ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 206 จับกุม

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 206 จับกุม

ตอนที่ 206 จับกุม

เหวินเชี่ยนมองดูผู้คนสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่ตรงหน้า จากนั้นปกป้องเหยาจิ้งจือไว้ด้านหลังของตน

เหยาจิ้งจือมองอยู่ชั่วครู่และพบว่าไม่เห็นโหยวหย่งเช่นเดียวกัน ทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่ตนเองไม่รู้จัก ดังนั้นเอ่ยถามเหวินเชี่ยนด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวหย่งล่ะ?”

เหวินเชี่ยนส่ายศีรษะและเอ่ย “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ผู้คนสองฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามก็ตัดสินตัวผู้ชนะได้อย่างรวดเร็วแล้ว คนทั้งห้าที่โหยวหย่งค้นหามาต่างมีทักษะฝีมือโหดเหี้ยม เพียงไม่นานก็จัดการทั้งแปดคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามจนราบคาบ

เมื่อเห็นเช่นนี้ เหวินเชี่ยนพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก สมแล้วที่เป็นคนที่โหยวหย่งหามา โหดเหี้ยมเหมือนกับเขาอย่างไรอย่างนั้น

แต่แล้วก็เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย หัวหน้ารูปร่างอ้วนท้วมที่ล้มลงกับพื้นในตอนนี้ได้หยิบปืนประดิษฐ์ออกมาและเพ่งเล็งไปยังเหยาจิ้งจือ

“ปัง…….”

เสียงปืนดังขึ้นเหนือความคาดหมายของทุกคน

เหวินเชี่ยนเผชิญกับคลื่นและลมอย่างรุนแรง วินาทีที่เสียงปืนดังขึ้น หล่อนก็ผลักเหยาจิ้งจือออกไป ทำให้ตัวหล่อนที่หลบไม่ทันถูกยิงเข้าที่แขนด้านซ้าย

“อ๊ะ…….”

เหยาจิ้งจือไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกตื่นตระหนกมาก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเห็นว่าแขนซ้ายของเหวินเชี่ยนนั้นมีเลือดไหล หล่อนรีบวิ่งไปยังด้านหน้าด้วยความกังวล “เสี่ยวเชี่ยน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

เหวินเชี่ยนรีบเอ่ยปลอบโยน จากนั้นปกป้องเหยาจิ้งจือไว้ด้านหลังของตน

ผู้คนที่โหยวหย่งหามานั้นพลันมีปฏิกิริยาตอบรับ พวกเขาต่างก้าวไปด้านหน้าเพื่อควบคุมหัวหน้าคนนั้น

ติดตรงที่ว่าภายในมือของเขามีปืนประดิษฐ์ ชั่วขณะหนึ่งเสียงปืนก็ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่หลบไปยังด้านข้างและหาสิ่งของมาเป็นเกราะกำบัง

“เหอะ……เดิมทีคิดว่านี่จะเป็นภารกิจที่ง่ายดายและน่าเบื่อ คาดไม่ถึงว่าพวกเธอจะเตรียมกำลังคนไว้แล้ว แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ วันนี้พวกเธอก็หนีไม่พ้นหรอก” เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย นัยน์ตาเฉียบคมของชายคนนั้นก็มองไปทางเหยาจิ้งจือ

เหยาจิ้งจือและเหวินเชี่ยนยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยดีนัก รอบข้างไม่มีสิ่งของพอจะเป็นเกราะกำบังได้เลย ยามทั้งสองคนสัมผัสได้ถึงสายตาของชายคนนั้น เหวินเชี่ยนก็ตื่นตระหนกมาก ไม่รู้ว่าตนเองจะปกป้องเหยาจิ้งจือได้อีกครั้งหรือไม่ ขณะกำลังครุ่นคิดว่าจะพาเหยาจิ้งจือพุ่งออกไปทางด้านหน้าต่าง คนผู้หนึ่งก็ได้กระโดดพลิกตัวเข้ามาทางหน้าต่าง ซึ่งเขาก็คือโหยวหย่ง

“เสี่ยวหย่ง…….”

เหยาจิ้งจือเห็นโหยวหย่งแล้วก็มีสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเมื่อเห็นโหยวหย่งแล้วพลันรู้สึกสบายใจ

เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเหยาจิ้งจือ คนอื่นพลันจ้องมองไปทางด้านโหยวหย่งโดยไม่รู้ตัว

โหยวหย่งเห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน เขาจึงพุ่งเข้าหาหัวหน้าชายอ้วนคนนั้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

เป้าหมายเดิมของชายคนนั้นคือเหยาจิ้งจือ แต่เมื่อโหยวหย่งพุ่งตัวเข้ามา เขาทำได้เพียงแค่จัดการกับโหยวหย่งก่อน “ไปตายซะ”

ขณะกล่าวก็ลั่นไกปืนไปทางโหยวหย่ง

โหยวหย่งหลบหลีกอย่างคล่องแคล่วว่องไวและสะบัดผงยาที่เตรียมมาอย่างดีใส่ชายคนนั้น ส่วนตนเองถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว

“นี่มันอะไร…….”

ชายคนนั้นถอยกลับอย่างระมัดระวัง แต่ไม่รอให้เขาได้ถอยร่น ร่างกายของเขาพลันล้มลงบนพื้นในทันใด

“ฟุ่บ…….”

เสียงหนักๆ กระทบพื้นดังขึ้นพร้อมฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ร่างกายหัวหน้าชายร่างอ้วนคนนั้นล้มลงด้วยดวงตาเบิกกว้างใบหน้าเขียวคล้ำ ไม่มีโอกาสรอดแม้แต่น้อย

โหยวหย่งก้าวไปด้านหน้าและตรวจสอบดู จากนั้นพบว่าเขาตายแล้ว

“เหอะ……ยานี้ฤทธิ์ร้ายแรงเสียจริง” แม้แต่เขาเองก็ตื่นตระหนกเพราะประสิทธิภาพของยา อีกฝ่ายยังไม่ทันจะตอบสนองก็เสียชีวิตแล้ว

เมื่อเห็นว่าผู้นำตายแล้ว ผู้คนที่เหลือต่างก็อกสั่นขวัญหาย เดิมทีพวกเขารับเงินและทำเรื่องราวเช่นนี้เพราะคิดว่าเรื่องนี้จะง่ายดายเหมือนกับการทุบตีคนเช่นครั้งก่อน ใครจะคาดคิดว่าจะมีคนตายจริงๆ “อย่า……อย่าฆ่าพวกเราเลย พวกเราไม่กล้าแล้ว”

โหยวหย่งมองคนที่เหลืออยู่ด้วยสายตาเยือกเย็นและเอ่ย “ตราบใดที่พวกนายให้ความร่วมมือ พวกนายก็จะไม่เป็นอะไร”

“ตกลง พวกเราจะให้ความร่วมมือ”

คนเหล่านั้นพยักหน้าอย่างเร่งรีบ กลัวว่าพวกเขาจะตายเป็นรายต่อไป

โหยวหย่งเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็พลันเอ่ยกับคนที่เขาหามาในทันที “มัดคนพวกนี้ไว้”

“ครับ”

คนเหล่านั้นรู้สึกว่าผลงานของพวกเขาตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถปกป้องเป้าหมายได้ สุดท้ายแล้วโหยวหย่งก็ต้องออกโรงด้วยตนเองและจบฉากการต่อสู้นี้ ดังนั้นพวกเขารีบมัดคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นมองโหยวหย่งและรอรับคำสั่งถัดไป

เหยาจิ้งจือยังคงตื่นตระหนกและไม่ตอบสนอง ขณะที่เห็นโหยวหย่งก้าวเท้าเข้ามา หล่อนก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อนึกถึงแขนของเหวินเชี่ยนที่ได้รับบาดเจ็บและเหตุการณ์อันตรายเมื่อสักครู่นี้ สุดท้ายจึงเอาชนะความหวาดกลัวภายในใจ ก้าวไปด้านหน้าและเอ่ย “เสี่ยวหย่ง โชคดีที่เธอมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นฉันและเสี่ยวเชี่ยนคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว”

“คุณป้าครับ ผมประมาทเอง เกือบทำให้คุณเผชิญอันตรายแล้ว”

เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนั้นพลันรีบส่ายศีรษะและเอ่ย “เสี่ยวหย่ง เธออย่าพูดแบบนี้ ถ้าไม่มีพวกเธอ ฉันจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน”

เมื่อกล่าวคำพูดสุดท้าย หล่อนก็รีบเอ่ยอีกครั้ง “เสี่ยวเชี่ยนได้รับบาดเจ็บ พวกเรารีบออกไปจากที่นี่เถอะ พาหล่อนไปรักษาแผลก่อน”

เหวินเชี่ยนกลับส่ายศีรษะและกล่าว “คุณป้าคะ ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”

ขณะกล่าว หล่อนหันศีรษะจ้องมองโหยวหย่งพร้อมกับเอ่ย “ทำไมเมื่อกี้นายถึงไม่เข้ามาพร้อมกัน?”

โหยวหย่งไม่ได้กล่าวอะไรและเปิดประตูจากด้านในอย่างแรง จากนั้นหญิงสาวที่ถูกมัดไว้ก็ปรากฏตัวเข้ามาจากด้านนอก เมื่อทุกคนมองอย่างชัดเจนก็พบว่าหล่อนคือเย่เสี่ยวเหอ

“เย่เสี่ยวเหองั้นเหรอ? ทำไมหล่อนถึงมาอยู่ที่นี่?”

เหยาจิ้งจือจ้องมองคนตรงหน้าพลางขมวดคิ้วแน่น จากนั้นไม่นานก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ “ดังนั้น…นี่คือแผนการของพวกเธอสองแม่ลูกสินะ พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ฉันเข้าเมือง จากนั้นก็ให้คนจับตัวฉันไว้ ทำไมพวกเธอต้องทำแบบนี้ด้วย”

ปากของเย่เสี่ยวเหอถูกปิดไว้ หล่อนจึงไม่สามารถพูดได้

โหยวหย่งก้าวมาด้านหน้าและดึงเศษผ้าออกจากปากเย่เสี่ยวเหอ จากนั้นตะคอกเสียงดัง “พูดมา ใครเป็นคนสั่งเธอ?”

เย่เสี่ยวเหอจ้องมองเหยาจิ้งจือด้วยสายตาเยือกเย็นและเอ่ยด้วยสีหน้าร้ายกาจ “เก่งนักนี่เหยาจิ้งจือ เบื้องหน้าพาคนเข้าเมืองมาด้วยคนเดียว แต่เบื้องหลังกลับหาคนคอยปกป้องไว้มากมาย คุณนี่หน้าซื่อใจคดเสียจริง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาจิ้งจือพลันหัวเราะด้วยความโกรธ

“หาว่าฉันหน้าซื่อใจคด แล้วเธอที่จ้างนักฆ่ามาฆ่าคนอื่นเรียกว่าอะไรล่ะ”

เมื่อสักครู่นี้ถ้าไม่ใช่เพราะโหยวหย่งมาทันเวลา หล่อนก็สงสัยว่าตนอาจจะถูกทำร้ายไปแล้ว

เย่เสี่ยวเหอพ่นลมหายใจเย็นชา จากนั้นเบือนศีรษะไปด้านข้างและเพิกเฉยต่อคำถามของเหยาจิ้งจือ

เหยาจิ้งจือเห็นท่าทางเช่นนี้ของเย่เสี่ยวเหอแล้วก็โมโหมาก แต่ตอนนี้หล่อนเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเหวินเชี่ยนมากกว่า จึงมองทางโหยวหย่งและเอ่ย “เสี่ยวหย่ง พวกเราทำแผลให้เสี่ยวเชี่ยนก่อน จากนั้นค่อยพาคนเหล่านี้กลับไป”

โหยวหย่งพยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “ครับ งั้นนำตัวคนเหล่านี้ไปก่อน”

หลังจากผู้คนออกไปจากโกดังขนาดเล็กแห่งนี้ เหยาจิ้งจือก็เห็นว่าด้านนอกนั้นไม่มีใครแล้ว แต่โหยวหย่งกลับส่งเสียงตะโกนไปยังมุมกำแพงด้านข้าง “ใครอยู่ตรงนั้น”

เฉียนกุ้ยจือเดินออกมาด้วยร่างกายสั่นเทา หล่อนเห็นฉากก่ออาชญากรรมกับตาและรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่เมื่อเห็นว่าเหยาจิ้งจือไม่เป็นอะไรก็พลันทอดถอนหายใจอย่างโล่งอกและเอ่ย “จิ้งจือ เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ที่มาช้าเพราะจับนางนกต่อยัยบัวเน่าอยู่นี่เอง คนอย่างเธอต้องเจอมู่หลานจัดการ

ป้าเฉียนนี่ก็โดนซื้อตัวมาหรือเปล่าเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท