ตอนที่ 168 เป็นที่สนใจ(2)
ตอนที่ 168 เป็นที่สนใจ(2)
ในตอนนี้เอง ใครบางคนก็พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เจี่ยงสือเหิงเข้ามายืนขวางตรงหน้าฉินมู่หลานโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้มู่หลานกำลังตั้งครรภ์ ต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่เมื่อเห็นชัดว่าคนตรงหน้าคือใคร ดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจนิดหน่อย “ผู้อำนวยการเถา ยินดีที่ได้พบครับ”
เถาป๋อหลุนจ้องมองตรงมาที่ฉินมู่หลาน เมื่อได้ยินคำพูดของเจี่ยงสือเหิง ก็หันไปมองเขาแล้วเอ่ยขึ้น “สหายเจี่ยงนี่เอง ยินดีที่ได้พบครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงสือเหิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เขายืนอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด เมื่อสักครู่เถาป๋อหลุนไม่เห็นหรอกหรือ
อันที่จริงเถาป๋อหลุนไม่ทันได้สังเกตเห็นจริง ๆ เพราะเขามุ่งความสนใจไปที่ฉินมู่หลาน จึงเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง “พวกคุณ คุณคือสหายฉินมู่หลานใช่ไหม?”
ฉินมู่หลานไม่รู้จักเถาป๋อหลุนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิด แต่เมื่อสักครู่พ่อบุญธรรมเอ่ยเรียกเขาว่าผู้อำนวยการ แต่ไม่ทราบว่าเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลไหน “สวัสดีค่ะ ฉินมู่หลานค่ะ”
“คุณ…คุณรู้จักเลี่ยวเหวินหยางใช่ไหม”
ตอนแรกฉินมู่หลานยังไม่มีปฏิกิริยาใด แต่เมื่อลองนึกดูแล้ว ก็เอ่ยด้วยความไม่แน่ใจนิดหน่อย “หมอเลี่ยวที่อยู่โรงพยาบาลทหารเหรอคะ?”
“ใช่ครับ เขานั่นแหละ”
เถาป๋อหลุนเห็นว่าฉินมู่หลานรู้จักเลี่ยวเหวินหยางจริง จึงทราบได้ว่าทักคนไม่ผิด “เป็นคุณจริงด้วย หมอคนที่พัฒนายาแก้อักเสบคนนั้นเอง”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนี้จึงเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะยาพิเศษพวกนั้นนี่เอง เธอจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยพูด “ค่ะ ฉันเอง”
เถาป๋อหลุนเห็นฉินมู่หลานพยักหน้ายอมรับ จึงรู้สึกตื่นเต้นไปหมด
“หมอฉิน ในที่สุดผมก็ได้พบคุณ คุณทราบไหมครับว่ายาของคุณช่วยคนเอาไว้ได้มากมายขนาดไหน” เป็นเพราะยาแก้อักเสบกับยาลดไข้มีประสิทธิภาพและไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ จึงช่วยผู้คนได้มากมาย “หมอฉินครับ ผมขอพูดคุยกับคุณเสียหน่อยจะได้ไหมครับ?”
“ได้อยู่แล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานดูออกว่าเถาป๋อหลุนสนใจเรื่องตัวยาเป็นพิเศษ นอกจากนี้อีกฝ่ายยังเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วย
เมื่อเห็นฉินมู่หลานตกลง เถาป๋อหลุนจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก แล้วเริ่มลากตัวคนมาพูดคุยเสวนากัน
แต่เจี่ยงสือเหิงยังยืนอยู่ ก่อนจะพูดขึ้น “ผู้อำนวยการเถา นี่ก็เพิ่งจะได้พบกันเอง เอาไว้กินข้าวเสร็จแล้วค่อยมาพูดคุยกันเถอะ มู่หลานกำลังตั้งท้อง ถ้าปล่อยให้หล่อนหิวคงไม่ดีแน่”
เถาป๋อหลุนได้ยินสิ่งนี้จึงสงวนท่าทีเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วรีบกล่าว “ใช่ๆ ไว้คุยหลังกินเสร็จ อย่าให้หมอฉินต้องอดข้าว” หลังจากพูดจบ เขาก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “ผมขอร่วมโต๊ะกับพวกคุณได้ไหมครับ?”
วันนี้เดิมทีเขาไม่อยากมา แต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากมา แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกดีใจว่าโชคดีเหลือเกินที่มาที่นี่ ไม่อย่างนั้นคงได้พลาดโอกาสในการเจอฉินมู่หลานแน่นอน
เมื่อได้ยินดังนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนว่าเหตุใดผู้อำนวยการเถาคนนี้ถึงทำตัวเป็นมิตรนัก เคยได้ยินคนพูดกันว่าผู้อำนวยการเถาแห่งโรงพยาบาลประจำเมืองหลวงค่อนข้างเย็นชาไม่ใช่เหรอ ทำไมดูแตกต่างจากที่เขาเคยได้ยินมาเหลือเกิน
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าเถาป๋อหลุนจะทำตัวสนิทสนมขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นว่าที่นั่งบนโต๊ะของพวกเขายังว่าง ก็พยักหน้าแล้วพูด “ได้อยู่แล้วค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานตอบตกลง เถาป๋อหลุนก็รีบตามไป
หลังจากทั้งสามนั่งลงแล้ว เสิ่นเจิ้นอวี่ก็รีบเอ่ยทักทายเถาป๋อหลุนเช่นกัน เนื่องจากทุกคนล้วนมาจากปักกิ่ง จึงรู้จักกันหมด
เถาป๋อหลุนเห็นเสิ่นเจิ้นอวี่ก็พยักหน้าให้ด้วยท่าทางสงบนิ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเสิ่นเจิ้นอวี่รู้จักฉินมู่หลาน เขาจึงเข้าหาเสิ่นเจิ้นอวี่มากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
เสิ่นเจิ้นอวี่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยพูดคุยกับเถาป๋อหลุนมาก่อน แต่เป็นเพราะเถาป่อหลุนไม่เคยใจดีกับเขาขนาดนี้มาก่อนต่างหาก
และเขาก็คิดได้ทันทีว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉินมู่หลาน
ในตอนนี้ เสิ่นเจิ้นอวี่ก็ได้แต่คิดว่าลูกสาวของตนช่างโชคดี ที่มีเพื่อนอย่างฉินมู่หลาน
เถาป๋อหลุนไม่คิดว่าเสิ่นเจิ้นอวี่จะคิดมากขนาดนั้น ในขณะนี้เขาต้องการหารือเกี่ยวกับปัญหาทางการแพทย์บางอย่างกับฉินมู่หลานเสียเหลือเกิน เพียงแต่เขาไม่สามารถปล่อยให้หญิงตั้งครรภ์หิวโหยได้ ดังนั้นจึงรีบให้เธอกินข้าว
เซี่ยเจ๋อหลี่กำลังคาราวะเหล้า หลังจากเห็นว่าฉินมู่หลานกำลังยุ่ง ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที เมื่อเห็นว่ามู่หลานไม่เป็นไร และมีบางคนอยากจะทำความรู้จักกับมู่หลาน เขาก็โล่งใจ
คนที่มากับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็คือนายท่านเหยา เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเถาป๋อหลุน สีหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ต้องทราบว่ามีหลายคนอยากเป็นเพื่อนกับเถาป๋อหลุน ใครบ้างจะไม่อยากผูกมิตรกับคนที่มีฝีมือทางการแพทย์สูง แต่ตอนนี้เถาป๋อหลุนกลับอยากเป็นเพื่อนกับฉินมู่หลาน
หลานสะใภ้คนเล็กของลูกสาวของมีความสามารถอะไรกัน ถึงได้รับอภิสิทธิ์เช่นนี้
เถาป๋อหลุนเห็นทุกคนยืนอยู่ที่นี่ ส่วนฉินมู่หลานก็ไม่ได้กินข้าวแล้ว จึงรีบหันไปหานายท่านเหยาแล้วพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโสครับ หากมีธุระอะไรต้องไปทำก็ไปกันได้เลยครับ เดี๋ยวพวกเราจะกินข้าวกันแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นายท่านเหยาก็พยักหน้า แล้วพาเซี่ยเจ๋อหลี่ไปคาราวะเหล้าต่อ
เขามองออกแล้วว่าลูกสาวกับลูกเขยไม่ได้มีประโยชน์อะไร ส่วนหลานชายคนโตกับหลานสะใภ้คนโตก็ไม่ได้มีความสามารถมากมาย มีแค่เซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลานเท่านั้นที่มีความสามารถ เขาจึงยินดีพาเซี่ยเจ๋อหลี่ไปพบปะเพื่อนฝูงมากขึ้น
หลายคนที่อยู่ใกล้บริเวณนี้คงได้ยินอะไรบางอย่าง ไม่นานนักทุกคนก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องนี้
ตอนแรกมีบางคนแอบคิดว่าฉินมู่หลานไม่เหมือนหญิงสาวจากบ้านนอกอย่างที่พวกเขาเคยได้ยิน ตอนนี้พวกเขาเริ่มมั่นใจมากขึ้นแล้ว ว่าฉินมู่หลานเป็นคนที่สุดยอดมาก
เซี่ยเจ๋อน่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในสายตา หล่อนก็หวังว่าคนที่จะได้นรับความสนใจจะเป็นตัวเองบ้าง แต่ในความเป็นจริงคนที่หล่อนเกลียดที่สุดอย่างฉินมู่หลานกลับได้รับความโปรดปรานจากทุกคน ในใจจึงเต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง
หลังจากฉินมู่หลานกินอะไรไปบ้างแล้ว ในที่สุดก็ไม่หิวโหยอีก คีบตะเกียบอีกสองสามครั้งก่อนจะวางตะเกียบลง
เถาป๋อหลุนเห็นเช่นนั้น จึงรีบวางตะเกียบลงด้วย หลังจากนั้นก็หันไปเอ่ยถามฉินมู่หลาน “หมอฉินครับ ในเมื่อคุณพัฒนายาพิเศษสองตัวนั้นเสร็จแล้ว คุณยังมียาตัวอื่นที่กำลังพัฒนาอยู่หรือเปล่าครับ?”
ฉินมู่หลานไม่ได้ปฏิเสธ ก่อนจะพยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังพัฒนายาตัวอื่นด้วยค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของเถาป๋อหลุนก็เป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้นผลจะออกมาเมื่อไหร่ครับ? โรงพยาบาลของผมจะขอรับซื้อยาพวกนี้ด้วยได้ไหมครับ?”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้นตามตรง “ทางฝั่งหมอเลี่ยวต้องได้ก่อนค่ะ”
“อันนี้ผมทราบครับ ก็ได้แต่หวังว่าหากคุณมียาตัวใหม่ อย่าลืมนึกถึงโรงพยาบาลของเรานะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ”
จากนั้นเถาป๋อหลุนก็เอ่ยถามฉินมู่หลานว่ากำลังพัฒนายาชนิดไหนอยู่ด้วยความใคร่รู้
ฉินมู่หลานพูดให้แนวคิดทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นเถาป๋อหลุนก็ยังตื่นเต้นไม่หยุด
เหยาจิ้งถงแอบมองมาทางนี้ ก่อนจะหันมองแล้วพูดกับยินอวี่โหรวอย่างช่วยไม่ได้ “ฉินมู่หลานนี่ไม่ธรรมดาเลยนะคะ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นที่สนใจของคนเมืองหลวงใหญ่แล้ว คอนเนคชันเยอะชีวิตข้างหน้าสบายแน่
อยากให้คนสนใจ แล้วเธอมีดีอะไรไปแข่งกับมู่หลานไหมล่ะยัยเจ๋อ
ไหหม่า(海馬)