ตอนที่ 158 จุดแตกหัก
ตอนที่ 158 จุดแตกหัก
เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของพ่อแม่ เซี่ยเจ๋อน่าก็พูดอะไรไม่ออก
ส่วนเกาหยวนก็หดตัวลีบเหมือนนกกระทายิ่งกว่า พยายามทำเหมือนตัวเองไร้ตัวตนอยู่ตรงนั้น
เซี่ยเจ๋อเหว่ยไม่ชอบเกาหยวนมานานแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นหมอนี่หัวหด จึงยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไป ก่อนจะจับคนผู้นั้นขึ้นมา “เกาหยวน แกกล้าลงมืออีกแล้วเหรอ ทำร้ายร่างกายผู้หญิง แล้วยังทำลูกตัวเองแท้งด้วย ไม่คิดว่าแกทำเกินไปเหรอ ทำไมถึงตอนนี้แล้วยังไม่พูดอีก”
เกาหยวนเห็นเซี่ยเจ่อเหว่ยโกรธแบบนี้ จึงรีบเอ่ยโต้แย้งทันที “พี่ใหญ่ ผมไม่ได้ทำนะ มันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ ที่ทำให้น่าน่าแท้งลูก” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็รีบหันไปมองเซี่ยเจ๋อน่าแล้วพูดขึ้น “น่าน่า คุณช่วยอธิบายหน่อยสิ”
เซี่ยเจ๋อน่าลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะมองเซี่ยเจ๋อเหว่ยอย่างไม่พอใจ แล้วพูดขึ้น “พี่ใหญ่ หนูก็บอกไปแล้วไงว่าหนูแท้งเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเกาหยวนเลย แล้วก่อนหน้านี้ที่หนูอยากให้พี่ไปหาที่ตระกูลเกาเพื่อสู้ให้หนู พอมาตอนนี้แล้วจะมาทำเพื่อหนู ทำไมพวกพี่ถึงไม่ทำตั้งแต่ตอนที่หนูยังต้องการล่ะ”
“แก…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็มองเซี่ยเจ๋อน่าด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “แกคิดว่าฉันเสแสร้งอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ ตอนนี้พี่ยุ่งเกินไป ต่อไปถ้าหนูขอให้พี่ช่วย พี่ค่อยยื่นมือเข้ามาช่วยโอเคไหม”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้สึกโกรธมาก เขาโยนตัวเกาหยวนลงไปกับพื้น ก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อน่า “ได้ ต่อไปข้างหน้าถ้าแกมีปัญหาอะไร ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งอีก”
เซี่ยเจ๋อหลี่มองเหตุการณ์ทุกอย่างตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา แล้วไม่ได้ใส่ใจอีก
ตั้งแต่เขาทราบเรื่องว่าเซี่ยเจ๋อน่าตั้งใจจะทำให้ฉินมู่หลานแท้ง เขาก็ได้แต่คิดว่าตัวเองไม่มีน้องสาวอีกต่อไป ดังนั้นทุกอย่างที่เกี่ยวกับเซี่ยเจ๋อน่า เขาจะไม่รับรู้ เขาจะไม่เข้าไปยุ่ง นี่ถือเป็นความใจดีที่เขายังมีให้
เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างก็ได้ทราบเรื่องทั้งหมดเช่นกัน
ระหว่างลูกชายคนโตกับลูกสาวคนเล็ก พวกเขาต้องปักใจเข้าข้างลูกชายคนโตอยู่แล้ว เป็นเพราะพวกเขาก็ทราบดีว่าการที่ลูกสาวของตัวเองแท้งเป็นเพราะฝีมือเกาหยวน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยเหวินปิงก็ได้แต่รู้สึกฉุนเฉียว เขาชี้นิ้วไปที่เซี่ยเจ๋อน่า สีหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่เหล็กไม่ยอมเป็นเหล็กกล้า “เซี่ยเจ๋อน่า แกนี่ไร้ศักดิ์ศรีมากนะ เกาหยวนทำร้ายแกครั้งแล้วครั้งเล่า แกยังคิดจะปกป้องมันอีกเหรอ ทำไมถึงได้ยอมลดคุณค่าตัวเองแบบนี้” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“พ่อ หนูก็บอกไปแล้วว่าเป็นเพราะหนูไม่ระวังเองถึงได้แท้งลูก ทำไมพวกพ่อไม่ยอมรับฟังบ้าง แล้วตอนที่หนูโดนทำร้ายร่างกายวิ่งมาขอความช่วยเหลือ ทำไมพ่อถึงไม่ช่วยล่ะ มาพูดอะไรเอาตอนนี้ เมื่อก่อนพวกพ่อไม่สนใจด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้จะมายุ่งอะไรด้วย”
ตอนแรกเหยาจิ้งจือรู้สึกเสียใจเมื่อได้ยินว่าลูกสาวแท้งลูก แต่เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ ความเสียใจเมื่อสักครู่ก็จางหายไปทันที ทำไมตอนนี้ลูกสาวถึงได้กลายเป็นแบบนี้นะ
และเมื่อเซี่ยเหวินปิงได้ยินเช่นนี้ ก็ชี้ไปที่ประตูบ้าน ก่อนจะพูดขึ้น “ได้ ถ้าแกไม่อยากให้พวกเรายุ่ง ถ้าอย่างนั้นก็ไสหัวไปซะ”
เซี่ยเจ๋อน่าพูดด้วยความกระอักกระอ่วน “พ่อ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะ เป็นบ้านของคุณตากับคุณยาย พวกพ่อไล่หนูไปไม่ได้หรอก หนูไม่ไป แล้วพวกพ่อก็ไม่มีสิทธิ์ไล่หนูออกไปด้วย” เมื่อเอ่ยจบ หล่อนก็หันไปพูดกับเกาหยวน “พ่อแม่ไม่อยากคุยกับพวกเรา พวกเราก็กลับห้องกันเถอะ”
“ได้”
เกาหยวนอยากจะไปจนอดใจรอแทบไม่ไหว ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อน่า จึงรีบหนีทันที
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อน่ากำลังจากไป เซี่ยเหวินปิงก็ทุบหน้าอกตัวเองด้วยความโกรธ “ฉันโกรธมาก เซี่ยเจ๋อน่าเริ่มด้อยค่าตัวเองลงเรื่อย ๆ เห็นอยู่ว่าเกาหยวนทุบตีหล่อนอยู่แบบนั้น หล่อนยังช่วยพูดแก้ต่างให้อีก”
เหยาจิ้งจือก็รู้สึกเหมือนว่าจะเจรจากับลูกสาวไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นว่าสามีโกรธมาก จึงรีบเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ คุณก็อย่าโกรธไปเลย เสียสุขภาพเปล่า ๆ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็เอ่ยเกลี้ยกล่อมด้วยเช่นกัน “ใช่ค่ะพ่อ พ่อไม่จำเป็นต้องโมโหเรื่องน้องเล็กหรอก ก่อนหน้านี้น้องเล็กก็ไม่พอใจกับคู่หมั้นคู่หมายที่ครอบครัวเลือกให้มาแล้ว ครั้งนี้หล่อนก็คงไม่ฟังพวกเราอีกแล้วล่ะค่ะ”
เซี่ยเหวินปิงสูดลมหายใจลึก จากนั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์ลง “ใช่แล้ว หล่อนไม่ฟังพวกเรามานานแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เปล่าประโยชน์”
หลังจากเซี่ยเหวินปิงนั่งลง ในที่สุดฉินมู่หลานก็เอ่ยถามคำถามที่ค้างคาใจมานาน
“พี่สะใภ้คะ พวกพี่มาที่ปักกิ่งกันได้ยังไง แล้วรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่บ้านตระกูลเหยา?”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ จึงบอกตามตรง “มีคนขับรถมารับพวกเรา บอกว่าพวกเธออยู่ที่นี่กันหมด แล้วก็บอกว่าแม่หาครอบครัวเจอแล้ว จึงต้องการจะมารับพวกเราเพื่อให้ไปอยู่พร้อมหน้ากัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาจิ้งจือก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
“ฉันไม่ได้ส่งคนไปรับพวกแกเลยนะ”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนพลันตกใจ จากนั้นก็พากันคาดเดา “ถ้าอย่างนั้นหรือว่าจะเป็นคุณตาคุณยายที่ส่งคนมารับพวกเรา?”
เหยาจิ้งจือไม่ทราบเรื่องนี้ “เดี๋ยวรอถึงพรุ่งนี้แล้วฉันค่อยไปถามพวกคุณตาคุณยายของพวกแกแล้วกัน”
ฉินม่หลานรู้สึกว่านายท่านเหยากับคุณนายเหยาไม่ได้เป็นคนทำ วันนี้ตอนที่เห็นพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้มายังมีสีหน้าประหลาดใจอยู่เลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้รู้เรื่องนี้
ถ้าอย่างนั้น…
ก็มีแค่พวกเหยาจิ้งถงเท่านั้น
“น่าจะเป็นพวกเหยาจิ้งถงค่ะ เพราะฉันเห็นท่าทางของคุณตากับคุณยายดูไม่รู้เรื่องเลยว่าพวกพี่จะมาวันนี้”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็นึกขึ้นได้ทันทีก่อนจะกล่าว “น้าส่งคนมารับพวกเราอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็มีน้ำใจงามมากนะ”
เมื่อเห็นพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้พูดถึงเหยาจิ้งถงแล้วเรียกหล่อนว่าน้าด้วยควาเสน่หา ฉินมู่หลานก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เหยาจิ้งถงไม่ใช่น้าแท้ ๆ ของพวกเรานะคะ เป็นแค่น้าบุญธรรม”
“อะไรนะ…”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนไม่ทราบเรื่องอะไรเกี่ยวกับตระกูลเหยาเลย ดังนั้นทั้งสองจึงรู้สึกสงสัย
ฉินมู่หลานอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังโดยกระชับ หลงจากนั้นก็เอ่ยต่อ “เหยาจิ้งถงดูเหมือนจะเป็นคนที่อยากให้แม่กลับมาน้อยที่สุดเพราะว่าถ้าแม่กลับมา หล่อนก็จะไม่ใช่คุณหนูคนเดียวของตระกูลเหยาอีกต่อไป และคนอื่นก็จะรู้เรื่องว่าหล่อนแค่ถูกคุณตากับคุณยายรับมาเลี้ยง ดังนั้นเรื่องที่หล่อนส่งคนไปรับพวกพี่มา มันถึงดูน่าสงสัยไปหน่อย”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย”
หลังจากหลี่เสวี่ยเยี่ยนฟังคำพูดของฉินมู่หลาน สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ ขณะเดียวกันก็หันไปมองเหยาจิ้งจือด้วยความเห็นอกเห็นใจแล้วเอ่ยขึ้น “แม่คะ กลายเป็นว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ตัวตนของแม่ในฐานะคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเหยาโดนคนอื่นเข้ามาแทนที่ตลอด ครอบครัวของเหยาจิ้งถงได้ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบายในเมืองหลวง ในขณะที่แม่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่กลางดินกินกลางทรายแทน”
หากเปรียบเทียบก็คงน่าเศร้าใจมาก
แต่หากเหยาจิ้งจือไม่ได้หลงทาง หล่อนก็คงไม่ได้พบสามีของตน
ชั่วขณะหนึ่ง หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดีเช่นกัน
ตอนแรกเหยาจิ้งจือไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสะใภ้คนโต ทันใดนั้นหล่อนก็รู้สึกว่าเป็นเพราะครอบครัวของเหยาจิ้งถงทำให้ตัวเองต้องสูญเสียครอบครัวไป และเข้ามารับสิ่งต่าง ๆ มากมายแทน ในใจหล่อนจึงรู้สึกประทับใจเหยาจิ้งถงลดน้อยลงไปอีก
และเหยาจิ้งถงในตอนนี้ ก็พูดคุยกับยินอวี่โหรวเรื่องตระกูลเซี่ยอยู่
“จิ้งถง แกทำงานได้ดี วันนี้ฉันเห็นลูกชายคนโตกับลูกสาวคนเล็กของเหยาจิ้งจือแล้ว ฉันว่าเราเริ่มจากลูกสาวคนเล็กของหล่อนก่อนก็ได้”
เหยาจิ้งถงได้ยินสิ่งที่แม่พูด จึงยกยิ้มแล้วพยักหน้า
“แม่กับฉันลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่คะ ฉันว่าเริ่มจากเซี่ยเจ๋อน่าก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาหลานสาวตัวดีสักหน่อย”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ร้ายที่สุดของตอนนี้ไม่ใช่ยัยเจ๋อแล้วล่ะ ยัยนั่นแค่ตัวน่ารำคาญ อ้าปากทีก็มองออกแล้วว่าคิดอะไรอยู่ ร้ายแบบของแท้ต้องเป็นแม่เฒ่าสารพัดพิษยินอวี่โหรวนี่
ไหหม่า(海馬)