ตอนที่ 173 หลบหนี
ตอนที่ 173 หลบหนี
เหยาจิ้งถงเมินเฉยใส่เซี่ยเจ๋อน่าอีกครั้ง ก่อนจะมองเหยาจิ้งจือแล้วพูดขึ้น “พี่คะ เดี๋ยวฉันจะไปกับพวกพี่ด้วย ฉันรู้ว่าตรงไหนมีของดีค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณนายเหยาก็ยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “จิ้งถงคุ้นเคยกับเมืองหลวงมากกว่าจริง ๆ ก็ให้หล่อนไปกับลูกแล้วกันนะ”
หลังจากพูดจบ นางก็หันมองฉินมู่หลานที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเธออยู่บ้านดีไหม”
นางยังคงเป็นห่วงฉินมู่หลานที่กำลังตั้งท้องลูกแฝด แล้วท้องก็ใหญ่มากด้วย หากโดนใครชนเข้าจะทำอย่างไร
ตอนแรกเซี่ยเจ๋อหลี่รู้สึกกังวลใจ เพียงแต่พอเห็นฉินมู่หลานพลังงานเต็มเปี่ยมจึงไม่พูดอะไร แต่เมื่อได้ยินคุณนายเหยาพูด จึงอาศัยจังหวะนั้นกอบโกย “ใช่แล้วมู่หลาน แปบเดียวเดี๋ยวพวกเราก็กลับกันแล้ว คุณรอพวกเราอยู่ที่บ้านเถอะ”
เขาคิดอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น การออกไปซื้อของฝากครั้งนี้เป็นความคิดของเหยาจิ้งถง ดังนั้นพวกเขาจึงยอมออกไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นไหม
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นกังวลมาก ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะรอพวกคุณอยู่ที่บ้าน”
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นฉินมู่หลานยอมตกลง จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก “มู่หลาน เดี่ยวผมซื้อของอร่อย ๆ กลับมาให้คุณกินนะ”
แม้แต่เหยาจิ้งจือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะลูกสะใภ้ท้องโตกว่าหญิงตั้งครรภ์ทั่วไปมาก แล้วยังเป็นลูกแฝดด้วย จึงต้องดูแลอย่างดี
จากนั้นฉินมู่หลานก็อยู่ที่เดิม ขณะที่เซี่ยเจ๋อหลี่กับคนอื่นก็ออกไปกัน
คุณนายเหยากลัวว่าฉินมู่หลานจะเบื่อหากอยู่บ้านคนเดียว จึงรีบเข้าไปพูดคุยกับเธอ “มู่หลาน พวกเรามาคุยกันเถอะ”
“ได้ค่ะ คุณยาย”
ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วพยักหน้า เธอเองก็อยากจะพูดคุยสอบถามเรื่องบางอย่างด้วย ในเรื่องที่ว่าการหายตัวไปของแม่สามีนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ
หลังจากฉินมู่หลานกับคุณนายเหยานั่งลงแล้ว เธอก็เอ่ยถามอะไรบางอย่าง เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ฉินมู่หลานประหลาดใจก็คือ คุณนายเหยากลับรู้เรื่องราวในตอนนั้นไม่มากนัก
หลังจากทราบว่าลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองหายไป คุณนายเหยาก็ล้มป่วยลง นายท่านเหยาจึงจัดการเรื่องต่าง ๆ แทน
“คุณยายคะ แล้วหลังจากนั้นคุณยายไม่ได้ถามคุณปู่เลยเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คุณนายเหยาก็มีสีหน้าประหม่า
“ตอนนั้นฉันรู้สึกเศร้ามากจนแทบผ่านมันไปไม่ไหว คุณตาของเธอจึงไม่ได้บอกรายละเอียกเรื่องที่จื้อจือหลงทางให้ทราบมากนัก ฉันเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม หลังจากนั้น คุณยายน้อยของเธอก็ส่งตัวจิ้งถงมาที่นี่ แล้วฉันก็ค่อย ๆ ดีขึ้น” อันที่จริงนางแทบอยากจะหนีไปเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากทนยอมรับเรื่องลูกสาวตัวเองหายไปไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าจิ้งถงเหมือนลูกสาวอยู่บ้าง จึงเลี้ยงดูหล่อนเหมือนลูกสาวตัวเอง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องมองคุณนายเหยาอย่างไร กับการที่นางมอบความรักและเอ็นดูทั้งหมดไปให้เหยาจิ้งถง แล้วค่อย ๆ ลืมเลือนลูกสาวที่แท้จริงของตัวเองไป
คุณนายเหยารู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมฉินมู่หลานถึงถามคำถามพวกนี้
“มู่หลาน ทำไมจู่ ๆ เธอถึงถามเรื่องพวกนี้ล่ะ หรือว่าแม่สามีของเธอจะจำอะไรได้แล้ว?”
