ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 182 สวัสดีสองพี่น้อง(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 182 สวัสดีสองพี่น้อง(2)

ตอนที่ 182 สวัสดีสองพี่น้อง(2)

เจี่ยงสือเหิงกล่าวพร้อมยกยิ้ม “ผมมาหาพวกคุณ ซึ่งนับว่าโชคดีที่มา ถึงได้รู้ว่าพวกคุณจะกลับกันพรุ่งนี้แล้ว ได้โอกาสบอกลาพวกคุณพอดีครับ”

“ดีเลย ถ้าอย่างนั้นมากินมื้อกลางวันกันเถอะ”

เซี่ยเหวินปิงยกยิ้ม แล้วเข้าไปคุยกับเจี่ยงสือเหิง

เจี่ยงสือเหิงก็ยกยิ้มแล้วพูดคุยกับเซี่ยเหวินปิงเช่นกัน แต่เขาก็ยังมองหาโอกาสที่จะพูดคุยกับเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นการส่วนตัว

“เรื่องเมื่อวานนี้เป็นยังไงกันบ้าง เป็นอุบัติเหตุหรือมีคนจงใจ?” เจี่ยงสือเหิงเกรงว่าจะมีคนมุ่งเป้าไปที่พวกฉินมู่หลาน

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินดังนี้ จึงได้เล่าเรื่องที่นายท่านเหยาไปสืบสวนมาให้ฟัง ก่อนจะเอ่ยต่อ “ถึงแม้ว่าการตรวจสอบในตอนนี้จะเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกครับ ผมจึงขอให้อดีตสหายร่วมรบให้เขาช่วยลองสืบเรื่องนี้ดูแล้ว”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่พูดเช่นนี้ เจี่ยงสือเหิงก็จ้องมองแล้วเอ่ยถามตามตรง “เธอเจออะไรบ้างหรือยัง?”

“เมื่อวานที่ออกไปข้างนอก เป็นเพราะมีใครบางคนวางแผนเอาไว้ครับ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน” หลังจากเอ่ยถึงตอนท้าย แววตาของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เป็นประกาย เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว เขาปล่อยผ่านมันไปไม่ได้เด็ดขาด ต้องหาหลักฐานและฝีมือคนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้

และเมื่อเจี่ยงสือเหิงได้ยินสิ่งนี้ จึงเอ่ยถามตามตรง “เป็นแผนของใครเหรอ?”

อยู่ต่อหน้าเจี่ยงสือเหิง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเช่นกัน จึงเล่าเรื่องที่เหยาจิ้งถงให้เซี่ยเจ๋อน่าน่าพาพวกเขาออกไปข้างนอก

เมื่อเจี่ยงสือเหิงได้ยินสิ่งนี้ จึงนึกถึงกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ได้ทันที

“แปลว่า…เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นแผนที่เตรียมไว้จัดการแม่ของเธออย่างนั้นสิ?”

เพราะเหยาจิ้งถงเป็นคนวางแผน เช่นนั้นคนที่หล่อนต้องการกำจัดมากที่สุดก็คือเหยาจิ้งจือซึ่งเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตระกูลเหยา เพียงแต่เกิดเรื่องผิดพลาดเข้า กลายเป็นเซี่ยเจ๋อน่าที่โดนลูกหลงแทน

เซี่ยเจ๋อหลี่ก็คิดเช่นนั้น แต่ตอนนี้เขายังหาหลักฐานไม่พบ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

หลังจากเจี่ยงสือเหิงทราบเรื่อง ก็รีบเอ่ยทันที “เดี๋ยวฉันจะช่วยแอบสืบเรื่องนี้ด้วยอีกแรง ถ้าเจออะไรเข้า จะรีบติดต่อเธอไปทันที”

“ครับ ขอบคุณพ่อบุญธรรมครับ”

เจี่ยงสือเหิงตบบ่าของเซี่ยเจ๋อหลี่ แล้วพูดขึ้น “พวกเรามีอะไรต้องขอบคุณกัน แค่ดูแลมู่หลานให้ดีก็พอ”

เมื่อพูดถึงฉินมู่หลาน แววตาของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เปล่งประกายไปด้วยความหลงใหล “มู่หลานเป็นภรรยาของผม ผมต้องดูแลหล่อนอย่างดีอยู่แล้วครับ”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็อดยิ้มไม่ได้ เขาทราบดีว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อนข้างเป็นไปด้วยดี ซึ่งเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว

เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน นายท่านเหยาก็ดื่มเครื่องดื่มชั้นเลิศกับเซี่ยเหวินปิง ส่วนเจี่ยงสือเหิงมีฉินมู่หลานจับตามองอยู่ จึงไม่ได้ดื่มเหล้า แล้วหันมาดื่มเป็นน้ำชาแทน

ในตอนแรกเสิ่นหรูฮวนค่อนข้างเก้กังนิดหน่อย แต่โชคดีที่ฉินมู่หลานคอยอยู่ข้าง ๆ จึงปล่อยตัวตามสบาย แล้วกินข้าวสองสามชามอย่างมีความสุข

หลังจากกินข้าวเสร็จ เสิ่นหรูฮวนกับเจี่ยงสือเหิงก็กลับไปพร้อมกัน

เหยาจิ้งถงทราบว่าครอบครัวของเหยาจิ้งจือจะกลับกันในวันพรุ่งนี้จึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พี่คะ พรุ่งนี้พวกพี่ก็จะออกจากเมืองหลวงแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องของน่าน่านะคะ พวกเราจะช่วยดูแลให้เอง รวมถึงเกาหยวนสามีของหล่อนด้วย”

ถึงแม้จะไม่ได้สนใจและยอมแพ้เรื่องลูกสาวไปแล้ว แต่เหยาจิ้งจือก็ไม่ได้ถูกใจเกาหยวนขนาดนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของเหยาจิ้งถง หล่อนจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างพบเจอได้ยาก “พวกเธอไม่ต้องดูแลเกาหยวนหรอก เขาเป็นชายชาตรีอกสามศอกเสียขนาดนั้น ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นสามีของเซี่ยเจ๋อน่าด้วย การอยู่ดูแลภรรยาที่โรงพยาบาลก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาจิ้งถงก็อดขมวดคิ้วเสียไม่ได้ นี่คงเป็นเพราะไม่ชอบลูกเขยอย่างเกาหยวนจริง ๆ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนยังไม่เป็นแบบนี้เลยนี่นา หรือว่าหล่อนจะพลาดอะไรไประหว่างที่ไม่อยู่หรือเปล่า

ในขณะที่เหยาจิ้งถงอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง เหยาจิ้งจือก็พูดแทรกขึ้นอีกครั้ง

“น้องสาว พวกเรายังไม่ได้เก็บของเลย ต้องขอตัวกลับห้องก่อน”

เหยาจิ้งถงได้ยินสิ่งนี้ จึงไม่เอ่ยพูดขัดอะไรอยู่แล้ว ได้แต่พูดว่า “พี่คะ ถ้าอย่างนั้นพี่รีบไปเถอะ”

เพียงแต่หลังจากเหยาจิ้งจือกับคนอื่นออกไปแล้ว ใบหน้าของเหยาจิ้งถงก็ยับยู่ดูน่าเกลียด รู้สึกได้ว่าท่าทางของเหยาจิ้งจือที่มีต่อหล่อนดูต่างออกไปจากเมื่อก่อน ดูเย็นชาขึ้นอยู่ไม่น้อย หรือว่าพวกเขาจะจับสังเกตอะไรบางอย่างได้แล้ว

ไม่มีทาง ถึงแม้ว่าตัวเองจะดูกังวลนิดหน่อย แต่หลักฐานอย่างอื่นไม่เหลือแล้ว พวกเขาไม่มีทางหาอะไรพบแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหยาจิ้งถงจึงไม่คิดมากเรื่องนี้อีก จึงกันหลังแล้วเดินกลับไป

แต่เหยาจิ้งจือไม่ได้ทราบอะไรอยู่แล้ว เพียงแค่คิดว่าเรื่องที่ออกไปข้างนอกเมื่อวานเป็นเพราะฝีมือเหยาจิ้งถงทั้งหมดก็รู้สึกโกรธนิดหน่อย นอกจากนี้ลูกชายของเหยาจิ้งถงยังเคยคิดแผนจัดการอาหลี่ด้วย หล่อนจึงไม่ค่อยชอบครอบครัวของเหยาจิ้งถงมากขึ้น

เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ทั้งสองคน ก็พาเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงสองสามีภรรยาออกเดินทาง

คุณนายเหยาจับมือเหยาจิ้งจือ สีหน้าเต็มไปด้วยความลังเลใจ “จิ้งจือ มีเวลาก้กลับมาหากันบ้างนะ”

เหยาจิ้งจือพยักหน้าแล้วตอบรับ “อื้ม ถ้ามีเวลาพวกเราจะมาค่ะ”

นายท่านเหยาก็ลังเลที่จะปล่อยไป แต่ก็สายไปแล้ว จึงอดไม่ได้จะพูดขึ้นจากข้าง ๆ “เอาเถอะคุณแม่แสนดี ให้พวกเขาไปได้แล้ว เดี๋ยวจะพลาดรถไฟเอา”

คุณนายเหยาได้ยินสิ่งนี้ จึงปล่อยมือของเหยาจิ้งจือ แล้วให้ลุงเหยาพาครอบครัวของพวกเขาไปส่งที่สถานีรถไฟ

ขณะเฝ้ามองลูกสาวกับครอบครัวของเธอจากไป คุณนายเหยาก็อดที่จะหันไปพูดกับนายท่านเหยาเสียไม่ได้ “คุณจะเอาของให้จิ้งจือไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เห็นพูดถึงเลยล่ะ”

“ผมกำลังรอเรื่องในสองวันนี้ แล้วจะบอกจิ้งจือเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย”

คุณนายเหยาได้ยินสิ่งนี้จึงพยักหน้าแล้วพูด “ถ้าอย่างนั้นก็คือรอจนกว่าจะเรียบร้อย”

ครั้งนี้นายท่านเหยาช่วยจัดการเรื่องตั๋วรถไฟด้วย มันเป็นตั๋วเบาะนอนที่เขาซื้อมาจากเส้นสายบางคนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับฉินมู่หลาน ไม่ให้เธอรู้สึกเมื่อยเกินไป

หลังจากที่หลายคนกลับเข้าฐานทัพแล้ว ก็ได้แต่รู้สึกว่าเหมือนห่างหายไปนาน

“หัวหน้าเซี่ย ในที่สุดคุณก็กลับมา ผมเห็นหัวหน้าเหยากลับมาแล้วแต่พวกคุณยังไม่กลับมา ก็เลยเป็นห่วง” ติงจ้วงกับคนอื่นเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา สีหน้าก็พากันดีใจ

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยิน ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ “ฉันก็กลับมาแล้วนี่ไง ช่วงนี้ฝึกซ้อมกันดีหรือเปล่า”

“หัวหน้าเซี่ยสบายใจได้ครับ ท่านรองฟู่คอยดูแลเรื่องการฝึกของพวกเราอยู่ตลอด”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยเพียงสองคำ ก็พามู่หลานกับคนอื่นกลับบ้าน เพราะนั่งรถไปมาเกือบครึ่งวัน เขาจึงกลัวว่าฉินมู่หลานจะรู้สึกเหนื่อย แต่เมื่อพวกเขากลับไปได้เพียงไม่นาน เหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่ก็มาหา

“ป้า พี่เจ๋อหลี่ พวกพี่มากันแล้วเหรอครับ”

เมื่อได้ยินเหยาอี้หนิงเรียก เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง

แน่นอนว่าผู้คนรอบข้างก็ได้ยินที่เหยาอี้หนิงเพิ่งพูดเหมือนกัน ทุกคนจึงพากันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยแววตาแปลกใจ ก่อนจะหันมองเหยาอี้หนิงอีกครั้ง สุดท้ายจึงหันมองเหยาจิ้งจือด้วยความสงสัย

“นี่…มันอะไรกัน หัวหน้าเหยากับหัวหน้าเซี่ยเป็นพี่น้องกันเหรอ?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เดาถูกค่ะป้า พวกเขาระแคะระคายแผนป้ากันแล้ว แถมมีตระกูลเจี่ยงมาช่วยสืบด้วย ป้าหาทางหนีทีไล่ดีๆ แล้วกัน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท