ตอนที่ 163 จงใจ
ตอนที่ 163 จงใจ
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูด เหยาจิ้งจือก็มองเซี่ยเจ๋อน่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แกก็รู้ว่านี่เป็นบ้านของคุณตาคุณยาย ฉันแต่งงานแล้ว จะมาอยู่บ้านพ่อแม่ต่อไปได้ยังไง”
เซี่ยเจ๋อน่าไม่คิดว่าแม่จะพูดแบบนี้ ทำได้เพียงหันมองพ่อกับคนอื่น ๆ ในครอบครัวเท่านั้น แต่เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาก็ทราบได้ทันทีว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่ จึงได้แต่รู้สึกเหลือเชื่อ “ทุกคนจะกลับกันจริงเหรอ?”
เกาหยวนที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกเหลือเชื่อเช่นกัน
ตระกูลเซี่ยบ้าไปแล้วหรือไง จะทิ้งชีวิตร่ำรวยหรูหรา ทิ้งเมืองหลวงอันแสนศิวิไลซ์เอาไว้แล้วจากไปแบบนี้น่ะหรือ
มณฑลเล็ก ๆ ของพวกเขามีอะไรดี แทบจะอยู่คนละโลกกับปักกิ่ง ไม่มีใครเลือกจะกลับไปหรอก แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ว่าลูกสาวแต่งงานแล้วไม่สามารถอยู่บ้านกับพ่อแม่ได้ แต่สถานการณ์ของเหยาจิ้งจือมันไม่เหมือนกัน ดูจากท่าทางของนายท่านเหยากับคุณนายเหยาก็ดูออกแล้วว่าอยากให้ลูกสาวอยู่ด้วยตลอดไป
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนเป็นแบบนี้ เหยาจิ้งจือจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าสองคนนี้อยากอยู่ที่นี่ตลอดไป เพียงแต่ว่าหากพวกเขากลับกันหมด เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนก็อยู่ต่อไม่ได้อยู่แล้ว
“มะรืนนี้พวกฉันจะออกจากปักกิ่ง พวกแกสองคนกลับไปกับพวกเราเถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเจ๋อน่าก็ปฏิเสธขึ้นโดยไม่ต้องคิด
“ไม่ค่ะ! หนูไม่กลับไปหรอก!”
เกาหยวนเห็นเซี่ยเจ๋อน่ายืนกรานเช่นนี้ เขาจึงไม่พูดอะไร เพราะตนเองก็คิดเช่นเดียวกับเซี่ยเจ๋อน่า การมาปักกิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้เขายังได้เป็นหลานเขยของตระกูลที่ร่ำรวยได้อีกด้วย เขาจึงหลงละเลิงไม่อยากกลับ
เหยาจิ้งจือเพิกเฉยต่อคำพูดของลูกสาว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ถึงพวกแกไม่อยากก็ต้องกลับ”
สีหน้าของเซี่ยเหวินปิงดูจริงจังมาก “พวกแกคิดว่าแค่อยากจะอยู่ก็อยู่ได้อย่างนั้นเหรอ แค่แม่ของแกบอกนายท่านเหยากับคุณนายเหยา พวกแกสองคนก็อยู่ต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นกลับไปพร้อมกับพวกเราดี ๆ เถอะ”
เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนได้ยินเช่นนี้ จึงหนาวเหน็บในใจ
ใช่แล้ว นายท่านเหยากับคุณนายเหยาทั้งรักและรู้สึกผิดต่อเหยาจิ้งจือ ขอเพียงแค่หล่อนเอ่ยปากพูด ผู้อาวุโสทั้งสองจะต้องยอมฟังแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนก็ต้องทุบอกกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด พวกเขามีโอกาสได้ใช้ชีวิตประหนึ่งคุณหนูคุณชายแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้กำลังจะโดนพรากไป
“พ่อ แม่ ทำไมถึงทำแบบนี้”
เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือบอกกล่าวโดยไม่ต้องนึกคิด “พวกแกอย่าได้คิดที่จะอยู่เลย เช้าวันมะรืนกลับไปพร้อมพวกเราซะ”
เมื่อเอ่ยจบ ทั้งสองก็ให้พวกเขากลับเข้าห้องไปพักผ่อนทันที
ฉินมู่หลานจับตามองเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนอย่างใกล้ชิด ก่อนจะพบว่าเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่เป็นชุดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ทั้งหมด ดูจากสภาพแล้วก็พูดได้เลยว่าคงราคาไม่ใช่น้อย หลังจากพวกเขาจากไปแล้ว ฉินมู่หลานก็หันไปถามเหยาจิ้งจือ “แม่คะ วันนี้เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนออกไปซื้อของข้างนอกมาเหรอคะ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหยาจิ้งจือก็ยังรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย
“ใช่แล้ว พวกมันออกไปซื้อของกับเหยาจิ้งถง ดูจากเสื้อผ้าที่พวกมันใส่เมื่อกี้ก็น่าจะเป็นชุดที่เพิ่งซื้อมาใหม่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หลังจากกลับถึงห้องแล้ว เธอก็บอกเรื่องที่คาดเดาให้เซี่ยเจ๋อหลี่ได้รับรู้
“อาหลี่ ฉันว่าเสื้อผ้าที่เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนใส่ เหยาจิ้งถงคงซื้อให้หมดเลย เสื้อผ้าพวกนั้นมาจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่ถูก ๆ”
เซี่ยเจ๋อหลี่กระตือรือร้นขึ้น แล้วกล่าวด้วยความมั่นใจ “เป็นเสื้อผ้าจากร้านค้าของพวกจีนโพ้นทะเลจริง ๆ เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนคงจะโดนเหยาจิ้งถงพาไปเดินจับจ่ายนู่นนี่ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองจะอยากอยู่ที่เมืองหลวง แล้วเหยาจิ้งถงคงหวังจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าพวกเหยาจิ้งถงจะสร้างปัญหาอะไร”
เซี่ยเจ่อหลี่เห็นฉินมู่หลานขมวดคิ้วครุ่นคิด จึงอดที่จะพูดเสียไม่ได้ “มู่หลาน คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไปหรอก ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ตอนนี้คุณกำลังตั้งท้อง แล้วยังเป็นลูกแฝดด้วย แค่นี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว ไม่ต้องคิดเรื่องพวกนี้หรอกนะ”
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของเซี่ยเจ๋อหลี่แบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดที่จะยกยิ้มเสียไม่ได้ “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่คิดแล้ว คุณคิดเรื่องนี้เยอะ ๆ หน่อยแล้วกันค่ะ”
“อืม ผมเข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ผมจะออกไปข้างนอก นัดเจอกับอดีตสหาย”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้จึงพยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณรีบไปรีบกลับนะ”
พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงรับรองตอนเที่ยง พวกเขาจะหายหน้าหายตาไปไม่ได้
“ตกลง”
ทั้งคู่พูดคุยกันสักพักแล้วจึงพักผ่อน
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าใดก็ยิ่งไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีโอกาสจะได้อยู่ที่เมืองหลวง ตอนนี้กลับบอกให้พวกเขากลับไป ทำแบบนั้นได้อย่างไร สุดท้ายเกาหยวนก็เอ่ยขึ้นว่า “น่าน่า ผมว่าเราลองไปหาคุณน้าดีไหม บางทีหล่อนอาจจะช่วยให้เราอยู่ต่อได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยเจ๋อน่าก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว พรุ่งนี้เช้าเราไปหาคุณน้ากัน”
เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ออกไปตามนัดหมายหลังจากรับประทานมื้อเช้า ในขณะที่เซี่ยเจ๋อน่าไปหาเหยาจิ้งถง
เหยาจิ้งถงเห็นเซี่ยเจ๋อน่ามาหา จึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “น่าน่า มาที่นี่ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า?”
“คุณน้าคะ หนูมีธุระอยากให้ช่วยค่ะ หนูไม่รู้จะพูดกับใคร ก็เลยมาหาน้าค่ะ”
เหยาจิ้งถงได้ยินสิ่งนี้ จึงพูดอย่างแฝงเล่ห์ “น่าน่า เธอลองเล่าให้ฟังหน่อยสิว่ามีเรื่องอะไร ขอแค่เป็นเรื่องที่น้าช่วยได้ น้าจะช่วยแน่นอน”
“พรุ่งนี้พวกเราจะกลับจากปักกิ่งแล้ว หนูทนทิ้งคุณตากับคุณยายแล้วก็พวกน้าไม่ได้ แต่แม่ของหนูอยากจะกลับมาก หนูเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่ฟัง น้าช่วยพูดอะไรกับคุณตาคุณยายหน่อยได้ไหมคะ แม่ก็เพิ่งกลับมาได้ไม่นานเอง ควรจะใช้เวลากับคุณตาคุณยายให้มากกว่านี้” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“อะไรนะ…พวกแม่ของเธอจะกลับกันแล้วเหรอ?”
เหยาจิ้งถงได้ยินเช่นนี้ก็มีสีหน้าประหลาดใจ นี่ไม่ได้แสร้งหลอกกันจริง ๆ ใช่ไหม หล่อนไม่เคยคิดว่าเหยาจิ้งจือจะอยากกลับไปหลังรู้ว่าตัวเองเป็นคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเหยา ทิ้งชีวิตดี ๆ ที่นี่แล้วกลับไปเนี่ยนะ นี่มันต่างจากที่หล่อนคาดคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิงเลย
เมื่อเห็นเหยาจิ้งถงมีท่าทางประหลาดใจ เซี่ยเจ๋อน่าก็ถามขึ้นอีกครั้ง “น้าคะ น้าช่วยไปเกลี้ยกล่อมแม่ให้หน่อยได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาจิ้งถงจึงกลับมามีสติอีกครั้ง ไม่นานนักก็คาดเดาความคิดอันน้อยนิดของเซี่ยเจ๋อน่าได้ เป็นเพราะตระกูลเซี่ยคิดจะกลับไปและต้องพาพวกลูกชายลูกสะใภ้กลับด้วย หล่อนจึงกังวลใจ เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็มองเซี่ยเจ๋อน่าแล้วพูดตามตรง “น่าน่า ถึงแม่ของเธอกับคนอื่นจะอยากกลับ แต่เธอกับเกาหยวนก็ยังอยู่ที่นี่ได้นะ”
เซี่ยเจ๋อน่าได้ยินเช่นนี้ แววตาจึงเป็นประกาย แล้วเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “น้าคะ ได้จริงเหรอคะ?”
“ได้อยู่แล้วจ้ะ”
เมื่อเห็นเหยาจิ้งถงพูดเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อน่าก็ได้แต่รู้สึกสุขใจ
ส่วนทางเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้ไปพบอดีตสหายร่วมรบ เขาเคยขอให้ตรวจสอบเรื่องของตระกูลเหยา ตอนนี้อีกฝ่ายได้ติดต่อเขาไปแล้ว ซึ่งข้อมูลที่สืบมาค่อนข้างซับซ้อนเกินกว่าจะเล่าเรื่องต่าง ๆ ผ่านทางจดหมาย จึงถือโอกาสนัดเจอตัวเป็น ๆ เพื่อบอกว่าไม่ต้องสืบเรื่องตระกูลเหยาอีกแล้ว เพราะแม่ของเขาเจอครอบครัวของตัวเองแล้ว
หลังจากทั้งสองพบกัน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม “เหล่าฉิน ไม่ได้เจอนานเลย”
ฉินจื้อเจียได้พบเซี่ยเจ๋อหลี่ ก็เอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มตามเดิม แล้วรีบพูดขึ้น “จริงสิอาหลี่ เรื่องที่นายขอให้ตรวจสอบครั้งก่อน ฉันได้เบาะแสบางอย่างด้วย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เล่าเรื่องที่แม่เจอครอบครัวตัวเองให้ฟัง หลังจากนั้นก็พูดขึ้น “มีการตรวจสอบแล้วว่าแม่ของฉันคือลูกสาวตระกูลเหยาที่หายไป เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องตรวจสอบอะไรแล้วล่ะ”
“อะไรนะ…แม่ของนายคือลูกสาวของตระกูลเหยาที่หายตัวไปงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงต้องสืบสวนให้ละเอียดเลยล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถาม “ทำไมเหรอเหล่าฉิน มีอะไรซ่อนอยู่อย่างนั้นใช่ไหม?”
“ใช่ แม่ของนายหายตัวไปในตอนนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เป็นไปได้สูงว่าจะมีใครบางคนจงใจทำ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีแต่หล่อนเท่านั้นแหละที่ไม่ทันคนอื่นเขาอะนังน่า โดนกับดักความรวยหลอกเสียแล้ว เฮ้อ โชคดีกับการเป็นปลาบนเขียงคนอื่นนะ แล้วก็ลากสามีเฮงซวยของหล่อนไปด้วย
คนบงการคือยัยเฒ่าอวี่โหรวหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)