ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 178 ไม่ฟื้นแล้ว

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 178 ไม่ฟื้นแล้ว

ตอนที่ 178 ไม่ฟื้นแล้ว

จินหยวนซานกับเหยาอี้หนิงเห็นเหยาจิ้งถงออกไปข้างนอกตอนดึก จึงอดจะเอ่ยถามไม่ได้ “จิ้งถง/แม่ จะออกไปไหน?”

“ไม่มีอะไร ฉันแค่จะออกไปแปบเดียว”

เหยาจิ้งถงพูดเสร็จก็เดินออกไปทันที ตอนนี้ใบหน้าของหล่อนดูยับยู่นิดหน่อย เพราะในจดหมายบอกว่าชายวัยกลางคนกับหญิงวัยกลางคนโดนจับตัวได้แล้ว อันที่จริงก็ไม่สำคัญหรอกว่าสองคนนั้นจะโดนจับไหม เพราะไม่มีหลักฐานอะไรผูกมัดกับตัวหล่อน หล่อนจึงไม่กลัวว่านายท่านเหยากับคนอื่นจะสืบสวนเรื่องนี้ แต่สิ่งที่กวนใจหล่อนก็คือการที่แม่ของตนทราบเรื่องนี้แล้ว

เมื่อเหยาจิ้งถงเดินออกจากบ้านตระกูลเหยา หล่อนก็มุ่งตรงไปที่รถตรงฝั่งริมถนน แล้วให้รถพาหล่อนไปยังลานบ้านเล็กในเขตชานเมือง

เมื่อเหยาจิ้งถงได้เจอยินอวี่โหรวผู้เป็นแม่ ก็รีบยิ้มแล้วพูดขึ้น “แม่ เรียกพบฉันเหรอคะ”

ยินอวี่โหรวเหลือบมองเหยาจิ้งถงด้วยสายตาเย็นชา ก่อนขว้างถ้วยที่อยู่ในมือ

“เพล้ง…”

ถ้วยตกลงไปที่พื้น แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง

เหยาจิ้งถงพลันสะดุ้งใจขึ้นมา ก่อนจะฝืนยิ้ม “แม่ นี่มันอะไร ทำไมแม่ถึงได้โกรธล่ะคะ”

ยินอวี่โหรวได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกโมโหมากขึ้น แต่ไม่นานก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง ก่อนจะชี้หน้าเหยาจิ้งถงแล้วก่นด่า “แกนี่มันโง่จริงๆ กล้าลงมือในใจกลางเมืองหลวงแบบนั้น แกคงไม่กลัวเหยาซื่อหงรู้เรื่องสินะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“แม่ ฉัน…”

ยินอวี่โหรวไม่รอให้เหยาจิ้งถงเอ่ยจบ แล้วพูดแทรกขึ้นทันที “แกอย่าบอกว่าจัดการเรียบร้อยดี ถ้าแกจัดการเรียบร้อยจริง แกคิดว่าฉันจะรู้เรื่องเหรอ”

ในตอนนั้นเอง เหยาจิ้งถงก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

สุดท้ายยินอวี่โหรวก็สงบสติแล้วเอ่ยถาม “แกไม่มีความสุขที่เหยาจิ้งจือจะไปจากเมืองหลวงเหรอ ทำไมวันนี้ถึงเล่นงานหล่อน”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเหยาจิ้งถงก็เต็มไปด้วยความโกรธ

“แม่ แม่รู้ไหมว่านายท่านเหยากับคนอื่นทำเกินไปแล้ว แค่เพราะเหยาจิ้งจือจะออกจากเมืองหลวง พวกเขาถึงกับจะแบ่งทรัพย์สินของตระกูลให้ไปถึงครึ่งหนึ่ง แม่ ของพวกนี้เดิมทีมันเป็นของฉันนะ ฉันหาสามีแต่งเข้าบ้าน แล้วยังให้ลูกชายใช้แซ่เหยาอีก จะให้พูดยังไง ตระกูลเหยาต้องเป็นพวกเราสืบทอด แต่พวกเขากลับไม่ลังเลที่จะแบ่งทรัพย์สินของตัวเองครึ่งหนึ่งออกไป”

ยินอวี่โหรวไม่ทราบเรื่องนี้เลย หลังจากได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูด ก็มองหล่อนด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดขึ้น “ทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้กับฉันตั้งแต่แรก”

“ฉัน…ฉันก็รีบอยู่ไม่ใช่เหรอ ก็เลยคิดจะลงมือเอง นอกจากนี้แค่คนอย่างเหยาจิ้งจือ ฉันจัดการมันเองได้อยู่แล้ว ไม่คิดว่าเซี่ยเจ๋อน่าจะทำแผนพังหมด”

“เหอะ…ถ้ามันล้มเหลวก็คือล้มเหลว”

เหยาจิ้งถงได้ยินสิ่งนี้ จึงก้มหน้าลงแล้วพูด “ใช่ค่ะ ล้มเหลว”

ยินอวี่โหรวเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ ก็ทราบว่าหล่อนไม่สบายใจ จึงไม่สั่งสอนต่อ เพียงแค่พูดขึ้นว่า “แกไม่ควรลงมือในปักกิ่ง ถึงแม้ว่าเหยาจิ้งจือกับคนอื่นจะกลับไปแล้ว แกก็ยังหาโอกาสลงมือได้ แกมันหุนหันพลันแล่นเกินไป”

“ค่ะ ฉันผิดเอง”

เหยาจิ้งถงก็รู้ว่าตัวเองใจร้อน

“เอาเถอะ แกออกมานานแล้ว รีบกลับไปซะ แต่เรื่องสำคัญหลังจากนี้แกต้องปล่อยวาง เพื่อไม่ให้เหยาซื่อหงหาหลักฐานอะไรได้ ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาจิ้งถงก็รีบกล่าว “ค่ะ แม่ ฉันเข้าใจแล้ว”

หลังจากเหยาจิ้งถงไปแล้ว ยินอวี่โหรวก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ หลายปีผ่านมาแล้ว แต่ลูกสาวก็ยังไม่โตเลย

อีกด้านหนึ่ง นายท่านเหยาขอให้ลุงเหยาช่วยจัดการจับผู้ร้ายสองคนนั้น จึงให้คนคอยจับตามองดูพวกเขาอยู่เสมอ และในที่สุดก็จับได้แล้ว แน่นอนว่าต้องลงมือสอบสวนให้ดี

เพียงแต่เมื่อลุงเหยากลับมา ข่าวที่ได้รับก็ดูไม่ค่อยน่าพอใจนัก

“นายบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นอุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอ?”

ลุงเหยาพยักหน้าแล้วอธิบาย “จากที่ลองสอบปากคำเบื้องต้นตอนนี้มีเพียงเท่านี้ครับ ชายหญิงวัยกลางคนนั้นเป็นคู่รักกัน ทั้งสองค่อนข้างมีชื่อเสียงในทางที่แย่ คอยก่อความวุ่นวายให้เพื่อบ้านมาตลอด พอเจออะไรไม่พอใจก็จะโต้เถียงทะเลาะวิวาทกับคนอื่นตลอด วันนี้หลังจากที่ภรรยาทะเลาะวิวาทกับใครบางคน ก็เปลี่ยนไปทะเลาะกับหญิงสาวอีกคน จากนั้นก็ได้เกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรง ตอนนั้นสามีของเขากำลังอยู่ที่อื่น พอมาถึง ก็คิดว่าภรรยามีเรื่องกับคุณหนูเซี่ยเจ๋อน่า จึงรีบวิ่งเข้าไป แล้วเรื่องก็กลายเป็นแบบนี้”

เมื่อนายท่านเหยาได้ยินเรื่องนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้น

“เวลาทะเลาะกับคนอื่นต้องถือมีดด้วยเหรอ?”

ในจุดนี้ ลุงเหยาก็ได้ทราบแล้ว “ทั้งคู่พกมีดติดตัวครับ บางครั้งเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ ก็จะใช้มีดข่มขู่ เพียงแต่พวกเขาไม่เคยลงไม้ลงมือมาก่อน วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ทำร้ายคน ทำให้คุณหนูเซี่ยเจ๋อน่าได้รับบาดเจ็บสาหัส”

นายท่านเหยาคิดว่าเรื่องนี้มีกลิ่นไม่ชอบมาพากล

“เหยาซาน สอบสวนเรื่องนี้ต่อไป ฉันว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดาขนาดนั้นหรอก”

ลุงเหยาพยักหน้าแล้วตอบรับ “นายท่านวางใจขอรับ ผมจะสอบสวนแน่นอน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี เรื่องนี้ขอฝากนายแล้วกัน”

แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่นายท่านเหยาก็ยังเล่าให้เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่น ๆ ให้ฟังในสิ่งที่เขาได้รับรู้มา

หลังจากที่เหยาจิ้งจือทราบว่าสองคู่รักวัยกลางคนเป็นอาชญากร ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ พลางเอ่ย “พวกเรานี่ก็โชคไม่ดี ออกไปซื้อของข้างนอก ยังเกิดเรื่องขึ้นได้”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้พูดอะไร ถึงแม้ว่ามันเหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่เขากลับคิดว่าสองคู่รักนั่นมีอะไรบางอย่างแปลก ๆ เพียงแต่นายท่านเหยายังหาหลักฐานไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจจะไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้ แล้วไปพบฉินจื้อเจีย เพื่อให้เขาช่วยสืบสวนเรื่องนี้ด้วย

เมื่อเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเจ๋อหลี่กลับไป เหยาจิ้งจือก็เอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ “อาหลี่ พรุ่งนี้…ให้มู่หลานไปตรวจเซี่ยเจ๋อน่าหน่อยเถอะ ฝีมือการรักษาของหล่อนดีมาก บางทีอาจจะมีวิธีรักษา”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หันไปมองด้วยสายตายากจะคาดเดา

เหยาจิ้งจือเห็นท่าทางของลูกชายคนเล็ก จึงรู้ตัวว่าตนเองพูดผิดไป แต่นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่หล่อนจะทำเพื่อเซี่ยเจ๋อน่าได้ ต่อไปหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเซี่ยเจ๋อน่าอีก หล่อนจะไม่สนใจอีกแล้ว “อาหลี่ ขอร้องให้มู่หลานไปช่วยดูหน่อยเถอะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันทำได้ในฐานะแม่ ต่อไปฉันจะไม่ทำอะไรให้หล่อนแล้ว พวกแกก็ไม่ต้องใส่ใจเรื่องหล่อนอีก”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนี้ จึงยกยิ้มอย่างเย็นชา “ผมก็ไม่ได้ใส่ใจหล่อนมานานแล้ว แต่เดี๋ยวจะลองถามมู่หลานให้ก่อน ถ้าหล่อนเต็มใจ พรุ่งนี้ก็จะไปด้วยกัน แต่ถ้าหล่อนไม่เต็มใจ ผมก็คงพูดอะไรไม่ได้”

“ได้”

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาถึงห้อง ก็เอ่ยเรื่องนี้กับฉินมู่หลาน

ตอนแรกฉินมู่หลานคิดจะไปที่นั่นด้วยอยู่แล้ว เธอก็อยากจะไปดูสักหน่อยว่าเซี่ยเจ๋อน่าจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกไหม จึงยอมพยักหน้าตกลง แล้วพูด “ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปด้วย”

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ครอบครัวของเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็เดินทางไปที่สถานีรถไฟตั้งแต่เช้า

คนที่ออกไปกับพวกเขาตามหลังติด ๆ คือเหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่ วันนี้พวกเขาจะเดินทางกลับฐานทัพแล้ว

ส่วนทางด้านฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็มุ่งหน้าตรงไปที่โรงพยาบาล

หมอที่นายท่านเหยาเรียกตัวมาก็ได้มาถึงแล้ว หลังจากที่หมอทั้งสองคนได้ตรวจดู ก็ได้แต่ส่ายศีรษะแล้วพูดขึ้น “จะฟื้นขึ้นมาได้ไหมก็อยู่ที่ชะตาฟ้าลิขิตแล้ว วิธีเดียวที่เหลือก็คือหวังให้หล่อนมีชีวิตอยู่”

เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงได้ยินสิ่งนี้ ก็ไม่ได้มีท่าทางอะไรมากมาย เมื่อวานหมอก็เคยบอกแล้ว แต่เหยาจิ้งจือก็อดที่จะหันไปมองทางฉินมู่หลานเสียไม่ได้

ฉินมู่หลานก้าวตรงไปข้างหน้าทันที แล้วลองจับชีพจรของเซี่ยเจ๋อน่า จากนั้นก็ลดสายตาลงสำรวจมองเซี่ยเจ๋อน่า ถึงแม้ว่าตอนนี้หล่อนจะเหมือนคนหลับอยู่ แต่ฉินมู่หลานทราบดีว่าเซี่ยเจ๋อน่าจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว

เมื่อฉินมู่หลานดึงมือกลับ เหยาจิ้งจือก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “มู่หลาน หล่อน…”

“ไม่มีประโยชน์แล้วค่ะ หล่อนไม่ฟื้นแล้ว”

…………………………………………………………………………………………………………………………

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท