เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร – ตอนที่ 17

ตอนที่ 17

“เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไรนะ?” ช่ายเลี่ยงสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน กลอกตามองบนใส่เซี่ยหยาง

เซี่ยหยางตระหนักดีว่าการล้อเล่นควรมีขอบเขต แม้ว่ากำนันสาวสวยอย่างช่ายยั่น จะมีแรงดึงดูดมากจริงๆ แต่อย่างไรก็ไม่ได้มีความเป็นไปได้มากขนาดนั้นกับตัวเอง

“พลั้งปากไป อย่าถือสาเลยนะ เสียมารยาทแล้ว” เซี่ยหยางลูบท้ายทอยพลางหัวเราะแห้งๆ ควักเงินปึกหนึ่งออกมาจากอก ส่งให้ช่ายเลี่ยง “นี่ ค่าแรงเดือนนี้ของคุณ”

“ยังไม่ถึงเดือนหนึ่งเลยนะ รีบร้อนไปทำไม?” แม้ช่ายเลี่ยงจะพูดเช่นนี้ แต่ก็รับเงินไปแล้ว เอ่ยอย่างตกใจซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “นี่ไม่มากไปหน่อยเหรอ? ทำไมมีตั้งสองหมื่น?”

“ค่าแรงของคนงานเหล่านั้น ที่เหลือนับเป็นโบนัสให้ครอบครัวของคุณ หากมีวาสนาได้คุณเป็นพ่อตาผมจริงๆ จะไม่ใช่แค่นี้หรอก” เซี่ยหยางพูดกึ่งล้อเล่น

ช่ายเลี่ยงกะพริบตา รับเงินไป ก่อนจะกระซิบว่า “ไอ้หนุ่ม แม้นายจะดูไม่เลว แต่ยังไม่คู่ควรกับลูกสาวฉัน ยกเว้นถึงตอนนั้นนายจะมีเงินซื้อตำบลเฮยถู่ไว้ทั้งตำบล ส่วนเงินแค่นี้คิดจะมาซื้อฉัน ไม่มีทาง”

“คุณพูดจริงนะ ถึงเวลาอย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน” เซี่ยหยางกล่าวขึ้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม

“ทำไม ฉันเป็นพวกรักษาคำพูด กลัวแต่นายจะไม่มีความสามารถนี้น่ะสิ” ช่ายเลี่ยงเองก็พูดไปเรื่อยเปื่อยเช่นกัน เพราะรู้สึกว่าไม่มีทางเป็นไปได้

“ตกลงตามนี้” เซี่ยหยางสาบานอย่างหนักแน่นจริงจัง

“ไอ้หนุ่มขี้โม้ ฮ่าๆ” ช่ายเลี่ยงถึงกับส่ายหน้ายิ้มๆ จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป

เห็นช่ายเลี่ยงเดินไปพลางหยิบเงินออกมานับไปพลาง หน้าผากเซี่ยหยางก็ปรากฏเส้นสีดำสายหนึ่ง ตาแก่ผู้นี้ดูถูกปณิธานของเขาเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่ตำบลหนึ่งเลย เมืองเมืองหนึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา คนเราต้องมีปณิธานกว้างไกล

ถึงเวลาต้องทำให้ช่ายเลี่ยงยินยอมด้วยความสมัครใจ หากช่ายยั่นลูกสาวแสนสวยคนนั้นของเขา ยังไม่ยินยอมแต่โดยดี คอยดูฉันเซี่ยหยางจะโอบกอดสาวสวยกลับ……

“เฮ้ พี่หยาง ดูเหมือนพี่จะน้ำลายไหลอยู่นะ มีเรื่องดีอะไรก็มาแบ่งปันผมบ้างสิ? คิดถึงภรรยาใช่หรือเปล่า?” เอ้อนิ้วที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหน ส่งเสียงหัวเราะฮึๆ ออกมา

เซี่ยหยางไอแห้งๆ ออกมาเสียงหนึ่ง โบกมือพลางโยนบุหรี่มวนหนึ่งไปให้เอ้อนิ้ว ก่อนจะกล่าวว่า “ไป พี่ดูเป็นคนที่ขาดเมียหรือไง?”

“ไม่ขาดอยู่แล้ว ผมจะมาแจ้งข่าวกับพี่ มีสาวสวยมากๆ คนหนึ่งมาล่ะ แถมยังให้พี่ไปต้อนรับด้วย” เอ้อนิ้วเกาศีรษะ พลางชี้ไปที่ปากทางหมู่บ้าน

เซี่ยหยางคิดดูก็เข้าใจ จึงหันไปมอง เป็นดังที่คิดไว้ เห็นช่ายยั่นพร้อมกับคนติดตามกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้

ที่ตัวสวมชุดยูนิฟอร์มสีขาว ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ยามพูดคุยหัวเราะใบหน้าก็งดงามพริ้มเพรา คนที่เหมือนผู้ปฏิบัติงานเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายเธอดูธรรมดาไปโดยปริยาย ช่างเรียกว่านกกระเรียนในฝูงไก่จริงๆ

“กำนันช่าย ลมอะไรหอบคุณมาหรือ?” เซี่ยหยางเดินเข้ามาต้อนรับ พร้อมกับรอยยิ้มอันเจิดจ้า

ช่ายยั่นมองสำรวจเซี่ยหยางคราวหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ทำไมคะ ไม่ต้อนรับเหรอ?”

“ต้อนรับสิ ยกขาคู่ต้อนรับเลย พวกคุณเข้าไปนั่งสิ” เซี่ยหยางพูดพลางผายมือเชื้อเชิญ

“พูดมาก พวกเราไม่มีเวลามานั่งหรอก” ช่ายยั่นบ่นกระเง้ากระงอด พลางหันหน้าชี้ไปทางคนด้านหลังแล้วกล่าวว่า “คนเหล่านี้พามาดูงาน ผู้ใหญ่บ้านกับผู้ปฏิบัติงานสองสามคนจากหมู่บ้านใกล้เคียง”

“อ้อ? สวัสดีครับ ผมเป็นตัวแทนจากหมู่บ้านตงเจียวมาต้อนรับพวกคุณ” เซี่ยหยางโบกมือ ท่าทางเป็นมิตรอย่างมาก

“นายคือผู้ใหญ่บ้าน? เป็นตัวแทนหมู่บ้านตงเจียวได้เหรอ?” เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งโผล่ออกมา เหลือบมองเซี่ยหยางแวบหนึ่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกระด้าง

เซี่ยหยางสบตาด้วยแวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว คนคนนี้ใส่สูทรองเท้าหนัง การแต่งกายดูเข้าท่า เพียงแต่พุงยื่น ผมหวีเสียเรียบแปล้ใบหน้าอมชมพู ในดวงตาเผยแววเหยียดหยาม เมื่อเทียบกับสองสามคนที่อยู่ด้านข้าง ดูราวกับอายุเยอะกว่ามาก

“ปั่ดโธ่ ขอโทษด้วยจริงๆ ไม่รู้ว่ากำนัลช่ายจะมาเลยไม่ได้มาต้อนรับ ผิดไปแล้ว” ไม่รอให้เซี่ยหยางเอ่ยปาก ก็เห็นผู้ใหญ่บ้านหวังหยุนจู้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ทางหนึ่งหอบหายใจแฮ่กๆ ทางหนึ่งจับมือกับทุกคน

“ผู้ใหญ่บ้านหวังเป็นคนที่งานรัดตัวมากจริงๆ แต่มีตัวแทนคุณแล้ว พวกเราไม่ถือสา” คนในชุดสูทผู้นั้นมองเซี่ยหยางแวบหนึ่งด้วยแววตาล้ำลึก

หวังหยุนจู้นิ่งไป หลังมองเห็นเซี่ยหยางก็ยังรู้สึกผวาอยู่นิดหน่อย เห็นได้ชัดว่ากระอักกระอ่วนใจ กำลังคิดจะพูดอะไรสักอย่าง คนที่อยู่ด้านข้างชายในชุดสูทคนนั้นที่มีอายุครึ่งร้อยก็กระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง ก่อนจะแตะที่ชายในชุดสูทเบาๆ แล้วรีบพูดว่า “สามารถเข้าใจได้ ตอนนี้ที่หมู่บ้านตงเจียวพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองได้ขนาดนี้ ผู้ใหญ่บ้านหวังคงจะมีส่วนไม่น้อยเลย”

“ที่ไหนกัน หมู่บ้านเกาตี้ของพวกคุณต่างหากถึงจะเป็นแบบอย่างให้พวกเราเรียนรู้ อันที่จริงก็น่าขันแล้ว ผู้ใหญ่บ้านลู่ไม่เพียงดูแลได้ถูกทาง อีกทั้งกระทั่งลูกชายก็ยังเป็นเศรษฐีมากด้วยอิทธิพล พูดไปแล้วก็ให้ละอายใจเหลือเกิน” หวังหยุนจู้เริ่มพูดถ้อยคำเกรงใจที่ไม่มีมูลความจริงขึ้นมา แถมยังเมียงมองไปทางชายในชุดสูทอีกด้วย

เวลานี้ช่ายยั่นที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย กลับยังคงแย้มยิ้มกล่าวขึ้นมาอย่างเปิดเผยว่า “ในเมื่อผู้ใหญ่บ้านหวังก็มาด้วย พวกเราก็ตรงไปดูที่ดินในหมู่บ้านกันเถอะ”

“เรื่องนี้ไม่รีบร้อน ยังคงไปที่คณะกรรมการหมู่บ้านพักหายใจสักหน่อยเถอะ?” หวังหยุนจู้มองช่ายยั่นอย่างประจบ

“ไม่จำเป็น ฉันเองก็ไม่เหนื่อยด้วย ทุกคนว่างั้นไหมคะ” ช่ายยั่นหันหน้ามองไปที่คนอื่นๆ

“กำนัลช่าย ตามความเห็นผมยังคงพักสักเดี๋ยวดีกว่า อย่าโหมนักเลย” ลู่เฟยคลายโบว์หูกระต่ายของตนเองลง พลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ในฐานะคนอ้วนคนหนึ่ง อากาศแบบนี้จึงรับไม่ไหวอยู่บ้างจริงๆ

“ใช่ ผมเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน กำนัลช่ายอาจจะเหนื่อยแล้วก็ได้ คุณหักโหมงานเกินไปแล้ว ใช้ช่วงเวลานี้ผ่อนคลายบ้างเถอะ” ลู่ต้าฝูถูมือไปมา

เซี่ยหยางมองพ่อลูกคู่นี้ร้องรับกันเป็นลูกคู่ จึงลอบยิ้มกับตัวเอง แต่มองดูช่ายยั่น อากาศร้อนขนาดนี้ แสงแดดแผดเผาใบหน้าอันน่ารักของเธอจนเห่อแดง ดูค่อนข้างน่าสงสาร เขาจึงพูดว่า “กำนัลช่ายทำไมคุณไม่ไปดื่มชาที่บ้านผมสักหน่อยล่ะ เป็นแบบใหม่ด้วยนะ”

“นั่นมันคำพูดอะไรกัน ผมคิดว่าไปคณะกรรมการหมู่บ้านยังจะดูจับต้องได้มากกว่า” หวังหยุนจู้รู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมา ราวกับกลัวว่าจะถูกเซี่ยหยางแย่งทิศทางลมไป

“งั้นก็ไปที่ฟาร์มสเตย์กันเถอะ ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า คุณทำแบบใหม่อะไรออกมา” ช่ายยั่นยิ้มแย้ม ดูเป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวา เดินมุ่งตรงไปข้างหน้า

