ตอนที่ 199 หญิงหม้ายเย่เสี่ยวเหอ
ตอนที่ 199 หญิงหม้ายเย่เสี่ยวเหอ
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินลูกสาวกล่าวว่าสามารถกลับบ้านได้แล้ว เขาก็พยักหน้าซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับเอ่ย “ดีๆ พวกเรากลับบ้าน ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ฉันดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกแล้ว”
ซูหว่านอี๋เองก็เชื่อลูกสาว ดังนั้นจึงเริ่มเก็บข้าวของโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
แม้แต่เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงต่างก็รู้สึกมีความสุข ต่อให้ที่พักรับรองจะสะดวกมาก แต่ก็ไม่สบายเท่ากับการอาศัยอยู่ที่บ้าน เมื่อรู้ว่าสามารถกลับบ้านได้แล้วก็รีบหันมองฉินมู่หลานพร้อมกับเอ่ย “มู่หลาน งั้นตอนนี้พวกฉันไปเก็บของที่ห้องรับรองกันก่อน เธอก็อยู่ที่นี่เถอะ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นพลันพยักหน้า จากนั้นให้หวังหู่และคนอื่นๆ ตามไปด้วย
กระทั่งเหยาจิ้งจือและพวกเขาเก็บข้าวของเสร็จและกลับมา ทางด้านซูหว่านอี๋เองก็เก็บข้าวของเสร็จแล้วเช่นกัน
เนื่องจากฉินเจี้ยนเซ่อยังเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกนัก ดังนั้นเซี่ยเหวินปิงจึงหาเกวียนลากวัวมาเล่มหนึ่งและให้ฉินเจี้ยนเซ่อนอนลงบนนั้น จากนั้นให้คนกลุ่มหนึ่งพากลับไปยังหมู่บ้านชิงซาน
“ไอหยา……นี่ไม่ใช่เจี้ยนเซ่อหรอกหรือ คุณไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”
“ก่อนหน้านี้เจี้ยนเซ่อบาดเจ็บสาหัสมาก พวกเราต่างก็เป็นกังวล”
โดยไม่รอให้ฉินเจี้ยนเซ่อเอ่ยตอบ ซูหว่านอี๋ยิ้มพร้อมกับเอ่ย “ขอบคุณความเป็นห่วงของทุกคนนะคะ เจี้ยนเซ่อของพวกเราไม่เป็นอะไรแล้ว”
“จริงเหรอ ถ้างั้นก็ดีเลย”
ในตอนนี้ก็มีคนเห็นว่าฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงกลับมาแล้ว
“นี่ไม่ใช่มู่หลานหรอกหรือ พระเจ้า ทำไมท้องของคุณถึงใหญ่ขนาดนี้ ดูเหมือนกับคนใกล้จะคลอดแล้วเลย”
“จริงด้วย เหมือนกับว่าใกล้จะคลอดแล้วจริงๆ”
ขณะนี้ผู้คนต่างจ้องมองฉินมู่หลานด้วยสายตาแฝงความหมาย อย่างไรก็ตามฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่นั้นก็แต่งงานกันมานานกว่าครึ่งปีแล้ว จำรายละเอียดวันที่แน่นอนไม่ได้ แต่ไม่มีทางเกินเจ็ดหรือแปดเดือนอย่างแน่นอน
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือย่อมมองเห็นสีหน้าของทุกคน จากนั้นทั้งสองคนเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ “นั่นก็เพราะว่ามู่หลานของพวกเราตั้งท้องแฝด”
“ว้าว……จริงเหรอ?”
“แน่นอนว่าจริง ทางโรงพยาบาลทหารตรวจแล้วว่าเป็นท้องแฝด” เหยาจิ้งจือเหลือบมองผู้คนรอบข้าง จากนั้นกล่าวต่อ “เป็นเพราะอาหลี่ของพวกเรามีวาสนา หลังจากแต่งงานกับมู่หลานแล้วก็เป็นคุณพ่อที่ได้ลูกสองคนในทันที”
ขณะนี้ผู้คนต่างก็รู้สึกอิจฉาริษยา
แต่ก็ยังมีคนที่รู้สึกมีความสุขแทนพวกเขาด้วยใจจริง “เช่นนั้นก็ยินดีด้วย นี่เป็นครั้งแรกภายในหมู่บ้านของพวกเราเลยที่เป็นท้องแฝด”
“ใช่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ”
เมื่อเผชิญกับการแสดงความยินดีของคนเหล่านี้ เหยาจิ้งจือและซูหว่านอี๋ต่างก็ตอบรับด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามฉินเจี้ยนเซ่อเพิ่งจะกลับมา ยังต้องรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ดังนั้นซูหว่านอี๋จึงเอ่ยกับทุกคน “ถึงเจี้ยนเซ่อของพวกเราจะอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังต้องพักรักษาตัวให้ดี วันนี้คงไม่สามารถต้อนรับทุกคนได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก จากนั้นก็เดินแยกย้ายจากไป
ฉินมู่หลานและเหยาจิ้งจือรวมถึงคนอื่นต่างก็เดินเข้ามาพร้อมกับฉินเจี้ยนเซ่อและพวกเขา เพียงแต่วินาทีที่เดินเข้ามาภายในประตูใหญ่ ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่ามีคนกำลังมองเธออยู่ จึงหันศีรษะไปมอง แต่เมื่อเธอหันไปมอง คนผู้นั้นกลับหันหลังและเดินจากไป
“มู่หลาน เป็นอะไรไป?”
ซูหว่านอี๋เห็นว่าลูกสาวไม่ได้เดินตามมา จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
ฉินมู่หลานขมวดคิ้วและเอ่ย “เมื่อกี้เหมือนหนูเห็นเย่เสี่ยวเหอ”
“อะไรนะ……”
ใบหน้าของซูหว่านอี๋เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่ว่าเย่เสี่ยวเหอตามเฝิงจื้อหมิงไปยังมณฑลซานซีแล้วหรอกเหรอ จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร ลูกตาฝาดแล้วล่ะ”
อย่างไรก็ตามเมื่อซูหว่านอี๋กล่าวจบ หล่อนก็ถูกหวังจาวตี้ที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาเอ่ยท้วงติง “อาสะใภ้รอง มู่หลานน่าจะไม่ได้ตาฝาดนะคะ เย่เสี่ยวเหอกลับมาแล้วค่ะ”
“หล่อนกลับมาแล้วเหรอ?”
หลังจากสามีได้รับบาดเจ็บ ซูหว่านอี๋ก็อยู่ดูแลเขาที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด ช่วงระยะเวลานี้ไม่ได้กลับมายังหมู่บ้านและไม่รู้เรื่องราวนี้เลย จึงรู้สึกประหลาดใจจริงๆ
อย่าว่าแต่หล่อนเลย แม้แต่เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงที่อยู่ด้านข้างต่างก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
“หรือว่าสองสามีภรรยาคู่นั้นกลับมาแล้ว”
หวังจาวตี้กลับส่ายศีรษะและเอ่ย “เย่เสี่ยวเหอกลับมาเพียงคนเดียว เฝิงจื้อหมิงเขา……ลงไปทำงานในเหมือง จากนั้นก็ประสบอุบัติเหตุและจากไปแล้ว”
ขณะนี้แม้แต่ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเล็กน้อย เย่เสี่ยวเหอกลายเป็นหญิงหม้ายแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้สุขภาพของพ่อเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นฉินมู่หลานจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก รีบให้คนพาฉินเจี้ยนเซ่อไปที่ห้องและให้เขานอนพักผ่อน “พ่อคะ ถึงพ่อจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี จะต้องพักรักษาตัวให้ดีนะคะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินเช่นนี้พลันพยักหน้าและเอ่ย “มู่หลานวางใจเถอะ ฉันรู้อยู่แล้ว”
ซูหว่านอี๋มองลูกสาวของตนและเอ่ยถาม “มู่หลาน พ่อของแกยังต้องระมัดระวังอะไรอีกไหม?”
ฉินมู่หลานเอ่ยเรื่องที่จะต้องระมัดระวังและยังบอกสิ่งของที่สามารถกินได้และกินไม่ได้อีกด้วย
ซูหว่านอี๋รู้สึกว่าข้อควรระมัดระวังมีเยอะเหลือเกิน ดังนั้นจึงอยากหากระดาษจด แต่ยังดีที่ฉินเคอวั่งฉลาด เขากล่าว “แม่ครับ ผมจำได้หมดแล้ว เดี๋ยวผมจะเขียนไว้ให้นะครับ”
“ตกลง งั้นแกอย่าลืมล่ะ”
เมื่อเห็นลูกชายกล่าวเช่นนี้ ซูหว่านอี๋เองก็วางใจ
คุณปู่ฉินและฉินเจี้ยนหัวต่างก็ยิ้มต้อนรับเซี่ยเหวินปิง หลิวชุ่ยฮวาและซุนฮุ่ยหงก็พาเหยาจิ้งจือมานั่งพูดคุยกัน สุดท้ายแล้วก็พาพวกเขาไปรับประทานอาหารกลางวัน
เมื่อฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือและคนอื่นๆ กลับมายังบ้านตระกูลเซี่ย มันก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว
เซี่ยเจ๋อเหว่ยและหลี่เสวี่ยเยี่ยนจัดเก็บบ้านเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นว่าทุกคนกลับมาแล้วจึงรีบออกไปเอ่ยทักทาย “พ่อ แม่ พวกเราทำความสะอาดห้องของพวกคุณไว้แล้ว พวกคุณสามารถเข้าไปพักได้เลย”
ส่วนโหยวหย่ง หวังหู่และเหวินเชี่ยนทั้งสามคนเองก็มีห้องพัก แต่ถึงอย่างนั้นห้องนั้นไม่ได้มีมากนัก โหยวหย่งและหวังหู่อาศัยอยู่ภายในห้องเดียวกัน ทั้งสองคนเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
หลังจากเหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงกลับมาที่บ้าน พวกเขาต่างก็รู้สึกสบายใจ “ที่ไหนก็ไม่สบายเท่าที่บ้านจริงๆ”
อย่างไรก็ตามทั้งสองคนยังคงเป็นห่วงฉินมู่หลานและให้เธอรีบไปพักผ่อน
ช่วงระยะเวลานี้ฉินมู่หลานรู้สึกเหนื่อยจริงๆ เธอพยักหน้าและเอ่ย “พ่อคะ แม่คะ งั้นหนูขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
ฉินมู่หลานนอนหลับตลอดทั้งช่วงบ่าย หลังจากตื่นขึ้นก็รู้สึกว่าสภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้นมาก
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นฉินมู่หลานตื่นขึ้นแล้วก็รีบเอ่ยถาม “มู่หลาน เธอหิวหรือเปล่า ที่ห้องครัวมีซุปหวาน ฉันจะไปตักมาให้เธอสักชามหนึ่ง” ขณะกล่าวหล่อนก็ลุกขึ้นไปตักซุปหวาน
หลังฉินมู่หลานกินซุปหวานถั่วแดงแล้ว เธอก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่สะใภ้ใหญ่ ทำไมวันนี้พี่ไม่ไปทำงานล่ะคะ?”
“ไปมาแล้วเมื่อช่วงเช้า หลังจากได้ยินว่าวันนี้พ่อของเธอได้ออกจากโรงพยาบาลก็คิดว่าเธอและพ่อแม่สามีจะต้องกลับบ้าน ดังนั้นฉันก็เลยขอลาช่วงบ่าย”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน ด้านนอกพลันเกิดเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น ฉินมู่หลานได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอก ก็นึกอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ทางด้านหลี่เสวี่ยเยี่ยนกลับมุ่ยปากและเอ่ย “ไม่ต้องไปดูหรอก ตระกูลเฝิงจะต้องไปสร้างความวุ่นวายที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานพลันเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมตระกูลเฝิงต้องไปสร้างความวุ่นวายที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านด้วยล่ะคะ?”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนนึกได้ว่าพวกเขาเพิ่งจะกลับมาและยังไม่รู้เรื่องราวอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงรีบเล่าเรื่องราวให้เธอรับฟัง
“เฝิงจื้อหมิงประสบอุบัติเหตุและตายจากไป ได้ยินมาว่าจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวเป็นจำนวนมาก ตอนนั้นเงินก้อนนั้นได้จ่ายให้กับเย่เสี่ยวเหอ คนภายในตระกูลเฝิงจึงไม่พอใจแถมยังก่นด่าเย่เสี่ยวเหอว่าเป็นคนดวงกินผัว สองตระกูลนี้อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเดียวกัน ตอนนี้พวกเขาสร้างปัญหากันทุกวันเลย”
เมื่อคำพูดนี้จบลง เสียงเอะอะด้านนอกพลันเงียบลง ขณะนี้แม้แต่หลี่เสวี่ยเยี่ยนเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมวันนี้ถึงได้จบลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
กลับจากที่กันดารมาในสภาพหญิงหม้ายแล้วจะเป็นยังไงบ้างนะยัยบัวขาว
ไหหม่า(海馬)