ฉินมู่หลานส่ายศีรษะแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ค่ะ แม่ยังนึกอะไรไม่ออกเลย หนูแค่อยากรู้ค่ะ เพราะเห็นได้ชัดว่าแม่อยู่ที่ปักกิ่ง แล้วยังได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะด้วย แล้วอยู่ ๆ ก็ไปถูกพบอยู่ที่มณฑลซานตง”
“โธ่…ลูกสาวที่น่าสงสารของฉัน หล่อนคงโดนใครลักพาตัวไปจนไปถึงมณฑลซานตง” หลังจากนั้นนางก็กลับมามีความสุขขึ้นอีกครั้ง “โชคดีที่ในที่สุดครอบครัวของเราได้กลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่ค่ะ โชคดีมากที่พวกคุณยายได้เจอแม่ สุดท้ายครอบครัวก็ได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน”
ฉินมู่หลานพูดคุยกับคุณนายเหยาอยู่อีกไม่กี่คำ เธอก็หาวอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะพูดขึ้น “คุณยายคะ หนูรู้สึกง่วงนิดหน่อย อยากกลับไปนอนสักหน่อยค่ะ”
คุณนายเหยาได้ยินสิ่งนี้ จึงรีบเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปพักผ่อนเถอะ”
ฉินมู่หลานลุกขึ้นยืน แล้วกลับไปที่ห้องพักทันที
อีกด้านหนึ่ง เหยาจิ้งถงก็พาเซี่ยเจ๋อหลี่กับเหยาจิ้งจือและคนอื่นในครอบครัวไปที่ห้างสรรพสินค้า “พี่คะ ที่ปักกิ่งมีของเยอะมาก พวกเราไปดูกันได้นะ เผื่อจะมีของที่พวกพี่ชอบ”
หลังจากที่เหยาจิ้งจือมาถึงเมืองหลวงก็ยังไม่เคยลองเดินเล่นสำรวจอย่างเป็นจริงเป็นจังเลย ด้วยรู้สึกว่าข้าวของค่อนข้างราคาแพง “เข้าไปซื้อที่นี่เลยไหม แต่ในห้างสรรพสินค้าไม่ขายเสื้อผ้ากับพวกนาฬิกาไม่ใช่เหรอ?”
“พี่คะ ที่นี่ก็มีของฝากเยอะด้วย อย่างนั้นพวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ”
เหยาจิ้งถงยิ้มแล้วพูดอธิบาย
เซี่ยเจ๋อน่าที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นแม่กำลังลังเล สายตาจึงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม หล่อนคาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าแม่ต้องกลัวการใช้เงินจำนวนมาก หล่อนเป็นคุณหนูตระกูลเหยาแล้ว แต่ทำไมถึงยังขี้เหนียวไม่เปลี่ยน “แม่ เข้าไปเร็ว มัวแต่อ้อยอิ่งเดี๋ยวก็มืดหรอก” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูด เหยาจิ้งจือจึงเม้มปากตัวเอง ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ก่อนจะเดินตรงเข้าไป
เซี่ยเจ๋อเหว่ยเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวน ก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จะรีบอะไรนักหนา ถ้าพวกแกรีบกัน ก็เข้าไปกันก่อนเลย” หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “อาหลี่ พวกเราไปกัน”
เมื่อเห็นว่าเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงและพวกเซี่ยเจ๋อหลี่มาด้วยกัน สีหน้าของเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนก็ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
แล้วเหยาจิ้งถงยังพูดอยู่ข้าง ๆ “น่าน่า เกาหยวน พวกเราก็เข้าไปเถอะ”
“ค่ะ พวกเราจะตามคุณน้าค่ะ”
หลังจากเซี่ยเจ๋อน่าไปกับเหยาจิ้งถง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้พาเหยาจิ้งจือกับคนอื่นไปดูของแล้ว ที่มีข้าวของมากมาย จนเหยาจิ้งจือกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนแทบอดใจไม่ไหว
“ว้าว…ตัวนี้ดูดีจังเลย”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนมองดูเสื้อผ้าพวกนี้ก็รู้สึกว่ามันทันสมัยมาก สมกับเป็นเมืองหลวงเหลือเกิน บ้านเกิดพวกเขาเทียบชั้นไม่ได้เลย แต่เมื่อหล่อนเอ่ยถามราคาก็ต้องหยุดคิดอยากได้ทันที เพราะมันแพงเกินไป และหล่อนก็ไม่สมควรที่จะได้รับมัน
เซี่ยเจ๋อเหว่ยเห็นว่าภรรยาเหมือนจะอยากได้มากแต่ไม่กล้าซื้อเพราะราคาแพงเกินไป เขาจึงกัดฟันแล้วพูดขึ้น “เสวี่ยเยี่ยน ถ้าคุณชอบก็ซื้อเถอะ”
“ไม่ต้องหรอก พวกเรารีบไปดูตรงนั้นดีกว่า”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนไม่เต็มใจจะจ่ายเงินซื้อเสื้อผ้าราคาแพงเช่นนี้ ดูดีก็ดูดีอยู่หรอก แต่มันนำมากินเป็นอาหารไม่ได้
เมื่อเซี่ยเจ๋อเหว่ยอยากจะเอ่ยถามอีกสักสองสามคำ เขาก็โดนหลี่เสวี่ยเยี่ยนลากออกไปทันที
พนักงานขายมองดูทั้งสองจากทางด้านหลัง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ซื้อไม่ได้แล้วจะดูอะไรนักหนา”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินอยู่แล้ว แต่หล่อนก็ไม่ปฏิเสธ เพราะจ่ายไม่ไหวจริง ๆ
เหยาจิ้งจือเห็นลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ของตนเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย เป็นเพราะครอบครัวไม่มีเงิน จึงไม่กล้าจะซื้อของที่ชอบ แต่ตอนนี้มันต่างจากเดิมแล้วตรงที่หล่อนมีเงินมากมาย “เอาเสื้อคลุมพวกนั้นใส่ถุงให้หน่อย”
พนักงานขายได้ยินดังนั้น จึงเหลือบมองเหยาจิ้งจือ เมื่อเห็นว่าคนพวกนี้มาด้วยกัน จึงเอ่ยพูดอย่างเหลืออด “คุณจะเป็นคนจ่ายเหรอคะถึงขอให้ฉันเอาใส่ถุง พอถึงตอนนั้นก็คงจะเบี้ยวไม่ยอมซื้อล่ะสิท่า”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสียดายที่มู่หลานมาไม่ได้ ไม่งั้นคงจับพิรุธยัยจิ้งถงได้เป็นกระบุงโกย
เขามีปัญญาจ่ายค่ะ หล่อนเป็นพนักงานขายก็อย่าดูถูกลูกค้าให้มาก
ไหหม่า(海馬)