อาจเป็นเพราะทางเดินในหมู่บ้านไม่ค่อยดีนัก ช่ายยั่นจึงเดินสะดุดก้อนหินโซเซอยู่หลายครั้งจนเกือบจะล้ม แต่ก็มีมือคู่หนึ่งมาประคองเธอไว้อย่างรวดเร็ว พอหันกลับไปมอง ก็เห็นเซี่ยหยางกำลังมองตนเองอยู่

“ขอบคุณ!” ช่ายยั่นใบหน้าแดงเรื่อ

เซี่ยหยางสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมเย็นหวานชื่นสายหนึ่งโชยมาจางๆ ซึมซาบลงสู่หัวใจ จึงตัดใจปล่อยช่ายยั่นไม่ลงอยู่บ้าง เพิ่งคิดจะพูดอะไรบางอย่าง ก็รับรู้ได้ถึงสายตามาดร้ายพุ่งตรงมา

เห็นเพียงลู่เฟยกำลังมองมาทางนี้อย่างไม่สบอารมณ์นัก เกิดอารมณ์หึงหวงขึ้นอย่างรุนแรง เขาวิ่งมาทางนี้อย่างเงอะงะอยู่บ้าง ก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “โธ่ กำนัลช่ายคุณไม่เป็นไรนะครับ?”

“ไม่ค่ะ พวกเราไปกันเถอะ” ช่ายยั่นพยักหน้าพอเป็นพิธี จากนั้นก็มองเซี่ยหยางแวบหนึ่ง

ลู่เฟยจ้องแผ่นหลังเซี่ยหยางอย่างขัดเคือง พลางเดินไปพร้อมกับทุกคน เขามองสำรวจฟาร์มสเตย์ที่อยู่ตรงหน้าแห่งนี้อย่างเหยียดหยาม ก่อนจะเย้ยหยันว่า “เป็นสถานที่ดีอะไรกัน ก็แค่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง”

แม้ว่าเสียงของลู่เฟยจะเบา แต่เซี่ยหยางยังคงได้ยิน เขาแค่ทำเป็นไม่สนใจ เดินตรงไปสั่งให้พนักงานจัดหาที่นั่ง จากนั้นเขาก็หาข้ออ้างปลีกตัวไปสักพัก เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องห้องหนึ่ง แล้วนำน้ำแร่กาหนึ่งออกมาจากในโลกแผ่นหยก

จากนั้น เซี่ยหยางก็หยิบใบชาออกมาบางส่วน ใบชานี้เป็นใบชาใหม่ล่าสุดที่เขาเพาะปลูกเอง และเพื่อลองประสิทธิผล เขาได้ให้เอ้อนิ้วใช้น้ำแร่ในการชงชา

พอน้ำชายกมาเสิร์ฟแล้ว ช่ายยั่นชิมเบาๆ คำหนึ่ง รู้สึกเพียงในปากเกิดความอยากอาหารมากขึ้น อบอวลไปด้วยกลิ่มหอมอันสดชื่น ถึงขั้นติดใจจนหยุดไม่ได้ เธอถูกใจจนหางคิ้วชี้ขึ้น พลางยิ้มออกมา ดวงตาอันงดงามโค้งจนกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว พยักหน้ากล่าวว่า “เป็นชาดีจริงๆ เซี่ยหยาง คิดไม่ถึงว่าคุณจะยังเป็นทักษะในด้านนี้ด้วย สมควรได้รับการยกย่อง”

“ชมเกินไปแล้ว ชอบก็ดื่มมากๆ หน่อย” เซี่ยหยางพอใจในผลตอบรับนี้มาก แน่นอนว่า การได้เห็นผู้หญิงอย่างเซี่ยหยางดื่มชา ก็ถือว่าเป็นการเสพสุขอย่างหนึ่งเช่นกัน

คนอื่นๆ ที่เดิมทีรู้สึกเหยียดหยาม แต่พอเห็นช่ายยั่นพูดเช่นนี้ ก็พากันดื่มตาม เพียงไม่นานก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่ แม้แต่หวังหยุนจู้ก็ยังดื่มชารวดเดียวจนหมดถ้วย

ลู่ต้าฝูกับลูกชายของเขาลู่เฟยต่างสบตากัน จากนั้นก็ก้มหน้าดื่มไปหนึ่งอึก จึงถูกดึงดูดไว้อย่างรวดเร็ว เขาอยู่มาครึ่งชีวิต ยังไม่เคยดื่มชาดีแบบนี้มาก่อน ปกติใบชาที่ลู่เฟยซื้อกลับมาหลายพันหยวน ยังมีรสชาติสู้ชานี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจึงรีบกล่าวขึ้นเสียงเบากับลู่เฟยว่า “แกรีบลองชิมดู”

“มันดีขนาดนั้นเชียว?” ลู่เฟยไม่คิดเช่นนั้น ยกชาขึ้นมาดมๆ ดูโดยสัญชาติญาณ ก่อนจะถูกกลิ่นหอมดึงดูดไว้ ภายหลังพอดื่มลงไป ก็มีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า จึงอดตกตะลึงไม่ได้

“เป็นยังไงบ้าง?” ลู่ต้าฝูถาม

“ผมว่าธรรมดามาก มีตรงไหนที่บอกว่าสุดยอดกัน” ลู่เฟยปากไม่ตรงกับใจ กลับอดยกขึ้นมาดื่มอีกหลายคำไม่ได้ ก่อนจะทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วกล่าวว่า “นี่ฉันก็แค่กระหายนิดหน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นชาแบบนี้ฉันก็คร้านจะสนใจ”

เซี่ยหยางย่อมจะมองออก เห็นได้ชัดว่าลู่เฟยคนนี้เห็นตัวเขาเป็นศัตรู คิดว่าสาเหตุคงเป็นเพราะช่ายยั่น เพราะตั้งแต่แรกเริ่ม เขาก็พบว่าสายตาของลู่เฟยไม่ได้ละออกไปจากช่ายยั่นเลย

“ทุกคนดื่มกันอีกถ้วยสิ” เวลานี้เอ้อนิ้วได้มาที่นี่อีกครั้ง แล้วเริ่มรินชา

พอถึงตอนที่เทให้ช่ายยั่น จู่ๆ ถ้วยชาก็หกคว่ำ จนลวกช่ายยั่นเข้า เธอจึงรีบหดมือ กัดริมฝีปากแน่น

โดยสัญชาตญาณ เซี่ยหยางจับมือเธอไว้อย่างไม่รู้ตัว รีบดึงเธอไปล้างตรงสายยางที่อยู่ด้านข้าง ช่ายยั่นเองก็ไม่ปฏิเสธ เมื่อล้างเสร็จแล้ว เซี่ยหยางเห็นว่าไม่เป็นไร จึงได้วางใจลง ทว่ามือของช่ายยั่นไม่แดง แต่กลับไปแดงที่ใบหน้าแทน รีบหดมือกลับไปเบาๆ อย่างรู้สึกกระดากอายอยู่บ้าง

เซี่ยหยางที่กำลังคิดว่าวันนี้เอ้อนิ้วเป็นอะไรไป ลู่เฟยก็ตวาดขึ้นว่า “ทำอะไรของแก ไม่มีตาหรือไง ทำไมที่นี่ถึงมีพนักงานมือไม้เก้งก้างอย่างแกได้นะ?”

เอ้อนิ้วถึงกับไม่โกรธ แถมยังหัวเราะกล่าวว่า “ขออภัยด้วย รินชาให้กำนัลครั้งแรก รู้สึกเกร็งนิดหน่อย คุณก็ดื่มอีกหน่อยสิ

“คราวหลังระวังด้วยล่ะ” ลู่เฟยตำหนิออกมา ต้านส่วนดีของชานี้ไม่ไหว ย่อมไม่ได้สังเกตเห็นว่า เอ้อนิ้วได้เปลี่ยนกาน้ำชาเป็นอีกใบหนึ่งแล้ว เขาดื่มไปอึกหนึ่ง กำลังคิดจะกล่นลงไป จู่ๆ ก็พ่นออกมา

ทำให้น้ำชากระเด็นโดนหน้าลู่ต้าฝูเข้าเต็มๆ ลู่ต้าฝูยกมือขึ้นมาเช็ดออก รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง

“ทำไมหรือ? ไม่อร่อยเหรอลู่เฟย?” ช่ายยั่นกล่าวขึ้นมาอย่างแปลกใจ

“คงลวกปากน่ะ ไม่เป็นไร” ลู่เฟยเพียงตกใจจนพูดไม่ออก รีบเช็ดหน้าให้พ่อของเขา รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

เซี่ยหยางเห็นเอ้อนิ้วกำลังยิ้มอย่างชั่วร้าย ก็ส่งสัญญาณให้เขาเดินออกไปด้านนอกเพื่อจะถามว่า “นายเป็นอะไร?”

“ไม่ได้เป็นอะไร ผมสร้างโอกาสให้พี่ต่างหาก มือของกำนัลสาวนิ่มดีไหม? แล้วก็ผมใส่ผงพริกไทยกับน้ำมันพริกไทยลงไปในชาของหมอนั่นด้วย เห็นเขาเอาแต่คิดไม่ซื่อกับกำนัลน่ะ” เอ้อนิ้วส่งเสียงหัวเราะฮึฮึออกมา

เซี่ยหยางกลับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เจ้าโง่นี่ ไปเรียนรู้ความเจ้าเล่ห์นี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่

พอเข้าไปก็ยังเห็นลู่เฟยกำลังเช็ดอยู่ แต่ช่ายยั่นกลับมองดูเวลา ก่อนจะลุกขึ้นกล่าวว่า “ทุกคนคงพักหายใจกันพอแล้ว พวกเราไปดูที่ดินกันเถอะ”

“มีอะไรน่าดูกัน มันเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ?” ขณะกำลังเดินอยู่ด้านหลังกลุ่มคน ลู่เฟยก็ดึงหวังหยุนจู้ที่อยู่ด้านข้างมาถาม

หวังหยุนจู้ย่อมรู้ฐานะของลู่เฟย ไม่ใช่เป็นเพียงลูกชายของลู่ต้าฝูผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเกาตี้ธรรมดาๆ เช่นนั้น เขาได้ยินมานานแล้วว่า ลู่เฟยตอนนี้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ย่อมต้องพยายามประจบเอาใจเป็นธรรมดา

“เถ้าแก่ลู่ เซี่ยหยางก็แค่พวกอวดดีเท่านั้น คนหนุ่มสาวน่ะ แค่ประสบความสำเร็จนิดหน่อยก็หลงระเริงกันแล้ว จะไปเทียบกับหมู่บ้านเกาตี้ของพวกคุณได้อย่างไรกัน อย่าว่าแต่จะเทียบกับคุณเลย” หวังหยุนจู้กล่าวคำชมเชยอย่างไม่ตระหนี่เลยสักนิด

“ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกัน? ฉันเห็นเขาเดินใกล้กำนัลช่ายมาก ฉันอยากจัดการเขา” ลู่เฟยจ้องเซี่ยหยางอย่างเย็นชา พลางกัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน

เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร

เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร

Status: Ongoing

ที่ดินหลายไร่ เด็กในสังกัดเป็นโขยง เวลาทำสวนยุ่ง ผมดื่มโค๊กม่อสาวสวย เวลาไม่ยุ่ง พาสาวสวยเหล้าดอง อย่าขยับ สาวสวย ทำไมฟักทองอ่อนไปอยู่หน้านมหนูได้ล่ะ เงินทอง ที่ดิน สวน สาวสวย ราวกับสายน้ำพุ่งทะลักเข้ามาเป็นระลอกๆ พอกะลิ้มกะเหลี่ยอยู่ร่ำไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท