู่หลาน เธอพักอยู่ที่บ้านเถอะ ฉันไปกับพ่อเธอก็พอแล้ว”
ฉินมู่หลานไม่ค่อยวางใจนัก เพราะเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก จึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่นี้นัก สุดท้ายฉินมู่หลานจึงตามพวกเขาไปด้วย
“พี่สะใภ้ พวกคุณจะออกไปข้างนอกเหรอคะ”
เจียงลวี่ชิวเห็นฉินมู่หลานจึงยกยิ้มแล้วรีบเข้ามาทักทาย จากนั้นก็มองเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ นี่คือครอบครัวของหัวหน้าเซี่ยใช่ไหมคะ?”
“ค่ะ นี่คือพ่อแม่สามีของฉันเอง”
ฉินมู่หลานกล่าวแนะนำพร้อมรอยยิ้ม
เจียงลวี่ชิวได้ยินแล้วก็ไม่ได้แปลกใจมากนักเพราะหล่อนเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เพียงแต่สนใจอย่างอื่นมากกว่า “พี่สะใภ้ คุณตั้งท้องลูกแฝดจริงเหรอ?”
หล่อนได้ยินมาว่าพ่อกับแม่ของเซี่ยเจ๋อหลี่มาที่นี่เพื่อจะดูแลฉินมู่หลานที่กำลังตั้งครรภ์ฝาแฝด ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ฉินมู่หลานได้ยินก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธ ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นตามตรง “ใช่ค่ะ เป็นฝาแฝด”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานยอมรับ ใบหน้าของเจียงลวี่ชิวก็เต็มไปด้วยความอิจฉา
“พี่สะใภ้ คุณเยี่ยมยอดมากเลย”
หลายครอบครัวได้ยินเรื่องนี้ก็ต่างพากันอิจฉาฉินมู่หลานกันหมด การตั้งครรภ์ฝาแฝดเป็นอะไรที่หายากมาก ดังนั้นคนที่ตั้งครรภ์ได้จึงถือว่าเป็นผู้โชคดี
ฉินมู่หลานเห็นว่าเจียงลวี่ชิวไม่มีอะไรพูดแล้ว จึงยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ลวี่ชิว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะคะ ฉันว่าจะพาพ่อกับแม่เข้าเมืองค่ะ”
“อ๋อ ได้ค่ะ ได้ค่ะ”
หลังจากฉินมู่หลานจากไปพร้อมเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิง รถโดยสารของลุงเหยากับเหยาจิ้งถงก็มาจอดตรงหน้าประตูพอดี เมื่อรถจอดลงแล้ว ลุงเหยากับเหยาจิ้งถงก็ลงมาจากรถทันที
ลุงเหยายังไม่ทันจะได้พูดอะไร เหยาจิ้งถงก็เอ่ยปากพูดก่อนแล้ว “สวัสดีค่ะสหาย พวกเรามาหาเหยาอี้หนิง ฉันเป็นแม่ของเหยาอี้หนิงค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทหารยามตรงหน้าประตูก็รีบพูดขึ้น “ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะติดต่อหัวหน้าเหยาให้”
“ลุงเหยา พวกเราไปหาอี้หนิงกันก่อน แล้วค่อยให้อี้หนิงพาไปเจอคนดีกว่าพวกพี่เองก็ไม่ได้รู้จักพวกเรา ถ้าเห็นเราแล้วจำไม่ได้จะเป็นยังไง”
เมื่อเหยาซานได้ยินเช่นนี้ จึงไม่เอ่ยพูดอะไรอีก
เมื่อเหยาอี้หนิงออกมาแล้วเห็นว่าเหยาจิ้งถงกับลุงเหยายืนอยู่ตรงนั้น ก็อดที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจเสียไม่ได้ เขารู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าสิ่งที่เขากลัวนั้นเป็นจริงแล้ว แม่คงไม่ได้พาลุงเหยามาเพื่อมาหาเขาเท่านั้นหรอก ความเป็นไปได้เหลืออยู่อย่างเดียว คือแม่ของเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นลูกสาวคนโตแท้ ๆ ของตระกูลเหยา
ในใจมีเรื่องมากมาย แต่เหยาอี้หนิงก็เก็บสีหน้าเอาไว้ “แม่ครับ ลุงเหยา มาที่นี่กันทำไมเหรอ?”
“อี้หนิง ที่พวกเรามาหาลูกก็เพราะจะได้เจอแม่ของเพื่อนลูกด้วย หล่อนอาจจะเป็นพี่สาวของแม่หรือป้าของลูกก็ได้” หลังจากเอ่ยจบ เหยาจิ้งถงก็แอบดึงแขนเสื้อลูกชาย แล้วขยิบตาให้เขา
เหยาอี้หนิงคาดเดาได้ทันที จึงพยักหน้าเห็นด้วย
“แม่ ลุงเหยา เดี๋ยวผมพาทุกคนเข้าไปเอง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทางบ้านตระกูลเหยาจะมีแผนร้ายอะไรกันหนอ นับว่าเป็นโชคดีได้ไหมที่คลาดกันนิดเดียว
ไหหม่า(海馬)