ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 162 ความเห็นไม่ลงรอย(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 162 ความเห็นไม่ลงรอย(2)

ตอนที่ 162 ความเห็นไม่ลงรอย(2)

หลังจากพบตัวแล้ว เด็กน้อยคนนั้นก็ถูกคู่สามีภรรยาสูงวัยเป็นคนเลี้ยงดู จนกระทั่งสองสามีภรรยาเสียชีวิต เหยาจิ้งจือก็ต้องรีบแต่งงานออกเรือนโดยเร็ว แล้วก็ใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้

ถึงแม้เหยาจิ้งจือจะสวมใส่เสื้อผ้าค่อนข้างดีเพียงใด แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนบุคลิกท่าทางแบบคนชนบทได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น คุณนายเซี่ยก็ไม่หันมองเหยาจิ้งจืออีก

ต่อให้ตระกูลเหยาจะเจอลูกสาวแท้ ๆ แล้ว ก็เปล่าประโยชน์ หล่อนเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทมานาน ไม่มีความรู้หรือความสามารถ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ซึ่งยากที่จะเฉิดฉายจริง ๆ

ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเหยากำลังคิดอะไรอยู่ ลูกสาวที่ไม่มีค่าอะไรเช่นนี้ ยังจะส่งบัตรเชิญพิเศษมา แล้วให้ไปร่วมงานเลี้ยงรับรองอีก

แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังต้องไปงานเลี้ยงรับรองครั้งนี้ เพราะมีคนมากมายจะไปรวมกันที่นั่น

“คุณนายเหยา ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีธุระที่บ้าน”

“ค่ะ”

คุณนายเหยายกยิ้มแล้วพยักหน้าให้ แต่หลังจากคุณนายเซี่ยเดินไปแล้ว สีหน้านางก็มืดมนลงทันที

เหยาจิ้งจือเห็นเช่นนั้น จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยนิดหน่อย “แม่คะ เป็นอะไรไปเหรอ?”

คุณนายเหยาเอ่ยด้วยความฉุนเฉียว “คุณนายเซี่ยนี่ทำเกินไปแล้ว คนที่ตามหล่อนมาด้วยเมื่อกี้คือลูกชายคนเล็กกับลูกสะใภ้ หล่อนกลับไม่แนะนำตัวพวกเขาให้ลูกรู้จักเลยด้วยซ้ำ”

ได้ยินดังนี้ เหยาจิ้งจือก็ครุ่นคิดสักพัก

การที่อีกฝ่ายไม่แนะนำลูกชายกับลูกสะใภ้ให้หล่อนรู้จัก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะยอมรับหล่อนในฐานะคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเหยา ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

คิดได้เช่นนั้น เหยาจิ้งจือก็ฝืนยิ้มบนใบหน้า

ดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่และราศีที่ออกจากตัวของลูกชายคนเล็กกับลูกสะใภ้ของคุณนายเซี่ยก็รู้แล้วว่ามาจากครอบครัวที่ดี จะสนทนากับใครก็ต้องเป็นคนดีพร้อม ซึ่งตัวเองเทียบชั้นไม่ติดเลยสักนิด

เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว หล่อนช่างอยู่ผิดที่ผิดทางเหลือเกิน

“แม่คะ วันนี้พวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ”

คุณนายเหยาแก่มากแล้ว พลังงานก็ลดน้อยลงกว่าแต่ก่อน ได้ยินลูกสาวพูดแบบนี้จึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “ได้สิ”

เมื่อทั้งสองกลับไป ก็บังเอิญได้พบฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ที่เพิ่งเดินกลับมาถึงประตูบ้านพอดี

“แม่คะ แม่กับคุณยายออกไปข้างนอกกันมาสองคนเหรอคะ?”

เหยาจิ้งจือพยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว ฉันออกไปเดินเล่นกับคุณยายกันสองคน”

ฉินมู่หลานได้ยินจึงหันไปมองคุณนายเหยาและยกยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณยายคะ ทำไมถึงไม่บอกพวกเราให้เร็วกว่านี้ ถ้ารู้แบบนี้พวกเราจะได้ไปเดินเล่นกับพวกคุณยายแล้วค่ะ”

คุณนายเหยาได้ยินแล้วยกยิ้ม พูดขึ้น “ยายก็ไม่คิดว่าพวกหลานสองคนจะออกไปข้างนอกกันแต่เช้า ถ้าพวกหลานอยู่ที่นี่ ยายก็คงเรียกไปด้วยกันแล้ว จริงสิ พวกหลานไปไหนมากันตั้งแต่เช้า? ไปซื้อของข้างนอกกันมาเหรอ?”

ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วตอบ “ไม่ใช่ค่ะ ฉันกับอาหลี่ไปบ้านพ่อบุญธรรมของฉันมาค่ะ มาถึงเมืองหลวงทั้งทีก็ต้องไปหาท่านบ้าง”

“พ่อบุญธรรมเหรอ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของคุณนายเหยาก็ดูประหลาดใจ

เท่าที่นางทราบ ฉินมู่หลานเป็นเด็กสาวที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับลูกสาวของนาง นั่นเป็นสาเหตุที่เธอกับอาหลี่ได้พบกัน ไม่คิดเลยว่าฉินมู่หลานจะมีพ่อบุญธรรมอยู่ที่เมืองหลวงด้วย

“มู่หลานมีคนรู้จักในเมืองหลวงด้วยนี่เอง ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เชิญเขามาร่วมงานด้วยสิ”

ฉินมู่หลานครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้อาหลี่เดินไปส่งบัตรเชิญให้พ่อบุญธรรมทีหลังนะคะ”

“ได้จ้ะ”

แม้จะเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ฉินมู่หลานมีพ่อบุญธรรมอยู่ในเมืองหลวงด้วย แต่อีกฝ่ายก็คงเป็นครอบครัวที่คล้ายกับตระกูลฉิน ดังนั้นนางจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ได้รับเทียบเชิญ ก็ไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงอีกครั้ง พูดคุยกับเจี่ยงสือเหิงอยู่ไม่กี่คำก็กลับมาแล้ว

หลังจากกลับมา เขาก็พบว่านอกจากเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวน ทุกคนในครอบครัวต่างอยู่กันพร้อมหน้า

เหยาจิ้งจือเห็นลูกชายคนเล็กกลับมาแล้ว จึงรีบเอ่ย “พรุ่งนี้พ่อบุญธรรมของมู่หลานจะมาไหม?”

“มาครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็รู้สึกโล่งใจ แล้วพูดคุยเรื่องอื่นต่อ

“อาหลี่ พวกแกจะกลับฐานทัพกันตอนไหน?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงเอ่ยบอกตามตรง “พวกเราน่าจะกลับวันมะรืนนี้ครับ”

พรุ่งนี้เป็นวันงานเลี้ยงรับรองของตระกูลเหยา หลังจากร่วมงานแล้วก็จะกลับเลย เพราะเขาลางานมาหลายวันแล้ว ยังมีภารกิจต้องไปฝึกที่ฐานทัพ เขาจึงอยากรีบกลับไป

“ถ้ามะรืนออกเดินทาง ถ้าอย่างนั้นฉันกับพ่อแกก็จะกลับไปด้วย มู่หลานท้องโตขนาดนี้ ต้องมีคนช่วยดูแลหล่อน”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลายคนก็รู้สึกแปลกใจ

“แม่ แม่กลับพ่อจะกลับไปกับพวกเราจริงเหรอคะ?”

เหยาจิ้งจือเอ่ยยืนกรานอย่างหนักแน่น “พวกเรามาหาพวกเธอก็เพื่อที่จะดูแลเธอไม่ใช่เหรอ ตอนนี้พวกเธอต้องกลับไป แน่นอนว่าพวกเราก็ต้องกลับด้วย”

“แต่คุณตากับคุณยายคงไม่อยากให้กลับหรอกค่ะ”

เหยาจิ้งจือเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากได้ยินเช่นนี้ “แต่ฉันแต่งงานแล้ว ไม่มีลูกสาวคนไหนที่แต่งงานแล้วมาอยู่บ้านพ่อแม่ของตัวเองหรอก”

หล่อนรู้ว่าสามีไม่ค่อยสบายใจที่จะอยู่ที่นี่ อันที่จริงหลังจากที่ผ่านช่วงความตื่นเต้นที่ได้รู้จักญาติมิตรในตอนแรกแล้ว หล่อนก็รู้สึกไม่ค่อยชินนัก อีกทั้งคุณนายเซี่ยที่หล่อนเจอวันนี้ยังทำให้หล่อนตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าตัวหล่อนที่เติบโตมาในชนบทไม่มีทางที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นคุณหนูตระกูลเหยาจากคนพวกนั้นเลย

ยิ่งไปกว่านั้น ท้องของลูกสะใภ้ยังใหญ่มากแล้ว และหล่อนก็คิดจะไปดูแลมู่หลานจนกว่าเธอจะคลอดอย่างปลอดภัย

เซี่ยเหวินปิงได้ยินสิ่งที่ภรรยาเอ่ย จึงมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ พลางเอ่ยขึ้น “จิ้งจือ พวกเราจะกลับไปด้วยกันเหรอ?”

เมื่อเห็นสามีตื่นเต้น เหยาจิ้งจือก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนสิ ฉันก็เพิ่งพูดไปไม่ใช่เหรอ?”

“ไอ้หยา…ถ้าอย่างนั้นก็ดีจริง ๆ ที่วันมะรืนนี้พวกเราจะได้กลับไปกับพวกอาหลี่” สวรรค์ต่างรับรู้ดีว่าเขาไม่คุ้นชินกับการอยู่ที่นี่ ในเมื่อภรรยาตัดสินใจจะกลับไป เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องกลับอยู่แล้ว

ตอนนี้ภรรยาได้พบครอบครัวแล้ว ดังนั้นครอบครัวนี้ก็เป็นเหมือนญาติมิตรที่ในช่วงวันหยุดก็มาเยี่ยมเยียนได้ ไม่จำเป็นจะต้องอยู่กับพวกเขาตลอด

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เซี่ยเหวินปิงก็รู้สึกผ่อนคลายทันที

เมื่อเห็นแม่สามีไม่ลังเลที่จะกลับไปดูแลฉินมู่หลาน ทุกคนก็ต่างพากันตกตะลึง

แม่สามีได้เจอครอบครัวที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ แต่ก็เดินจากไปได้โดยไม่เสียใจอะไร หากเป็นพวกเขาคงทำไม่ได้แน่นอน เพราะตระกูลเหยาค่อนข้างมีอิทธิพลในเมืองหลวง การใช้ชีวิตที่นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดจินตนาการถึงมันเลย

แต่แม่สามีตัดสินใจที่จะกลับไป ถ้าอย่างนั้นพวกเขาเล่า?

เมื่อคิดเช่นนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก้อดที่จะหันมองสามีของตนไม่ได้

เซี่ยเจ่อเหว่ยก็ไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะยอมกลับไปโดยไม่ลังเล แต่มีอย่างหนึ่งที่แม่พูดถูก ลูกสาวที่แต่งงานแล้ว หากยังอยู่บ้านของพ่อแม่ต่อไปก็คงดูไม่ดี เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ใช้แซ่เซี่ย ไม่เหมือนกับเหยาอี้หนิงที่ใช้แซ่เหยา

เมื่อคิดดังนั้น เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็เอ่ยตาม “ถ้าพ่อกับแม่ไป ถ้าอย่างนั้นวันมะรืนผมก็จะพาเสวี่ยเยี่ยนกับเสี่ยวอวี่กลับบ้านด้วย เสวี่ยเยี่ยนลางานมาหลายวันแล้ว ถ้าขาดไปมากกว่านี้คงโดนหัวหน้าเรียกไปอบรมแน่”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที

ใช่แล้ว หล่อนเองยังต้องทำงานในโรงงานอาหาร สุดท้ายหล่อนได้เลื่อนขั้นจากพนักงานชั่วคราวมาเป็นพนักงานประจำ ชีวิตกำลังราบรื่นไปด้วยดี ดังนั้นพวกเขาควรรีบกลับไปโดยเร็ว แล้วใช้ชีวิตในครอบครัวเล็ก ๆ ของตัวเองต่อไป

ดังนั้นหลี่เสวี่ยเยี่ยนกับเซี่ยเจ๋อเหว่ยจึงตัดสินใจจะกลับไป

เมื่อเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนกลับมาถึงแล้วทราบข่าวที่เกิดขึ้น สีหน้าของทั้งสองต่างก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“แม่ แม่เสียสติไปแล้วเหรอ บ้านคุณยายออกจะสบาย ทำไมแม่ถึงอยากกลับไปล่ะ?”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก อยู่ที่ไหนไม่มีความสุขก็ต้องย้ายกลับไปอยู่ที่ๆ มีความสุขล่ะค่ะ หล่อนรักสบายอยากอยู่ที่นี่ต่อก็เรื่องของหล่อนค่ะยัยเจ๋อ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท