ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 201 จะต้องวางแผน

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 201 จะต้องวางแผน

ตอนที่ 201 จะต้องวางแผน

เย่เสี่ยวเหอได้ยินคำพูดของพ่อแม่แล้วก็เอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “เงินมาจากไหนไม่ต้องสนใจหรอก พวกพ่อแม่แค่รับไปก็พอ หลังจากนี้หนูจะอยู่ที่บ้าน ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตของหนู”

เมื่อเอ่ยจบ เย่เสี่ยวเหอก็กลับห้องไปพักผ่อน

เมื่อเห็นลูกสาวปิดประตู คู่สามีภรรยาเย่ต้าหย่งก็มองหน้ากัน แต่ทั้งคู่ต่างอดไม่ได้ที่จะเดินไปด้านข้างโต๊ะและเริ่มนับจำนวนเงิน หลังจากนับแล้วก็พบว่ามีเงินอยู่สามพันหยวน

ใบหน้าของภรรยาผู้ใหญ่บ้านพลันเต็มไปด้วยความกังวล

“ลูกคุณนี่มัน นี่……คุณว่าเย่เสี่ยวเหอเอาเงินพวกนี้มาจากไหนกันแน่”

เย่ต้าหย่งกลับกำถุงผ้าไว้แน่นและเอ่ย “ในเมื่อลูกสาวกล่าวว่านี่คือค่าใช้จ่ายภายในชีวิตประจำวันของหล่อนตอนอาศัยอยู่ที่บ้าน อย่างนั้นคุณรับไว้ก็พอ ดูเหมือนว่าลูกสาวของพวกเราจะมีความสามารถมาก เห็นงุบงิบเก็บเงียบแบบนี้กลับหาเงินมาได้มากมาย ดังนั้นเงินชดเชยของเฝิงจื้อหมิงที่ให้ไปแล้วก็แล้วไปเถอะ ก่อนหน้าพวกเราถูกตระกูลเฝิงก่อกวนจนปวดหัว ในที่สุดก็จบปัญหาได้เสียที”

เมื่อเห็นสามีกล่าวเช่นนี้ ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเองก็รับเงินก้อนนี้ไว้

ทางด้านฉินมู่หลานไม่ได้สนใจความครึกครื้นที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน ขณะนี้ผู้คนภายในครอบครัวรวมถึงโหยวหย่งและพวกเขาต่างก็รับประทานอาหารกัน หลังจากนั้นก็พักผ่อน

กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานได้พาโหยวหย่งไปยังบ้านตระกูลฉิน

ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวของตนเองมาตั้งแต่เช้าตรู่ จึงรีบเอ่ย “มู่หลาน ทำไมลูกมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้ น่าจะนอนให้มากขึ้นอีกสักหน่อย”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นกลับยิ้มและเอ่ย “เมื่อวานหนูหลับตอนทั้งตอนบ่าย พอตอนกลางคืนก็เข้านอนเร็ว ดังนั้นหนูเลยได้นอนเต็มอิ่ม”

ขณะกล่าว เธอก็เดินตรงไปยังห้องนอนของฉินเจี้ยนเซ่อ “แม่คะ หนูจะไปดูพ่อนะคะ”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวเป็นห่วงครอบครัวขนาดนี้ ใบหน้าของซูหว่านอี๋พลันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หล่อนเดินไปด้านหน้าพร้อมกับเอ่ย “พ่อของลูกน่ะตื่นแต่เช้าเหมือนกัน เมื่อกี้เพิ่งจะกินหมั่นโถวไปลูกหนึ่งกับโจ๊กอีกสองชาม ตอนนี้กำลังแกะสลักไม้อยู่บนเตียง ถ้าไม่หาอะไรให้เขาทำสักหน่อย เขาคงจะนอนขึ้นอืดแล้ว”

กระทั่งฉินเจี้ยนเซ่อเห็นว่าลูกสาวนั้นมาแล้ว เขาก็รีบวางชิ้นไม้ภายในมือลงและกล่าว “มู่หลาน ลูกมาได้ไงเนี่ย”

“หนูก็มาหาพ่อไงคะ” ขณะกล่าวก็ตรวจวัดชีพจรให้กับฉินเจี้ยนเซ่อ จากนั้นยิ้มและเอ่ย “ขอเพียงแค่พ่อกินยาตรงเวลาก็จะหายดีแล้ว”

“วางใจเถอะ พ่อจะกินยาตรงเวลาอย่างแน่นอน”

หลังจากนั้นฉินมู่หลานก็ตรวจวัดชีพจรให้กับหวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่ง

หวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งจ้องมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าประหม่า พลางเอ่ยถาม “มู่หลาน พวกเรากับลูกปกติดีใช่ไหม”

“วางใจเถอะค่ะ พวกพี่ปกติดีทั้งแม่ลูก”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทั้งสองก็วางใจ

จากนั้นฉินมู่หลานก็ไปหาคุณปู่ฉินและคุณย่าฉิน จากนั้นก็กลับบ้าน แต่พอไปถึงบ้านแล้วกลับพบว่าภายในบ้านนั้นไม่มีใครเลย แม้แต่เสี่ยวอวี่ก็ไม่อยู่

“แปลกจัง พ่อกับแม่ไปไหน?”

โหยวหย่งมาจากชนบทเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บ้านก็เอ่ยอย่างอดไม่ได้ “น่าจะไปที่ทุ่งนาแล้วหรือเปล่า กลับมาแล้วยังต้องไปทำงานอีกล่ะมั้ง”

เรื่องนี้ฉินมู่หลานก็ไม่แน่ใจนัก ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเซี่ยเหวินปิงกล่าวถึงมาก่อน “งั้นฉันจะไปดูที่ทุ่งนา”

โหยวหย่งย่อมตามไปด้วย อย่างไรก็ตามกลับพบเพียงเซี่ยเจ๋อเหว่ยคนเดียวเท่านั้นที่กำลังทำสวนทำไร่อยู่ เมื่อเห็นฉินมู่หลานมา เขาก็รีบเอ่ย “น้องสะใภ้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากจะถามว่าพ่อกับแม่ไปไหนเหรอคะ?”

เซี่ยเจ๋อเหว่ยชี้ไปทางภูเขาต้าชิงพร้อมกับเอ่ย “พ่อกับแม่ขึ้นเขาไปแล้ว วันนี้เป็นเวลาขุดผักป่าพอดี พวกเขาคิดถึงรสชาติเหล่านั้นก็เลยตามคนอื่นๆ ภายในหมู่บ้านไปน่ะ”

“งั้นหวังหู่และเหวินเชี่ยนก็คงจะตามไปด้วยสินะ”

เซี่ยเจ๋อเหว่ยพยักหน้าและเอ่ย “ใช่ พวกเขาก็ไปด้วยเหมือนกัน”

ได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

บนภูเขาต้าชิงขณะนี้ เหยาจิ้งจือกำลังดึงตัวเหวินเชี่ยนไปขุดผักป่า “คาดไม่ถึงเลยว่าปีนี้ผักป่าจะเยอะขนาดนี้ ดูสิผักจี่ไฉ่สดใหม่เต็มเลย ขุดกลับไปห่อเกี๊ยวให้มู่หลานกัน”

หญิงสาวคนอื่นภายในหมู่บ้านต่างยืนด้านข้างเหยาจิ้งจือ ครั้นได้ยินคำพูดของหล่อน ก็เอ่ยอย่างอดไม่ได้ “คุณเซี่ย คุณช่างดีกับลูกสะใภ้ของคุณเสียจริง”

“ก็ต้องดีอยู่แล้ว ลูกสะใภ้ฉันกำลังตั้งท้องลูกแฝดนี่นา”

เหยาจิ้งจือฟังคำวิจารณ์รอบตัวและไม่ได้เอ่ยอะไร จากนั้นก็เคลื่อนไหวมือเร็วขึ้น

ไม่นานนัก เหยาจิ้งและเหวินเชี่ยนก็ขุดผักป่าจนเต็มตะกร้า “เสี่ยวเชี่ยน พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”

“ค่ะ”

แต่ในทันทีที่เหยาจิ้งจือลุกขึ้นยืน เย่เสี่ยวเหอได้เดินเข้ามาพร้อมตะกร้าใบหนึ่ง หล่อนจ้องมองเหยาจิ้งจือด้วยรอยยิ้มพลางเอ่ยถาม “คุณป้าคะ ไม่ได้เจอน่าน่าตั้งนานแล้ว ช่วงนี้หล่อนไม่กลับบ้านเลยเหรอคะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเหยาจิ้งจือพลันเปลี่ยนไปเป็นไม่ค่อยสู้ดีเท่าใดนัก

คนอื่นที่ได้ยินคำพูดนี้ของเย่เสี่ยวเหอต่างก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง จากนั้นมองไปทางเหยาจิ้งจือและเอ่ยถาม “ใช่แล้วคุณเซี่ย ทำไมถึงไม่เห็นลูกสาวของคุณมาสักพักใหญ่แล้วล่ะ”

“ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้มีคนขับรถมารับครอบครัวเจ๋อเหว่ยโดยเฉพาะหรอกหรือ ฉันจำได้ว่าตอนนั้นรับเซี่ยเจ๋อน่ากับสามีมาด้วยนี่ แต่ตอนนี้ครอบครัวของเจ๋อเหว่ยก็กลับมากันหมดแล้ว ยังไม่เห็นเซี่ยเจ๋อน่ากับสามีกลับมากันเลย”

“พวกเขากลับเข้าไปอยู่ภายในเมืองโดยที่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเลยงั้นเหรอ?”

เมื่อเผชิญกับความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน เหยาจิ้งจือก็ฝืนยิ้มและกล่าว “เซี่ยเจ๋อน่ากับสามียังไม่กลับมาจากต่างจังหวัดเลยน่ะ”

หลังกล่าวเช่นนั้นก็ดึงเหวินเชี่ยนกลับบ้าน พลางเรียกเซี่ยเหวินปิงและหวังหู่ที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อเห็นแผ่นหลังของเหยาจิ้งจือและคนอื่นเดินจากไปไกล ผู้คนก็เริ่มแสดงความเห็นกันอีกครั้ง

“เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนยังอยู่ต่างจังหวัดงั้นเหรอ พวกเขาไปนานแค่ไหนแล้ว”

“เฮ้อ……พวกเธอว่าตอนนั้นคนที่มารับพวกเขาคือใครกันแน่ แถมยังขับรถมาด้วย มองแวบแรกก็รู้ว่ามีเงิน ไม่รู้ว่าเป็นเครือญาติของตระกูลเซี่ยหรือเปล่า”

“พวกเธอพูดกันตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร เมื่อกี้น่าจะถามเหยาจิ้งจือ”

ทุกคนต่างแสดงความเห็นและยังคงขุดผักป่ากันต่อไป

เย่เสี่ยวเหอมองแผ่นหลังของเหยาจิ้งจือที่เดินจากไป จากนั้นมองไปทางหวังหู่และเหวินเชี่ยน นัยน์ตาของหล่อนปรากฏประกายแวววาว

ผู้ใหญ่บ้านเห็นลูกสาวยืนนิ่งงันอย่างโง่เขลา เอ่ยอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวเหอ แกทำอะไรอยู่น่ะ ไม่ใช่ว่าแกอยากมาขุดผักป่าหรอกเหรอ ทำไมตอนนี้ไม่ขุดแล้วล่ะ”

เย่เสี่ยวเหอไม่เอ่ยคำพูดใด หล่อนถือตะกร้าและเดินกลับไป

“อ้า……ทำไมแกเดินกลับแล้วล่ะ”

ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าลูกสาวเดินกลับไปแล้ว หล่อนเองก็รีบถือตะกร้าและจากไปเช่นกัน

“แม่คะ พรุ่งนี้แม่ชวนป้าเหยาไปซื้อของภายในตัวเมืองหน่อยสิคะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ภรรยาผู้ใหญ่บ้านพลันมองด้วยสีหน้าเปี่ยมความสงสัยและเอ่ย “แกจะทำอะไร เซี่ยเจ๋อหลี่แต่งงานแล้ว ฉินมู่หลานก็ตั้งท้องแล้ว แกอย่าคิดมากเลย”

กระทั่งตอนนี้หล่อนก็ยังจำได้ว่าลูกสาวของตนคลั่งไคล้เซี่ยเจ๋อหลี่เพียงใด แต่ตอนนี้ลูกสาวของตนกลายเป็นหญิงหม้ายแล้ว หล่อนยังต้องการทำสิ่งใดอีก

เย่เสี่ยวเหอชำเลืองมองแม่และกล่าว “แม่กำลังคิดอะไรอยู่ เอาเป็นว่าแม่คิดหาวิธีการชวนเหยาจิ้งจือเข้าเมืองให้ได้เถอะค่ะ ดีที่สุดคือแม่ไม่ต้องไปชวนหล่อนเอง แต่ให้คนที่เหยาจิ้งจือไว้วางใจเป็นคนชวนหล่อน”

“ทำไมจะต้อง……”

โดยไม่รอให้ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านเอ่ยจบ เย่เสี่ยวเหอหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาและเอ่ย “แม่ จะวางแผนไหมคะ”

“วางแผนสิ จะวางแผนให้เลย”

ส่วนทางด้านฉินมู่หลานเองก็คาดไม่ถึงว่าเบาะแสที่พวกเขากำลังตามหานั้นจะปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ยัยดอกบัวขาวนี่แปลกๆ แฮะ ดูท่าทางมีดีลลับกับใครสักคน ถึงได้บอกให้วางแผนพาแม่พี่หลี่เข้าเมือง มู่หลานจะรู้ทันกลของนางไหมนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท