ตอนที่ 175 โล่กำบัง
ตอนที่ 175 โล่กำบัง
“อ๊า…”
เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นชักมีดพกออกมา เซี่ยเจ๋อน่าก็ทนอยู่เฉยไม่ไหวส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา รีบวิ่งตรงไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่กับเหยาจิ้งจืออย่างไม่รอช้า
ทุกคนรอบตัวตื่นตกใจกับหญิงวัยกลางคนที่หยิบมีดออกมา บางคนจึงเริ่มวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก
“อ๊ะ…คนนั้นมีมีด รีบวิ่งเร็วเข้า วิ่ง”
“ไปๆๆ หยุดดูได้แล้ว วิ่งหนีเร็วเข้า”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องตื่นตระหนก เหตุการณ์ที่แต่เดิมวุ่นวายอยู่แล้วก็ยิ่งอลหม่านขึ้นเป็นทวีคูณ ทุกคนโดยรอบเริ่มวิ่ง เพียงแต่ยิ่งวุ่นวายมากเท่าใดเหตุการณ์ก็ยิ่งชุลมุนมากขึ้น ทำให้มีหลายคนล้มลงกับพื้นแล้วโดนคนเหยียบย่ำ
เซี่ยเจ๋อหลี่หันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อเหว่ย “พี่ใหญ่ พวกพี่รีบไปตรงที่คนน้อยก่อน พวกพี่มีเสี่ยวอวี่ อย่าให้โดนคนอื่นล้มทับ”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยได้ยินแล้วจึงพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ได้ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
เหยาจิ้งจือก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นยังคงไล่ตามลูกสาว จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยสายตาคาดคั้นก่อนจะพูดขึ้น “อาหลี่ รีบไปช่วยน้องก่อน ยัยบ้านั่นยังวิ่งไล่ตามหล่อนอยู่เลย”
ตอนแรกเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่อยากสนใจเรื่องนี้ แต่ในเมื่อคนผู้นั้นชักมีดออกมาแล้ว เขาก็จำเป็นต้องเข้าไปช่วย “พ่อครับแม่ครับ ไปรอตรงด้านข้างนู้นก่อน เดี๋ยวผมจะไปจัดการคนที่ถือมีดนั่น”
“ได้ แกรีบไปเถอะ”
เพียงแต่เมื่อทุกคนกำลังพูดคุยกัน เซี่ยเจ๋อน่าก็เบียดเสียดผ่านฝูงชนก่อนจะวิ่งเข้ามาตรงหน้าพวกเขา “พ่อ แม่ พี่รอง ทำไมถึงไม่ช่วยหนู รู้ไหมว่ามันถือมีดด้วย”
เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองเซี่ยเจ๋อน่าอย่างเย็นชา หล่อนจึงรีบหุบปากทันที แล้วไม่เอ่ยพูดอะไรอีก
ในตอนนั้นเอง ผู้หญิงวัยกลางคนนั้นก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับมีดในมือ เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นดังนั้นจึงยกขาขึ้นเตะไปหนึ่งที ทำให้มีดกระเด็นหลุดออกจากมือของผู้หญิงคนนั้น
เหยาจิ้งถงเฝ้ามองเหตุการณ์จากระยะไกล มุมปากของหล่อนโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำขึ้น “ตอนนี้แหละ…”
ไม่นานหลังจากพูด หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่เตะมีดในมือของหญิงวัยกลางคนออกแล้ว ก็มีใครบางคนเดินเข้ามา เขาพุ่งเป้าตรงไปที่เหยาจิ้งจือ แล้ววิ่งเข้าใส่หล่อนอย่างสุดกำลัง
เซี่ยเหวินปิง เหยาจิ้งจือ กับเซี่ยเจ๋อน่าถอยไปอยู่ตรงที่คนไม่พลุกพล่าน เซี่ยเจ๋อหลี่จึงทันสังเกตเห็น เขาจึงตะโกนขึ้นด้วยแววตาตื่นตกใจ “พ่อ แม่…ระวัง!”
เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงไม่ได้ตอบสนองเร็วนัก เซี่ยเจ๋อน่าเป็นคนแรกที่หันไปมอง เมื่อเห็นว่ามีชายวัยกลางคนกำลังถือมีดสั้นเดินเข้ามา ภาพของหญิงวัยกลางคนผู้นั้นที่ไล่ตามหล่อนก็แล่นผ่านเข้ามาในใจ ทำให้คิดว่าคนผู้นี้มีเจตนาทำร้ายตน คมมีดเล่มนั้นสะท้อนแสงแวววาว มองแวบเดียวก็ทราบได้ว่าคมมาก
ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เซี่ยเจ๋อน่าก็คว้ามือเหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะดึงหล่อนมาขวางหน้าตัวเอง
เมื่อเหยาจิ้งจือรู้สึกตัว หล่อนก็หันมองลูกสาวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ลูกสาวแท้ ๆ ของหล่อนถึงกับดึงหล่อนมาใช้เป็นโล่กำบังตัวเองในยามคับขัน ในตอนนี้หล่อนจึงรู้สึกพิกลและหวาดกลัวมาก
เซี่ยเหวินปิงเห็นพฤติกรรมของลูกสาวเช่นกัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความโกรธ เขาจับมืออีกข้างของเหยาจิ้งจือแล้วรีบดึงหล่อนเข้ามาหาตัวเองอย่างแรง
กำลังของเซี่ยเหวินปิงมีมากกว่าเซี่ยเจ๋อน่าหลายเท่า ทำให้เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเจ๋อน่าเซตามแรงดึงไปอีกด้านหนึ่ง และระหว่างที่ทั้งสามกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้น เซี่ยเจ๋อน่าก็โดนดึงให้มาอยู่ตรงที่เหยาจิ้งจือเคยยืน
“อ๊ะ…”
เมื่อเซี่ยเจ๋อน่าได้สติ ก็ทราบว่าตัวเองกำลังใช้แม่เป็นโล่กำบัง ภายในใจจึงตกประหม่าขึ้นมา แต่ทันใดนั้นหล่อนก็รู้สึกเจ็บเสียดที่หน้าอก เมื่อก้มศีรษะมองดูก็พบว่ามีดสั้นเย็นเฉียบเล่มนั้นกำลังเสียบทะลุหน้าอกของตัวเอง “ไม่…”
“อั่ก…”
เหยาจิ้งจือหันไปมองหลังจากได้ยินเสียงร้องของเซี่ยเจ๋อน่า เมื่อเห็นมีดสั้นเล่มนั้นปักอยู่บนตัวเซี่ยเจ๋อน่า ก็รู้สึกกลัวจนหน้าซีดเผือด ก่อนจะกรีดร้องด้วยความตกใจ
คนรอบข้างเห็นว่ามีคนได้รับบาดเจ็บ ก็เริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิม เหตุการณ์จึงชุลมุนมากขึ้นไปอีก
เมื่อคนร้ายที่ปรากฏตัวขึ้นเห็นเซี่ยเจ๋อน่าโดนแทง แววตาก็แลดูคลุมเครือ เขากำลังจะดึงมีดออก แต่เมื่อหันกลับมา เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เบียดเสียดผ่านฝูงชนเข้ามา เมื่อไปถึงตรงนั้นได้เขาก็จ้องมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาคมกริบ จึงพุ่งตัวเข้าถีบชายคนนั้นออกไปทันทีก่อนที่เขาจะคว้าอาวุธได้
“พลั่ก…”
“อั่ก…”
ชายคนนั้นยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว ก็โดนเซี่ยเจ๋อหลี่ถีบกระเด็นออกไปแล้ว และยังเป็นลูกถีบที่ใช้กำลังทั้งหมด ชายคนนั้นจึงรู้สึกได้ว่าซี่โครงของตัวเองหัก ก่อนจะนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นลุกขึ้นไปไหนไม่ได้
เหยาจิ้งถงมองดูเหตุการณ์จากที่ไกล ๆ แววตาก็มืดครึ้มลง
โง่เง่า สถานการณ์ออกจะวุ่นวายขนาดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็โดนคนเบียดเสียดจนมาช้าแล้วแท้ ๆ สุดท้ายกลับเป็นเซี่ยเจ๋อน่าที่โดนแทง เมื่อคิดเช่นนี้ก็รู้สึกโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมา แต่เรื่องมันก็เป็นเช่นนั้นไปแล้ว หล่อนจึงทราบว่าเรื่องวันนี้เป็นอันจบสิ้น
“พี่คะ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เหยาจิ้งถงรีบวิ่งเข้ามาสุดแรงเกิด มองเหยาจิ้งจือด้วยความกังวล เมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็นไรจึงโล่งใจในที่สุด แต่เมื่อหันไปเห็นเซี่ยเจ๋อน่าที่โดนมีดปักคาอกก็อุทานขึ้นมาทันที “ว้าย…น่าน่า เป็นยังไงบ้าง เธอโอเคไหม?”
หลังจากพูดแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปย่อตัวนั่งลงข้างเซี่ยเจ๋อน่า
เซี่ยเจ๋อน่าเปิดปากกำลังจะพูด แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้
เป็นเซี่ยเจ๋อหลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้นแทน “พวกเรารีบพาหล่อนไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”
“ใช่แล้ว ไปโรงพยาบาลๆ”
เหยาจิ้งจือที่หวาดกลัวอยู่ในตอนแรกได้ยินสิ่งที่ลูกชายพูด จึงพูดย้ำคิดย้ำทำซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้ง
ในตอนนี้ เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็เดินมา ถึงแม้จะรู้สึกผิดหวังในตัวน้องสาวคนนี้เป็นอย่างมากก็ตาม แต่เมื่อเห็นหล่อนกำลังนอนจมกองเลือด เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดี ส่วนหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ปิดตาลูกชายเอาไว้ ด้วยเกรงว่าเจ้าหนูน้อยจะกลัว
คนสุดท้ายที่มาคือเกาหยวน เมื่อสักครู่เขาหนีไปเพียงลำพัง ไม่ได้สนใจเซี่ยเจ๋อน่าเลย ไม่คิดว่าผ่านไปชั่วพริบตาเดียว เซี่ยเจ๋อน่าจะได้รับบาดเจ็บ แล้วยังอาการสาหัสมากด้วย ใบหน้าเขาจึงซีดด้วยความกลัว
“หลีกไป พวกเราจะพาคนไปโรงพยาบาล”
คนที่ควบคุมสติอารมณ์ได้ดีที่สุดคือเซี่ยเจ๋อหลี่ หลังจากทุกคนรีบพาเซี่ยเจ๋อน่าไปโรงพยาบาลด้วยความตื่นตระหนก หล่อนก็โดนเข็นเข้าห้องผ่าตัดทันที
เหยาจิ้งจืออยู่ข้างนอกห้องผ่าตัดพร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญ
เซี่ยเหวินปิงตบบ่าภรรยาเป็นการปลอบโยน แม้ว่าเขาจะเป็นกังวลเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เศร้าเสียใจมากนัก หากเขาไม่ดึงภรรยามา เช่นนั้นแล้วตอนนี้คงเป็นเหยาจิ้งจือที่รับมีดเล่มนั้นแทน ลูกสาวคนนี้สารเลวยิ่งกว่าหมูหมา หล่อนถึงกับดึงแม่ตัวเองไปเป็นโล่กำบังมีด
เมื่อเห็นภรรยากำลังร้องไห้ เซี่ยเหวินปิงก็เอ่ยปลอบเสียงเบา “พอแล้วจิ้งจือ ไม่ต้องร้องแล้ว รอหมอออกมา แล้วค่อยฟังที่หมอพูดเถอะ” หลังจากเอ่ยจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะโน้มไปกระซิบข้างหูของเหยาจิ้งจือ “จื้งจือ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเซี่ยเจ๋อน่าดึงคุณไปบังตัวหล่อนน่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ผู้อ่านคนไหนรำคาญยัยเจ๋อมาตั้งแต่ต้น ตอนนี้กรรมตามสนองนางแล้วนะคะ มาลุ้นกันค่ะว่านางจะรอดแล้วกลับตัวกลับใจ หรือจะม่องโดยไม่มีโอกาสได้แก้ไขตัวเอง
ไหหม่า(海馬)