ตอนที่ 191 ฉินเจี้ยนเซ่อได้รับบาดเจ็บ(1)
ตอนที่ 191 ฉินเจี้ยนเซ่อได้รับบาดเจ็บ(1)
เมื่อได้ยินเหยาจิ้งจือเอ่ยเช่นนี้ ลุงเหยาก็ยกยิ้ม แล้วกล่าวขึ้น “ไม่ผิดหรอกครับ ทั้งหมดนี้มีเอาไว้สำหรับคุณหนูจือจือ ตอนนี้นายท่านจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเหยา อีกครึ่งหนึ่งจะเก็บเอาไว้ให้คุณหนูจิ้งถงครับ”
หลังจากพูดถึงตอนท้าย ลุงเหยาจึงเอ่ยอธิบายอีกครั้ง “คุณหนูจือจืออย่าเพิ่งโกรธนะครับ ถึงแม้ว่าคุณหนูจิ้งถงจะถูกนายท่านกับคุณนายรับมาเลี้ยง แต่ตอนนี้หล่อนใช้แซ่เหยาแล้ว นายน้อยอี้หนิงก็เหมือนกัน พวกเขาจึงสมควรได้รับทรัพย์สินอีกครึ่งหนึ่งไปครับ”
อันที่จริงแล้วในความคิดของเหยาซาน เขาอยากจะให้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดเป็นของเหยาจิ้งจือฝ่ายเดียว เพียงแต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ครอบครัวของเหยาจิ้งถงก็กลายมาเป็นสมาชิกครอบครัวตระกูลเหยาไปแล้ว นายท่านจึงไม่สามารถทอดทิ้งพวกเขาได้
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนั้นก็รีบเอ่ยทันที “ฉันไม่ได้โกรธค่ะ ฉันแค่คิดว่าพวกนี้มันมากเกินไป ถึงอย่างไรฉันก็แต่งงานออกเรือนมาแล้ว หากได้ทรัพย์สินของพ่อแม่มาถึงครึ่งหนึ่งคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ”
ลุงเหยาได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ย “คุณหนูจือจือครับ จะไม่ดีตรงไหนกัน คุณหนูเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของนายท่านกับคุณหญิง ขอเพียงแค่คุณหนูรับไป ก็ไม่ได้ผิดตรงไหนครับ”
ขณะที่เหยาจิ้งจือกำลังจะเอ่ยพูดอะไรบางอย่าง เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้น “แม่ครับ แค่เซ็นชื่อไปเถอะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็หันมองหน้าลูกชายด้วยความแปลกใจ แม้แต่เซี่ยเหวินปิงก็หันไปมองด้วยเหมือนกัน รู้สึกว่าวันนี้ลูกชายดูแปลกไปนิดหน่อย
เหยาซานที่อยู่ด้านข้างมองเซี่ยเจ๋อหลี่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร ได้แต่ยกยิ้มแล้วยื่นปากกาไปให้เหยาจิ้งจือ
เหยาจิ้งจือเห็นลูกชายมีสีหน้าเรียบเฉย จึงไม่พูดอะไรอีก หลังจากหยิบปากกามาแล้วก็ลงนามทันที
เหยาซานเห็นว่าเหยาจิ้งจือลงนามแล้ว จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น คุณหนูจือจือครับ หากเป็นไปได้ควรหาเวลากลับไปปักกิ่งเพื่อทำเรื่องโอนทรัพย์สินทั้งหมดนี้เป็นชื่อของคุณหนูด้วยนะครับ”
หลังลงนามเรียบร้อยแล้ว เหยาจิ้งจือจึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย จึงเพียงแค่พยักหน้าแล้วเอ่ยบอก “ค่ะ ถึงตอนนั้นฉันจะไปที่นั่นค่ะ”
เหยาซานเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “คุณหนูจือจือครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ กลับดี ๆ นะคะพ่อบ้านเหยา”
เหยาซานยกยิ้มแล้วพยักหน้า หลังจากเขาออกไป เหยาจิ้งจือก็หันไปมองแล้วถามลูกชายของตน “อาหลี่ จะให้ฉันยอมตกลงรับสมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลเหยาได้ยังไงกัน รู้ไหมว่ามันอาจทำให้คุณตากับคุณยายรู้สึกแย่ แล้วลูกชายของเหยาจิ้งถงก็ใช้แซ่เหยาด้วย ดูก็รู้ว่าครอบครัวพวกเขาอยากสืบทอดตระกูลเหยา”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินสิ่งนี้ จึงเอ่ยขึ้นทันที “ไม่มีอะไรไม่ดีนี่ครับ นอกจากนี้ครอบครัวของเหยาจิ้งถงก็เหมือนจะเป็นคนสร้างปัญหาด้วย ถ้าเป็นไปได้ คงจะดีมากถ้าพวกเขาไม่ได้ทรัพย์สินของตระกูลเหยาไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว”
หลังจากเอ่ยจนถึงตอนท้าย แววตาของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เต็มไปด้วยความเย็นชา ครั้งนี้ที่พ่อกับแม่ตกอยู่ในอันตราย เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นฝีมือของพวกเขา
ตอนแรกเขาแค่สงสัยเหยาจิ้งถง
แต่ตอนนี้เมื่อทราบว่านายท่านเหยาจะมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเหยาให้กับแม่ของตน มันก็เป็นการยืนยันสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้แล้ว เขาสงสัยว่าเหยาจิ้งถงคงทราบเรื่องนี้ จึงเป็นเหตุผลให้พุ่งเป้ามาที่แม่ หวังอยากทำร้ายหล่อน ดังนั้นเขาจึงแสดงความสงสัยออกมาอย่างเปิดเผย
เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“นี่…นี่คงไม่ทำให้เรื่องราวบานปลายถึงจุดนี้ใช่ไหม” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เซี่ยเหวินปิงก็รู้สึกตกใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ไม่เคยพบกับความขัดแย้งอะไรที่มุ่งหมายเอาชีวิต ตอนนี้เพิ่งจะได้ยินเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงรู้สึกเหลือเชื่อพลางตัวสั่นเทาไปพร้อมกัน
เซี่ยเจ๋อหลี่พูดอย่างสงบนิ่ง “ทำไมจะไม่บานปลายล่ะครับ เงินมันทำให้จิตใจของผู้คนสั่นคลอนได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นเงินจำนวนมหาศาลด้วย อีกฝ่ายก็คงอยากได้จนตัวสั่น”
ฉินมู่หลานก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน “ใช่แล้วค่ะแม่ มันมาถึงจุดนี้ได้อยู่แล้ว เพราะเหยาอี้หนิงก็เคยคิดทำร้ายอาหลี่มาก่อน”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็นึกไปถึงอาการบาดเจ็บของลูกชายในครั้งก่อน จึงค่อย ๆ ยอมรับถึงความอันตรายของจิตใจคน “ใช่แล้ว ลูกมันว่าร้ายแล้ว บางทีแม่มันก็อาจจะร้ายยิ่งกว่า รู้ว่าทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเหยาจะโดนแบ่งมาครึ่งหนึ่งถึงกับต้องลงไม้ลงมือกับฉัน เพราะถ้าสุดท้ายมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน ทรัพย์สินก็จะเป็นของมันทั้งหมดเพียงคนเดียว”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงมองเหยาจิ้งจือด้วยสายตาชื่นชม ก่อนจะเอ่ย “แม่มองออกได้ชัดเจนแจ่มแจ้งมากค่ะ นี่เป็นความจริง เพราะฉะนั้นถ้าแม่จะไปปักกิ่งคราวนี้ ต้องให้อาหลี่ไปด้วยจะดีกว่าค่ะ”
เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อวาน เหยาจิ้งจือก็รู้สึกหวาดกลัวไปครู่หนึ่ง หันมองลูกชายคนเล็กแล้วเอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “อาหลี่ หรือว่า…พวกเราอย่าเพิ่งไปเมืองหลวงกันจะดีกว่า ถ้าเกิดพวกเราเจออะไรอีกจะทำยังไง”
เซี่ยเหวินปิงก็กังวลเหมือนกัน
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้เขารู้สึกขวัญผวา ในตอนนั้นเขาต่างรู้สึกว่าพวกเขาอาจถึงคราวแล้ว โชคดีที่ลูกชายรอบคอบ ให้หวังหู่กับเหวินเชี่ยนคอยตามปกป้องพวกเขาเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้า
เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยอย่างสบายใจ “ไม่ต้องหรอกครับ ถึงตอนนั้นจะให้หวังหู่ไปกับพวกเราด้วย อีกอย่างก็ยังมีผมอยู่ด้วย ผมจะปกป้องทุกคนเอง” ขณะเอ่ย เขาก็หันมองแล้วพูดกับฉินมู่หลาน “มู่หลาน คุณรออยู่ที่นี่รอพวกผมกลับมาก็พอ ผมกลัวว่าตอนไปคนจะเยอะ ผมคงดูแลได้ไม่ทั่วถึง และผมจะให้เหวินเชี่ยนอยู่ที่นี่คอยดูแลคุณ”
ฉินมู่หลานทราบดีว่าตอนนี้ท้องเธอโตมาก ทำอะไรไม่ค่อยสะดวกนัก จึงยอมพยักหน้าแล้วเอ่ย “ค่ะ”
ถึงแม้ลูกชายจะพูดแบบนั้น แต่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเท่าใดนัก นอกจากนี้ยังต้องทิ้งลูกสะใภ้คนเล็กให้อยู่คนเดียวด้วย พวกเขาจึงยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่
นอกจากนี้เหยาจิ้งจือก็คิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วพูดขึ้น “อาหลี่ หรือเราจะหาคนเพิ่มอีกสักหน่อย แกยังรู้จักคนอื่นที่เหมือนกับหวังหู่และเหวินเชี่ยนอีกไหม เราหาคนมาคอยเฝ้ามู่หลานเพิ่มอีกสักหน่อยเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เริ่มนึกคิดอย่างจริงจัง สุดท้ายเขาก็คิดว่าพอเป็นไปได้
“ได้ครับ เดี๋ยวผมหาคนมาเพิ่มอีกสักสองคน ถ้าจะไปเมืองหลวงกัน ก็ไปช่วงที่ผมมีวันหยุด จะได้ไม่ต้องรีบร้อน ใช้เวลาของพวกเราให้เต็มที่”
เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนี้ ก็รีบพยักหน้าแล้วเอ่ยทันที “ใช่ ๆ พวกเราไม่รีบร้อน”
อีกด้านหนึ่ง เมื่อลุงเหยาออกเดินทางแล้ว เหยาอี้หนิงก็ได้เห็นเขาจากที่ไกล ๆ เพียงแต่ลุงเหยาไม่เห็นเขา จึงไม่ได้เอ่ยทักทายกัน
เฝ้ามองลุงเหยาก้าวเดินจากไป เหยาอี้หนิงก็คิดถึงสิ่งที่แม่เอ่ยพูดก่อนหน้านี้ จึงรีบหาทางติดต่อเพื่อบอกข่าวทันที
หลังจากเหยาจิ้งถงได้รับข่าว ก็รีบวิ่งแจ้นไปหายินอวี่โหรวทันที
“แม่ เจ้าเหยาซานนั่นไปหาเหยาจิ้งจือแล้ว น่าจะเป็นเรื่องทรัพย์สินของตระกูล ไม่แปลกใจเลยที่สองวันก่อนไม่เห็นเขาเลย กลายเป็นว่าเตรียมตัวไปนานแล้วนี่เอง”
หลังจากเอ่ยถึงตอนท้าย สีหน้าของเหยาจิ้งถงก็เต็มไปด้วยความกังวล
“แม่ เหยาซานไปแล้ว ครอบครัวของเหยาจิ้งจือก็เหมือนจะทราบเรื่องนี้แล้ว ถ้ามันยอมลงนาม ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเหยาก็จะตกเป็นของมันแล้ว พวกเราลงมือช้ากันเกินไปแล้ว”
เมื่อเห็นลูกสาวทำอะไรไม่ถูก ยินอวี่โหรวก็เอ่ยด้วยความฉุนเฉียว “พอแล้ว แกจะรีบร้อนไปเพื่ออะไร ถึงเหยาซานจะไปแล้ว สมบัติพวกนั้นก็ยังไม่ถึงมือเหยาจิ้งจือในเร็ววันหรอก พวกเรายังมีเวลา”
ถึงอย่างนั้นเหยาจิ้งถงก็ไม่อยากอดทนอีกแล้ว
“แม่ พวกเราไม่มีเวลาแล้ว ครั้งนี้จะจับเหยาจิ้งจือได้แล้ว แต่ก็คว้าน้ำเหลว พวกมันสองผัวเมียมีคนคอยปกป้อง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกมันให้คนคอยตามคุ้มกันแล้ว ถึงเราจะลงมืออีกครั้ง ก็อาจจะทำอะไรพวกมันไม่ได้แล้วก็ได้”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยังไม่ถูกนะคะ ที่ร้ายที่สุดคือยัยเฒ่าอวี่โหรวนี่แหละ ถนัดนักกับการฆ่าคนแบบไม่เห็นเลือด
เห็นชื่อตอนแล้วหวั่นใจ จะมีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อของมู่หลานงั้นเหรอ?
ไหหม่า(海馬)