ตอนที่ 165 ไม่สนใจ
ตอนที่ 165 ไม่สนใจ
เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือต่างมีความสุขมากเมื่อได้พบเจี่ยงสือเหิง รีบไปต้อนรับทันที
เจี่ยงสือเหิงเห็นทั้งสอง ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ญาติเจ้าบ่าว ไม่ได้เจอกันเสียนาน”
นายท่านเหยากับคุณนายเหยาได้ยินเช่นนั้น ทั้งคู่ก็มีสีหน้าตกตะลึง หันไปถามเหยาจิ้งจือ “จือจือ นี่เป็นญาติของพวกลูกเหรอ หรือว่า…”
เมื่อเอ่ยจบ ทั้งสองก็พูดอะไรไม่ออก
แต่ทราบมาว่าฉินมู่หลานอาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกับอาหลี่ พ่อแม่ก็เป็นชาวไร่ชาวสวนในหมู่บ้าน แล้วเธอมาเป็นลูกสาวบุญธรรมของชายตรงหน้าได้อย่างไร ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามีท่าทางไม่ธรรมดา เป็นผู้ดีมีเงินทอง ดูไม่เหมือนชาวชนบทสักนิด แต่ไม่นานนักทั้งสองก็นึกถึงบัตรเชิญที่มู่หลานขอให้อาหลี่ไปส่ง จึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “หรือว่านี่จะพ่อบุญธรรมของมู่หลาน?”
เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนี้ จึงยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ใช่ค่ะ นี่คือพ่อบุญธรรมของมู่หลาน สหายเจี่ยงสือเหิง พวกเขาสองพ่อลูกสนิทกันมากเลยค่ะ”
จากนั้นก็แนะนำเจี่ยงสือเหิงให้รู้จักทุกคน “ญาติเจ้าสาวคะ นี่คือพ่อแม่แท้ ๆ ของฉันเองค่ะ เหยาซื่อหงกับยินอวี่เจิน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ยกยิ้มแล้วทักทายคน “นายท่านเหยา คุณนายเหยา สวัสดีครับ”
“อ่อ…สวัสดี”
นายท่านเหยากับคุณนายเหยารีบเอ่ยทักทายบุคคลผู้มาเยือนอย่างรวดเร็ว ตอนแรกพวกเขาคิดว่าพ่อบุญธรรมของฉินมู่หลานเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ไม่คิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเจี่ยงสือเหิง ทั้งสองรู้จักดีว่าตอนนี้เจี่ยงสือเหิงเป็นใคร เขาคือหัวหน้าครอบครัวคนใหม่แห่งตระกูลเจี่ยงไม่ใช่เหรอ
และนายท่านเหยายังทราบด้วยว่าตนไม่ควรสบประมาทอำนาจของเจี่ยงสือเหิง ตอนนี้เขาเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ และได้เข้าร่วมในโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดหลากหลายโครงการ นับเป็นคนมีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก
“นายท่านเหยา ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ ผมไม่ได้มาสายใช่ไหม” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
บุคคลหนึ่งเดินมาหาขณะที่กลุ่มคนกำลังพูดคุยกันพลางเดินเข้ามาข้างใน นายท่านเหยาได้ยินคำพูดนี้ จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “ไม่สายครับ มาทันเวลาพอดี”
เซี่ยเหวินปิงหันกลับไปมอง ก็พบว่าเป็นคนรู้จักอีกแล้ว “เอ๊ะ…สหายเสิ่น คุณก็มาที่นี่เหมือนกันเหรอครับ”
คนที่มาใหม่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสิ่นเจิ้นอวี่ ตอนที่เขาเห็นเซี่ยเหวินปิงก็รู้สึกแปลกใจแล้ว แต่พอเห็นเหยาจิ้งจือยืนอยู่ข้างกายนายท่านเหยากับคุณนายเหยา เขาก็นึกขึ้นมาได้ในทันที “นี่…คุณหนูคนโตแห่งตระกูลเหยา เป็นสหายเหยาเองหรอกหรือ?”
เหยาจิ้งจือเห็นเสิ่นเจิ้นอวี่เหมือนกัน ได้ยินคำพูดนี้ก็ยกยิ้มแล้วตอบกลับ “ใช่ค่ะ ฉันเองค่ะ”
“ไอ้หยา…นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีเหลือเกิน”
เสิ่นเจิ้นอวี่ได้แต่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก ในเมื่อเหยาจิ้งจือเป็นคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเหยา เช่นนั้นแล้วต่อไปตระกูลเซี่ยก็อาจจะย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวง ถึงตอนนั้นลูกสาวกับมู่หลานก็คงได้เจอกันบ่อยขึ้น
เมื่อนึกถึงลูกสาว เสิ่นเจิ้นอวี่ก็อดที่จะถามไม่ได้ “พวกมู่หลานกับอาหลี่อยู่ด้วยไหมครับ ถ้าทราบเร็วกว่านี้ว่าพวกคุณมาปักกิ่ง ผมคงพาหรูฮวนมาด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็บอกกล่าวทั้งรอยยิ้ม “อาหลี่กับมู่หลานอยู่ที่นี่กันหมดค่ะ จริง ๆ แล้วพวกเราก็เพิ่งมาถึงปักกิ่งได้ไม่นานนี่เอง จึงยังหาเวลาไปเยี่ยมพวกคุณไม่ได้เลย”
เสิ่นเจิ้นอวี่ได้ยินเช่นนี้ จึงยกยิ้มแล้วรีบบอกกล่าว “เจอช้ายังดีกว่าไม่เจอล่ะครับ”
ในขณะนี้ เขาพบว่าเจี่ยงสือเหิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงอดที่จะพูดไม่ได้ “สหายเจี่ยง คุณก็มาหรือ ไม่เจอกันนานเลย”
เจี่ยงสือเหิงยิ้มแล้วพยักหน้าให้เสิ่นเจิ้นอวี่ แล้วพูดขึ้น “ใช่แล้วสหายเสิ่น ไม่เจอกันนานเลย”
นายท่านเหยารู้สึกแปลกใจมากเข้าไปอีกเมื่อเห็นว่าลูกสาวกับคนอื่น ๆ รู้จักเสิ่นเจิ้นอวี่ พวกเขาอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลในมณฑลซานตงมาตลอด เหตุใดจึงรู้จักเจี่ยงสือเหิงกับเสิ่นเจิ้นอวี่ได้ ” จิ้งจือ ลูกก็รู้จักเจิ้นอวี่เหมือนกันหรือ”
ก่อนที่เหยาจิ้งจือจะทันได้อธิบายอะไร เสิ่นเจิ้นอวี่ก็ยกยิ้มแล้วอธิบายขึ้น “ผู้อาวุโส ลูกสาวของผมกับมู่หลานเป็นเพื่อนสนิทกันครับ หรูฮวนเคยไปค้างที่บ้านตระกูลเซี่ยมาก่อน พวกเราจึงรู้จักกัน เหวินปิงกับจิ้งจือทั้งสองเป็นคนดีมาก อาหลี่ก็เป็นคนดีมากเช่นกัน”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ นายท่านเหยากับคุณนายเหยาก็อดจะขมวดคิ้วไม่ได้
กลายเป็นว่าพวกลูกสาวต่างรู้จักเจี่ยงสือเหิงและเสิ่นเจิ้นอวี่เพราะฉินมู่หลานที่เป็นลูกสะใภ้ จึงทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าหลานสะใภ้คนนี้ไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงเด็กสาวที่โตมาในชนบท แต่กลับมีความสามารถมากมาย จนทำให้เจี่ยงสือเหิงยอมเป็นพ่อบุญธรรม แล้วยังสนิทกับลูกสาวตระกูลเสิ่นอีกด้วย ถ้าแม่หนูตระกูลเสิ่นไปหาถึงที่บ้านตระกูลเซี่ยจริง แสดงว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองต้องดีมากแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนั้น ทั้งสองก็ได้เข้าใจตัวตนของฉินมู่หลานมากขึ้น
หลายคนพูดคุยกันขณะเดินเข้ามา หลังจากนั้นเซี่ยเหวินปิงก็พาเจี่ยงสือเหิงกับเสิ่นเจิ้นอวี่ไปทางโต๊ะของฉินมู่หลาน
ทุกคนรอบข้างล้วนเห็นเจี่ยงสือเหิงกับเสิ่นเจิ้นอวี่อยู่แล้ว จึงต่างพากันกระซิบกระซาบ
“แปลกจริง ตระกูลเหยาสานสัมพันธ์กับตระกูลเจี่ยงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”
“ใช่แล้ว เจี่ยงสือเหิงคนนั้นเพิ่งกลับมาแล้วกลายเป็นหัวหน้าตระกูลเจี่ยงคนปัจจุบัน ได้ยินว่าความสามารถก็ยอดเยี่ยมมาก เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ มีอยู่ไม่น้อยคนเลยที่อยากสานมิตรไมตรีกับเขา ไม่คิดเลยว่าตระกูลเหยาจะนำหน้าไปก่อนแล้ว”
“ใช่แล้ว แต่ว่า…”
ขณะพูดคุยกัน คนผู้นั้นก็เอ่ยด้วยความสับสน “นี่ฉันเห็นภาพลวงตาเหรอ ทำไมรู้สึกว่าเจี่ยงสือเหิงถึงดูสนิทสนมกับสามีของคุณหนูเหยาที่มาจากชนบทจังเลย ทั้งสองดูสนิทกันมาก” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เมื่อคนอื่นได้ยินสิ่งนี้ก็พากันหันไปมอง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูด “เธอพูดจริงด้วย พวกเขาสองคนดูสนิทกันจัง”
“ไม่ใช่เท่านี้นะ เสิ่นเจิ้นอวี่นั่นก็ดูสนิทกับสามีของคุณหนูตระกูลเหยาที่มาจากชนบทเหมือนกัน ดูการพูดจาของพวกเขาสิ พวกเขาเหมือนรู้จักกันหมดเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายคนก็รู้สึกสับสนนิดหน่อย
“แปลกจัง ไหนว่าคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเหยาหลงทางแล้วได้คู่สามีภรรยาบนเขารับเลี้ยงดู หลังจากนั้นก็แต่งงานกับคนหมู่บ้านเดียวกัน แต่คนแซ่เซี่ย…ที่อยู่นี่ เขารู้จักเจี่ยงสือเหิงกับเสิ่นเจิ้นอวี่ได้ยังไงกัน”
“ใช่แล้ว น่าแปลกมากจริง ๆ”
เซี่ยเหวินปิงไม่ทราบว่าทุกคนกำลังสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจี่ยงสือเหิงและเสิ่นเจิ้นอวี่ ในตอนนี้เขาได้พาทั้งสองไปหาฉินมู่หลาน แล้วพูดขึ้น “มู่หลาน พ่อบุญธรรมกับลุงเสิ่นมาแล้วนะ”
ฉินมู่หลานเห็นเจี่ยงสือเหิงกับเสิ่นเจิ้นอวี่ ก็ยกยิ้มแล้วรีบกล่าวทักทาย “พ่อบุญธรรม ลุงเสิ่น มากันแล้วเหรอคะ รีบนั่งเถอะค่ะ”
มีที่ว่างอยู่ตรงโต๊ะของเธอ จึงให้ทั้งสองนั่งลงได้
เจี่ยงสือเหิงกับเสิ่นเจิ้นอวี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แล้วนั่งลงตรงที่นั่งว่าง
เซี่ยเจ๋อหลี่ให้คนรินชาให้พวกเขา จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างฉินมู่หลาน แล้วกะเทาะวอลนัทให้เธอ
ตอนแรกเสิ่นเจิ้นอวี่อยากเชิญฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ที่บ้านในฐานะแขก เพียงแต่เมื่อเขากำลังจะพูดออกไป เซี่ยเจ๋อน่าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เปิดปากขึ้นก่อน “พี่สะใภ้รอง สองท่านนี้คือ?”
เซี่ยเจ๋อน่ามองสองคนตรงหน้าและทราบได้ว่าฐานะของพวกเขาไม่ธรรมดา แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ทั้งสองน่าจะเป็นคนรู้จักของฉินมู่หลาน ซึ่งดูแล้วน่าประหลาดใจทีเดียว
ฉินมู่หลานไม่ได้ปรายตามองเซี่ยเจ๋อน่าเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะเอ่ยกับเสิ่นเจิ้นอวี่ “ลุงเสิ่นคะ ล่าสุดหรูฮวนทำอะไรอยู่คะ ไม่ได้เจอหล่อนมานานมากแล้ว เดี๋ยวถ้าช่วงบ่ายมีเวลาฉันจะไปหาหล่อนค่ะ”
เสิ่นเจิ้นอวี่ได้ยินเช่นนี้ จึงลอบปรายตามองเซี่ยเจ๋อน่าที่อยู่ตรงข้ามเขา
เมื่อสักครู่ได้ยินสรรพนามที่เซี่ยเจ๋อน่าเอ่ยเรียกฉินมู่หลาน ก็ทราบว่าเซี่ยเจ๋อน่าที่อยู่ตรงข้ามเป็นน้องสาวสามีของฉินมู่หลาน เขาจึงคิดอยากจะแนะนำตัวเอง ไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะมีท่าทางต่อเซี่ยเจ๋อน่าแบบนี้ เขาจึงทราบได้ทันทีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสามีคงไม่ดี ก็เลยไม่สนใจเซี่ยเจ๋อน่าอีก แล้วพูดคุยกับฉินมู่หลานทันที
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย หรูฮวนคิดถึงพวกเธอมากนะ แต่ฉันจะให้พวกเธอลำบากไปหาหรูฮวนได้ยังไง เดี๋ยวตอนบ่ายให้หรูฮวนมาหาเองดีกว่า”
“ได้ค่ะ”
เซี่ยเจ๋อน่าเห็นว่าพวกเขาไม่ได้สนใจตัวเอง จึงหน้าแดงด้วยความโกรธ หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพบว่าแม้แต่พี่รองของตัวเองก็ยังไม่ปรายตามองตนด้วยซ้ำ
เจี่ยงสือเหิงกับเสิ่นเจิ้นอวี่อ่านความคิดของเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ จึงทราบว่าเซี่ยเจ๋อน่าน้องสามีคนนี้ไม่ชอบสองสามีภรรยา จึงไม่สนใจหล่อนเช่นกัน
เซี่ยเจ๋อน่าเห็นว่าพวกเขาเมินเฉยใส่หล่อน จึงดึงตัวเกาหยวนแล้วพูดขึ้น “ไปเถอะค่ะ พวกเราไปหาคุณตาดีกว่า”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตระกูลเหยาจะมองพ่อพี่หลี่ในทางที่ดีขึ้นไหมนะ แบคใหญ่สองตระกูลมาหาขนาดนี้แล้ว
ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอค่ะยัยเจ๋อ เธอจะโดนเมินก็ไม่แปลก
ไหหม่า(海馬)