ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 180 จุดจบของเซี่ยเจ๋อน่า(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 180 จุดจบของเซี่ยเจ๋อน่า(2)

EnjoyBook

ตอนที่ 180 จุดจบของเซี่ยเจ๋อน่า(2)

เมื่อเห็นว่าท่านเฉียวสามารถตรวจหารอยโรคได้เพียงแค่จับชีพจร หมอต่งกับหมอเหลียงก็ต่างชื่นชม “ท่านเฉียวยอดเยี่ยมมากเลยครับ คนไข้รายนี้เพิ่งแท้งบุตรได้ไม่นาน และไม่ได้รับการบำรุงร่างกายอย่างดีครับ”

ท่านเฉียวจับดึงมือกลับ สีหน้าของเขาบ่งบอกทุกอย่าง

“ด้วยความที่คนไข้รายนี้มีสภาพร่างกายแต่เดิมที่ไม่ค่อยดีนัก ไม่นานมานี้ยังแท้งลูกและร่างกายได้รับบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นการวินิจฉัยของหมอฉินจึงไม่ผิด มีความเป็นไปได้สูงที่คนไข้รายนี้จะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว” หลังจากพูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว หล่อนยังเด็กมากแต่กลับไม่ดูแลร่างกายตัวเอง เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นก็บาดเจ็บสาหัสถึงแก่ชีวิต

เมื่อเห็นท่านเฉียวพูดแบบนั้น หมอต่งกับหมอเหลียงจึงพากันหันมองหน้ากัน แววตาต่างเต็มไปด้วยความตกใจ ท่านเฉียวบอกว่าเป็นเพราะคนไข้เคยแท้งลูกมาก่อน จึงเป็นสาเหตุทำให้ฟื้นกลับมาไม่ได้ เหมือนกับที่ฉินมู่หลานพูดก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่ท่านเฉียวมีประสบการณ์มาตลอดชั่วอายุของเขา จึงมีฝีมือยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่ฉินมู่หลานเพิ่งอายุเท่าไรกันเชียว

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ทั้งสองก็อดหัวเราะอย่างขื่นขมไม่ได้

แน่นอนว่าศิษย์ย่อมเก่งกว่าอาจารย์ พวกเขาสู้คนรุ่นใหม่อีกคนไม่ได้แล้ว

เถาป๋อหลุนที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินสิ่งที่ท่านเฉียวพูด ก็อดพูดเสียไม่ได้ “เมื่อสัครู่หมอฉินก็ว่าแบบเดียวกัน ดูเหมือนว่าคงเป็นเรื่องยากแล้วจริงๆ ที่คนไข้จะฟื้นขึ้นมา”

ท่านเฉียวได้ยินเช่นนั้น ก็อดหันมองฉินมู่หลานเสียไม่ได้ แล้วพูดขึ้น “หมอฉินเก่งมากเลยครับ”

“ท่านเฉียว ชมเกินไปแล้วค่ะ”

ฉินมู่หลานรู้ดีว่าท่านเฉียวที่อยู่ตรงหน้าต้องมีทักษะทางการแพทย์ที่ดีมากอย่างแน่นอน จากที่มองดูท่าทางของเถาป๋อหลุนกับคนอื่นก็ได้เข้าใจว่าหมอแผนจีนอาวุโสคนนี้ได้รับความนับถือมาก เธอจึงไม่กล้าอวดตนต่อหน้าชายชรา

ท่านเฉียวเอ่ยยกย่องจากใจจริง “หมอฉินถ่อมตัวไปแล้ว ฝีมือทางการแพทย์ของคุณยอดเยี่ยมมาก หากเป็นไปได้….” แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยจบ ท่านเฉียวก็เปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที เพราะเห็นว่าฉินมู่หลานกำลังตั้งท้อง ใจจริงเขาอยากจะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์กับเธอ แต่เกรงว่าจะต้องเอาไว้วันหลัง “หมอฉินครับ ถ้าเป็นไปได้ หลังจากคุณคลอดลูกแล้ว พวกเรามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันสักหน่อยนะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าเห็นด้วยตามปกติ “ได้ค่ะ ขอบคุณท่านฉินนะคะ”

เถาป๋อหลุนเห็นว่าท่านเฉียวได้ลองตรวจชีพจรของคนไข้แล้ว จึงรีบหันมองแล้วพูดขึ้น “ท่านเฉียวครับ กลับไปที่ห้องทำงานเถอะครับ”

ท่านเฉียวพยักหน้า ขณะที่กำลังจะเดินจากไป เกาหยวนก็ลุกขึ้นพรวดทันที เขาหันมองตรงไปที่ท่านเฉียวแล้วเอ่ยขึ้น “ภรรยาของผมจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้วเหรอครับ?”

“ผมเพิ่งจะพูดไปว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่หากในอนาคตมีปาฎิหาริย์เกิดขึ้น ก็ไม่แน่ใจว่าครอบครัวของพวกคุณจะตัดสินใจเรื่องนี้กันอย่างไร” หลังจากพูดจบ ท่านเฉียวกับเถาป๋อหลุนก็เดินจากไปทันที

เกาหยวนที่ยืนอยู่ตรงนั้นพลันสติหลุดลอยกู่ไม่กลับ เมื่อฟังสิ่งที่หมออาวุโสพูดเมื่อสักครู่ เขาก็ทราบได้ว่าเซี่ยเจ๋อน่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาจะทำอย่างไร ตอนนี้เขารู้สึกสับสนไปหมด ไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไร

เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเห็นเกาหยวนเป็นแบบนี้ สีหน้าก็เย็นชาลง “เกาหยวน ที่หล่อนฟื้นขึ้นมาอีกไม่ได้ทั้งหมดก็เป็นเพราะแก แกมันไอ้เดรัจฉาน ทำร้ายร่างกายภรรยา ต่อมาก็ยังทำหล่อนแท้งลูกอีก แล้วยังไม่ได้รับการดูแลดี ๆ หลังจากแท้งลูก ตอนนี้หล่อนจึงฟื้นขึ้นมาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของแก”

“ผมผิดอะไร มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย ที่เซี่ยเจ๋อน่าไม่ฟื้นก็เป็นเพราะหล่อนโดนมีดแทงเข้ากลางอกชัดๆ”

“เหอะ…หมอก็เพิ่งพูดไปว่าเซี่ยเจ๋อน่าแท้งลูก ทำให้สภาพร่างกายของหล่อนเสื่อมถอย เป็นสาเหตุให้ฟื้นขึ้นมาไม่ได้ อย่ามาคิดปัดความรับผิดชอบเลย”

“ผม…”

เหยาจิ้งจือรู้สึกเบื่อหน่าย ตอนนี้ไม่ว่าจะโทษใครก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เซี่ยเจ๋อน่าไม่มีวันจะฟื้นขึ้นมาได้อีก หล่อนหันมองเซี่ยเจ๋อน่าเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็หันไปพูดกับเซี่ยเหวินปิง “พอแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”

“ตกลง”

เมื่อเห็นภรรยาพูดแบบนั้น เซี่ยเหวินปิงจึงพยักหน้าเห็นด้วย

เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ด้านข้างก็หมายความตามแบบเดียวกัน มู่หลานได้มาตรวจดูให้แล้ว ถือว่าพวกเขาเมตตามากแล้วจริง ๆ

เกาหยวนเห็นคนอื่นกำลังจะไป จึงรีบขวางทันที “พวกคุณห้ามไปนะ ถ้าพวกคุณไปแล้วผมจะทำยังไง จะปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเพียงลำพังเหรอ?”

เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองเกาหยวนด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดขึ้น “เซี่ยเจ๋อน่าเป็นภรรยาของนาย นายก็ต้องอยู่ที่นี่อยู่แล้ว หรือนายอยากจะทิ้งหล่อนไว้ที่นี่ล่ะ?” หลังจากพูดจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ปรายตามองเกาหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า นัยน์ตาแสดงความหมายได้อย่างชัดเจน

“นาย…”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่มีท่าทางเช่นนี้ เกาหยวนจึงรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในใจ หรือว่าเขาต้องอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเซี่ยเจ๋อน่าไปตลอดนับจากนี้?

ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่อยากดูแลคนไร้ประโยชน์

แต่ไม่นานนัก เกาหยวนก็สงบสติลงได้อีกครั้ง ตอนนี้เซี่ยเจ๋อน่าเป็นแบบนี้ หากตัวเองคิดจะหลีกหนีไปตั้งแต่แรกก็ดูเหมือนตนจะใจร้ายเกินไป จึงพยายามระงับโทสะอย่างถึงที่สุด ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูด “ใช่ แน่นอนว่าผมควรอยู่ที่นี่ ผมจะดูแลน่าน่าเป็นอย่างดี”

เมื่อเห็นเกาหยวนพูดแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ยกยิ้มแล้วมองเขา

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี พวกเราขอกลับก่อน หากมีเวลาจะมาเยี่ยมเซี่ยเจ๋อน่าแล้วกัน”

เซี่ยเจ๋อหลี่พูดจบก็พาฉินมู่หลานกับพวกเหยาจิ้งจือกลับบ้านทันที

เกาหยวนเห็นว่าพวกเขาไร้ความเมตตาจริง ๆ สีหน้าจึงพลันดุร้ายขึ้น

เหยาจิ้งจือกับคนอื่นยังกังวลอยู่นิดหน่อย “อาหลี่ แล้วจะปล่อยให้เซี่ยเจ๋อน่านอนอยู่แบบนั้นเหรอ?”

“ครับ หมอเฉียวก็เพิ่งพูดไป ไม่มีอะไรที่เราทำได้แล้วครับ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“เฮ้อ…”

เหยาจิ้งจือถอนหายใจแล้วไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้านตระกูลเหยาทันที

เมื่อนายท่านเหยาทราบเรื่อง ว่าเซี่ยเจ๋อน่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว จึงได้แต่เอ่ยถามเสียงแผ่ว “จื้งจือ แล้วลูกจะปล่อยให้เซี่ยเจ๋อน่านอนอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ?”

เหยาจิ้งจือได้คิดใคร่ครวญเรื่องนี้ในระหว่างที่กลับมาบ้านแล้ว หล่อนจึงพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ใช่ค่ะ นี่เป็นอย่างเดียวที่ทำได้ในตอนนี้แล้ว”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูด นายท่านเหยาจึงเอ่ยขึ้นตามตรง “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ เรื่องนี้เดี๋ยวพ่อจัดการเอง พวกลูกไม่ต้องกังวลเรื่องเซี่ยเจ๋อน่าหรอก”

“ฉัน…ค่ะ”

เหยาจิ้งจือทราบดี ด้วยการดูแลจากนายท่านเหยาแล้ว เซี่ยเจ๋อน่าจะต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน หล่อนยังจำฝังใจในเรื่องที่ลูกสาวดึงตัวเองมาเป็นเป้าแทนตัวเองได้ ดังนั้นจึงไม่อยากพบเจอเซี่ยเจ๋อน่าอีก

เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือเห็นด้วย นายท่านเหยาก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้

เซี่ยเจ๋อหลี่บอกพ่อกับแม่ของเขาแล้วว่าจะกลับไปในวันพรุ่งนี้ ส่วนเซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือก็มีจิตใจเหี้ยมโหดพอ ยอมกัดฟันแล้วเอ่ย “พวกฉันจะกลับไปกับพวกแกด้วย”

…………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ไม่ตายก็นอนเป็นผักอะ ทรมานอยู่เหมือนกันนะ เกาหยวนถึงเวลารับกรรมดูแลคนป่วยแล้วค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท