ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 189 สองแม่ลูกผู้อ่อนแอไม่อาจดูแลตัวเองได้

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 189 สองแม่ลูกผู้อ่อนแอไม่อาจดูแลตัวเองได้

ตอนที่ 189 สองแม่ลูกผู้อ่อนแอไม่อาจดูแลตัวเองได้

เมื่อได้ยินคำพูดของเหยาจิ้งจือ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “คงไม่ใช่ค่ะ ถ้าเป้าหมายไม่ใช่พวกเรา แล้วทำไมถึงได้ตามอยู่นานขนาดนั้น”

ถึงตรงนี้ เหยาจิ้งจือก็ไม่ทราบเช่นกัน

“แต่พวกเราออกไปข้างนอกในตอนนี้ก็คงไม่มีปัญหาล่ะมั้ง”

เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยขึ้นต่อหลังจากนั้น “ถ้าอย่างนั้นต้องระวังตัวหน่อยนะ”

เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือต่างรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย มีหวังหู่กับเหวินเชี่ยนแอบคุ้มกันพวกเขาแบบนี้ ทั้งสองจึงพยักหน้าอย่างวางใจ “ได้ พวกเราเข้าใจแล้ว”

จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยเรื่องปลูกผักกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “อาหลี่ เดี๋ยวพวกเราจะเข้าเมืองไปซื้อเมล็ดพันธุ์มาเพาะปลูก หลังจากชุนเหมยเก็บผักออกไปหมดแล้ว พวกเราจะได้ลงมือปลูกได้เลย”

เพียงแต่สีหน้าของเหยาจิ้งจือดูไม่ค่อยดีนัก

“เห็นหล่อนสัญญาว่าจะเก็บพวกวัชพืชออกให้เรียบร้อยในสองวัน แต่พวกผักต้องรออีกหกถึงเจ็ดกว่าจะเก็บมันออกไปได้ แล้วฉันยังได้ยินหล่อนนินทาเรากับคนอื่นอีก แถมยังบอกด้วยว่าอยากได้ที่ก็ออกปากพูดไม่ให้เวลาหล่อนได้เตรียมตัวอะไรเลย ก็เห็นอยู่ว่าเราตกลงกันแล้ว และยังให้เวลาหล่อนแล้วด้วย ยังจะมาไม่พอใจอีก”

ฉินมู่หลานก็ได้ยินเรื่องซุบซิบนี้มาบ้างอยู่เหมือนกัน จึงรู้สึกมองหน้าหม่าชุนเหมยไม่ติด

ต้องทราบว่าหวังเจียเหอซึ่งเป็นสามีของหม่าชุนเหมยก็เคยเจอเธอครั้งหนึ่งตอนไปแถวบ้านเกิด แถมยังปล่อยข่าวลือว่าเธอทั้งอ้วนและน่าเกลียดจนแพร่สะพัดไปทั่ว ทำให้หลายคนพากันพูดว่าเธอไม่เหมาะสมกับเซี่ยเจ๋อหลี่ ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยคิดเอาเรื่อง เธอคิดว่าหวังเจียเหอเป็นผู้ชายปากพล่อยแล้วเสียอีก ไม่คิดเลยว่าหม่าชุนเหมยก็เป็นเหมือนกัน ทั้งสองสามีภรรยานี่ศีลเสมอกันเสียจริง

“แม่คะ ต่อไปอยู่ให้ห่างหม่าชุนเหมยเอาไว้นะคะ คนพวกนี้มันไม่สำนึกบุญคุณแต่เคียดแค้นเราแทน”

เหยาจิ้งจือพยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว ต่อไปฉันจะไม่ยุ่งกับคนแบบนี้อีกแล้ว”

หลังจากทุกคนพูดกันต่ออีกไม่กี่คำ เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็พร้อมออกเดินทางแล้ว ขณะที่เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยกำชับอีกสองสามประโยค “พ่อครับ แม่ครับ ดูแลตัวเองให้ดีมาก ๆ นะครับ หลังจากซื้อของเสร็จให้รีบกลับทันที”

“เอาเถอะอาหลี่ พวกเราเข้าใจแล้ว ตอนนี้เราคุ้นสถานที่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

เมื่อเอ่ยจบ เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็ออกไปทันที

เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยพูด “มู่หลาน ผมก็มีธุระต้องไปจัดการเหมือนกัน ถ้าคุณอยู่บ้านคนเดียวเบื่อ ๆ ก้ออกไปเดินเล่นได้นะ พบปะพูดคุยกับผู้คนบ้าง ผมจำได้ว่าภรรยาของติงจ้วงก็ค่อนข้างดี ลองไปพูดคุยกับหล่อนเสียหน่อยสิ”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงอดยิ้มไม่ได้ “คุณไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ รีบไปทำธุระเถอะ ฉันก็จะไม่ออกไปแล้ว ฉันยังมีงานในบ้านต้องจัดการอีก”

เธอได้มอบยาผงกับยาเม็ดที่เคยปรุงไปบางส่วนให้กับพ่อกับแม่สามี ดังนั้นวันนี้เธอจึงคิดจะทำอีกล็อตหนึ่ง

หลังจากได้ฟังคำพูดของฉินมู่หลาน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้ ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ”

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ไปแล้ว ฉินมู่หลานก็เริ่มยุ่ง

อีกด้านหนึ่ง หลังจากเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเข้ามาถึงในเมือง ทั้งคู่ก็รีบตรงไปซื้อเมล็ดพันธุ์ทันที จากนั้นไปที่ร้านค้าสหกรณ์เพื่อซื้อผ้า เหยาจิ้งจือคิดอยากจะเย็บชุดตัวเล็กให้หลานชายหรือหลานสาวที่กำลังอยู่ในครรภ์ เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่มีคูปองผ้าอยู่ในมือมากนัก จึงได้ผ้ามาเพียงฟุตเดียวเท่านั้น

“จิ้งจือ พวกเรากลับกันเถอะ”

เซี่ยเหวินปิงเห็นว่าซื้อทุกอย่างครบแล้ว จึงเตรียมตัวกลับ

“ได้”

เพียงแต่ทั้งสองคนไม่ค่อยโชคดีเท่าใดนัก รถประจำทางเพิ่งจะออกไปเมื่อสักครู่นี่เอง

เหยาจิ้งจือจึงอดขมวดคิ้วเสียไม่ได้

“อะไรกัน พวกเรามาเร็วแล้วนะ ทำไมรถถึงออกเร็วจังล่ะ”

เซี่ยเหวินปิงก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน เพราะพวกเขาต่างซื้อของอยู่ในช่วงเวลาเดินรถ เห็นได้ชัดว่ายังขึ้นรถประจำทางกลับได้ แต่กลับไม่ทันเสียอย่างนั้น “เราลองดูกันก่อนเถอะว่ามีรถพิเศษให้กลับอีกไหม ครั้งก่อนมู่หลานก็หาได้นี่นา”

“ใช่ เดี๋ยวฉันไปดู”

เพียงแต่เหยาจิ้งจือลองหาเท่าไรก็ไม่เจอ “แปลกจัง ครั้งก่อนคนเยอะมากเลยนะ จากนั้นก็ตกลงราคาก่อนออกเดินทางได้เลย”

สุดท้ายทั้งสองก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเดินกลับ โชคดีที่เมื่อก่อนพวกเขาอยู่ในหมู่บ้าน จึงคุ้นเคยกับการเดินจากหมู่บ้านเข้าตัวเมืองมาแล้ว และการเดินกลับฐานทัพครั้งนี้ก็แทบจะไม่ต่างกัน ทั้งสองจึงไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหาอะไร

หลังจากเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเดินไปได้ครึ่งทางแล้ว อยู่ ๆก็มีคนรีบร้อนวิ่งมาบนถนน แววตาของคนผู้นั้นแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เมื่อได้พบเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็เอ่ยละล่ำละลัก “ช่วยด้วยค่ะ พวกคุณได้โปรดช่วยแม่ฉันด้วย”

เหยาจิ้งจือรู้สึกตกใจกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้า หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว ก็อดที่จะถามไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น แม่ของเธอตกอยู่ในอันตรายหรือ?”

หญิงวัยกลางคนเอ่ยทั้งน้ำตา “แม่ของฉันป่วยหนักมาก ฉันอยากพาท่านไปโรงพยาบาล แต่ไม่มีคนอุ้มพาท่านไปเลย หาเกวียนวัวก็ไม่ได้ ฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ถึงต้องมาหาคนไปช่วย โชคดีจังเลยที่ได้เจอพวกคุณ ได้โปรด ช่วยพาแม่ของฉันไปส่งหน่อยเถอะ”

เหยาจิ้งจือเห็นผู้หญิงตรงหน้าดูน่าสงสารมาก จึงทนไม่ไหวที่จะใจอ่อน

ขณะเซี่ยเหวินปิงขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “แล้วคนในครอบครัวของคุณล่ะ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหญิงวัยกลางคนผู้นั้นก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก

“ฉันกับแม่มีกันอยู่แค่นี้ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีใครแล้ว ส่วนคนอื่นในหมู่บ้านก็ชอบรังแกพวกที่อ่อนแอกว่าตลอด ถ้ามารังแกเราสองคนคงจะไม่ดีแน่ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะช่วยพวกเราเลย ฉันก็เลยต้องออกมาตามหาคนไปช่วยถึงที่นี่” เมื่อเอ่ยจบ หญิงวัยกลางคนนั้นก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยใบหน้าสิ้นหวัง

เหยาจิ้งจือเห็นสิ่งนี้ จึงอดที่จะหันไปพูดกับเซี่ยเหวินปิงเสียไม่ได้ “เหวินปิง หรือว่า…พวกเราลองไปดูสักหน่อยไหม”

หล่อนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากพ่อและแม่บุญธรรมของตนเสียชีวิต เพราะครอบครัวของพวกเขาอยู่กันอย่างสันโดษ จึงมีความสัมพันธ์กับพวกชาวบ้านไม่ค่อยดีนัก ตอนแรกไม่มีใครมาช่วยหล่อน หากไม่ใช่เพราะเซี่ยเหวินปิง หล่อนคงไม่สามารถจัดพิธีศพให้กับพ่อแม่บุญธรรมได้หลังจากที่พวกท่านจากไป

เมื่อเห็นภรรยาบอกแบบนั้น เซี่ยเหวินปิงจึงพยักหน้าแล้วพูด “ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปช่วยดูกันหน่อย”

แต่เซี่ยเหวินปิงก็เอ่ยถามอีกหนึ่งคำถาม “บ้านของคุณไกลจากตรงนี้ไหม?”

“ไม่ไกลค่ะ ตรงไปข้างหน้า”

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเต็มใจที่จะช่วยเหลือ หญิงวัยกลางคนนั้นก็รู้สึกขอบคุณอย่างมาก จึงเอ่ยขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ได้พาพวกเขามายังบ้านที่ค่อนข้างโทรมซอมซ่อ “ที่นี่คือบ้านฉันเองค่ะ พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ ฉันกลัวว่าแม่จะทนไม่ไหวเสียก่อน”

เมื่อเห็นบ้านหลังเก่าทรุดโทรมตรงหน้า และบ้านยังอยู่ห่างจากบ้านอื่นในหมู่บ้าน จึงเห็นได้ทันทีว่าสองแม่ลูกไม่ค่อยมีปฎิสัมพันธ์กับคนในหมู่บ้านมากนัก

หลังจากเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเข้าไปแล้ว ก็เห็นหญิงชราผมหงอกขาวนอนอยู่ที่นั่น สีหน้าของนางค่อนข้างซีดเซียว ดูเหมือนป่วยมานานมากแล้ว

เซี่ยเหวินปิงเห็นว่าหญิงชราป่วยหนักจริง จึงรีบพูดทันที “พวกเรารีบพาไปโรงพยาบาลเถอะ”

ในขณะนี้ หญิงชราที่กำลังนอนอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก “ซุ่ยฮวา…ใครมากันน่ะ?”

ซุ่ยฮวาเห็นว่าแม่ของตนตื่นแล้ว จึงร้องไห้แล้วพูดขึ้น “แม่ ฉันเจอตนใจดีสองคนจะช่วยฉันพาแม่ไปโรงพยาบาล พวกเรารีบไปกันเถอะ”

“แค่กๆ…จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นทั้งสองก็ช่างใจดีจริง ๆ” เมื่อเอ่ยจบ หญิงชราคนนั้นก็จ้องมองเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิง ก่อนจะเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนผู้ใจดีทั้งสองแล้วล่ะ”

เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงรีบเอ่ยทันที “ผู้อาวุโส ไม่รบกวนหรอก คุณอย่าพูดเลยค่ะ เราจะรีบพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”

ขณะที่เอ่ย เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็ขยับเดินเข้ามาใกล้เตียง

และในตอนนั้น หญิงชราคนนั้นก็ยืดตัวขึ้น แล้วยื่นมือแห้งเหี่ยวทั้งสองข้างออกไป ก่อนจะเดินตรงไปหาเหยาจิ้งจือ

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

สังหรณ์ไม่ค่อยดีเลยค่ะ กลัวสองแม่ลูกที่ดูน่าสงสารนี่เป็นนางนกต่อที่ถูกส่งมากำจัดแม่พี่หลี่มาก บรรยากาศมันดูไม่น่าไว้วางใจเลย กลัวความใจอ่อนของแม่พี่หลี่จะนำภัยมาสู่ตัวเองเหลือเกิน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท