ตอนที่ 209 หงเทียนเอิน (2)
ตอนที่ 209 หงเทียนเอิน (2)
เมื่อฉินมู่หลานกลับมายังหมู่บ้าน เซี่ยเหวินปิงเองก็กลับมาแล้ว
“มู่หลาน ฉันไปพบและพูดคุยกับเถี่ยจู้แล้ว เขาโกรธเคืองมากเมื่อได้ยินเรื่องของพวกเรา ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเย่ต้าหย่งนั้นไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านอีกแล้ว ทางด้านเขามีข้อมูลบางอย่างของเย่ต้าหย่ง เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะใช้มัน ตอนนี้เขาโอนอ่อนเพราะคำพูดของฉันแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานพยักหน้าอย่างอดไม่ได้และเอ่ย “พ่อคะ เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมเลย”
เหยาจิ้งจือเป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของฉินมู่หลาน เมื่อเห็นหล่อนกลับมาก็รีบกล่าว “มู่หลาน สถานที่ที่ไปมามันไกลหรือเปล่า เธอเหนื่อยไหม?”
“แม่สบายใจได้ค่ะ ฉันไม่เหนื่อย และครั้งนี้ก็ยังได้เรื่องราวบางอย่างด้วย” ขณะกล่าว เธอกล่าวคำพูดทุกอย่างที่เย่เสี่ยวเหอกล่าวมา สุดท้ายเอ่ย “ตราบใดที่โหยวหย่งและพวกเขาสามารถจับคนสกุลหงคนนั้นได้ พวกเราก็สามารถสืบเรื่องราวเบื้องหลังของคนผู้นี้ต่อไปได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือต่างก็มีความสุขมาก
หากสามารถสืบเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของคนผู้นี้ได้จริงๆ เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาเองก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว
ขณะนี้เซี่ยเจ๋อเหว่ยและหลี่เสวี่ยเยี่ยนได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวแล้ว ทั้งสองคนมองเหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนรนและเอ่ย “พ่อ แม่ ทำไมพวกคุณไม่บอกอะไรกับพวกเราเลย”
เซี่ยเหวินปิงได้ยินคำพูดนี้ก็กล่าวอย่างอดไม่ได้ “พวกเราเองก็ไม่อยากทำให้พวกแกวิตกกังวล อีกอย่างเรื่องนี้ก็มีมู่หลานกับโหยวหย่งและคนเหล่านั้นจัดการแล้ว ดังนั้นพวกแกไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องหรอก”
แม้อันที่จริงพวกเขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ แต่ที่สิ่งควรรู้พวกเขาก็อยากรู้ ต่อให้จะต้องวิตกกังวล พวกเขาเองก็ต้องการแบกรับภาระกับครอบครัวด้วย
หลังจากรู้ความคิดของลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ใหญ่ เซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือก็รู้สึกผิดต่อการกระทำก่อนหน้ามา ครอบครัวเดียวกันไม่ควรปิดบังกัน “เอาล่ะ หากครั้งหน้ามีเรื่องอะไรจะต้องบอกพวกแกอย่างแน่นอน”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยและหลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ต่างก็พยักหน้า หลังรู้ว่าครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านเองก็มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย จึงรู้สึกโกรธเคืองมาก
“ทำกันเกินไปแล้ว ตอนนั้นเย่เสี่ยวเหอก็ก่อเรื่องราวมากมาย ครั้งนี้ยังต้องการทำร้ายครอบครัวของพวกเราอีก พวกเขาจะรังแกครอบครัวของพวกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไรกัน เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยไว้แบบนี้ได้จริงๆ”
เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย เซี่ยเจ๋อเหว่ยมองเซี่ยเหวินปิงและเอ่ย “พ่อ ผมคิดว่าพ่อน่าจะพูดคุยเรื่องของเย่ต้าหย่งกับเหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านนะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของลูกชายคนโต นัยน์ตาของเซี่ยเหวินปิงเป็นประกายและเอ่ย “ความคิดนี้ใช้ได้ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยนึกถึงผู้อาวุโสเหล่านี้เลย”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเช่นกันและกล่าว “ใช่ เราทำเช่นนี้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็เล่าเรื่องเย่เสี่ยวเหอพาคนมาทุบตีพ่อของฉันรวมถึงเรื่องที่ต้องการลักพาตัวแม่สามีด้วยต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขากระอัก”
อีกด้านหนึ่ง เย่เสี่ยวเหอ โหยวหย่งและพวกของเขาก็ได้ตรงไปยังลานบ้านทางตะวันออกของตัวเมือง
สถานที่แห่งนี้เย่เสี่ยวเหอใช้ความพยายามอย่างหนักหน่วงในการสอบถาม อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ หล่อนก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย เพราะคนด้านในไม่ได้บอกหล่อนเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ตอนนี้กลับมาโดยพลการ อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสงสัย
โหยวหย่งได้ยินเช่นนี้กลับเอ่ยในทันใด “ไม่ต้องสนใจหรอก เธอเดินตรงไปเคาะประตูเลย”
เมื่อเห็นเย่เสี่ยวเหอลังเล โหยวหย่งก็เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ให้เธอเข้าไปก็เข้าไปซะ จำไว้ หากเธอกล้าพูดผิดแม้แต่คำเดียว ฉันจะทำให้เธอตายอยู่ที่นี่ ดังนั้นตอนนี้เธออยากตายหรือว่าอยากพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”
เมื่อเห็นท่าทางนี้ของโหยวหย่ง เย่เสี่ยวเหอก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้พูดจริงทำจริง ยิ่งไปกว่านั้นตนเองยังถูกนังแพศยาฉินมู่หลานวางยาพิษ นอกจากยอมให้ความร่วมมือ หล่อนก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว
“ฉันเข้าใจแล้ว”
เย่เสี่ยวเหอพยายามสงบสติอารมณ์อย่างสุดความสามารถ จากนั้นเดินไปเคาะประตู
“ใคร?” หงเทียนเอินเอ่ยถามด้วยสีหน้าระแวดระวัง
“ฉันเองค่ะ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หงเทียนเอินเองก็ฟังออกว่าเป็นเสียงของเย่เสี่ยวเหอ เขาเดินมาเปิดประตูและเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย “เธอมาที่นี่ได้อย่างไร แล้ว……เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันอาศัยอยู่ที่นี่”
เย่เสี่ยวเหอรีบเอ่ยอธิบาย “ครั้งก่อนคุณบอกว่าคุณอาศัยอยู่ทางทิศตะวันออก ดังนั้นฉันก็เลยสอบถามบ้านแถวนี้ เพราะฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อกับคุณอย่างไร”
ตอนนั้นพวกเขาคิดว่าเรื่องนี้จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นตามแผนการเดิมก็คือหลังพวกเขาจับเหยาจิ้งจือได้แล้วก็จะนำตัวหล่อนไปยังลานกว้างรกร้างแห่งหนึ่งทางตอนใต้ เมื่อตกดึกคนผู้นี้ก็จะไปหาพวกเขา ดังนั้นพวกเขาไม่รู้ว่าจะติดต่อกับคนผู้นี้อย่างไร
หลังได้ฟังคำพูดของเย่เสี่ยวเหอ แม้ว่าหงเทียนเอินจะรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยังเชื่ออยู่บ้าง จากนั้นเขาก็เอ่ยถามว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น เมื่อได้ยินว่าคนเหล่านั้นทั้งหมดถูกจับกุมตัว สีหน้าของเขาพลันดุร้ายเป็นอย่างมาก
“ไอ้พวกสวะ”
เย่เสี่ยวเหอกัดริมฝีปากด้วยความอัปยศอดสู แต่ขณะนี้หล่อนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงแค่แสดงละครเท่านั้น “ฉัน……พวกฉันเองก็ไม่คาดคิด ทว่าผู้หญิงคนนั้น……”
คำพูดนี้ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ โหยวหย่งก็พาคนบุกเข้ามา
หงเทียนเอินระมัดระวังเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่ามีคนบุกเข้ามา เขาก็ปิดประตูโดยไม่คิด
แต่เย่เสี่ยวเหอมือไวกว่า หล่อนใช้มือสกัดกั้นไว้
หงเทียนเอินย่อมไม่หยุดการกระทำนั้นและยังคงฝืนปิดประตู
“กรี๊ด……”
เย่เสี่ยวเหอรู้สึกเพียงว่าแขนของตนเองกำลังจะหักแล้ว แต่ขณะนี้โหยวหย่งและคนอื่นได้ก้าวเท้าไปด้านหน้า จากนั้นก็ถีบเปิดประตู
“ทำอะไร พวกนายเป็นใคร?”
โหยวหย่งและพรรคพวกไม่กล่าวอะไร พวกเขายังคงเคลื่อนไหวไปด้านหน้าอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อจับกุมผู้คน
หงเทียนเอินมีทักษะการชกต่อยอยู่บ้าง ดังนั้นเขารีบต่อต้านด้วยความรวดเร็ว
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับโหยวหย่ง ทักษะอันน้อยนิดของเขาก็เป็นเพียงเพลงมวยที่สวยแค่กระบวนท่าแต่ไม่สามารถใช้งานจริง ดังนั้นจึงถูกจับด้วยความรวดเร็ว
ขณะนี้หงเทียนเอินพลันมีปฏิกิริยาตอบรับ เขาจ้องมองเย่เสี่ยวเหอด้วยสายตาเหี้ยมโหดและกล่าว “นังแพศยา กล้ารวมมือกับพวกเขามาจับกุมฉัน”
เขาคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตนเองจะตกอยู่ภายในเงื้อมมือของหญิงสาวชนบท
ตอนแรกที่เขาพบกับเย่เสี่ยวเหอ เขารู้ว่าหล่อนนั้นมีความแค้นต่อตระกูลเซี่ย ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนเป็นเพียงแค่หญิงสาวชนบทคนหนึ่ง เขาจึงไม่เคยเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา คิดแค่เพียงอยากใช้เงินและจ้างคนทำงาน สุดท้ายเพียงพริบตาหญิงสาวชนบทคนนี้ก็ทรยศเขา
“ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก”
หงเทียนเอินไม่รับฟัง ภายในหัวใจรู้สึกเกลียดชังเย่เสี่ยวเหอมาก
โหยวหย่งเองก็ไม่ได้สนใจการทะเลาะเบาะแว้งของสองคนนี้ เขามัดคนผู้นี้ไว้ที่ด้านหน้าลานกว้าง
เขาปล่อยให้ทุกคนคอยเฝ้าดูหงเทียนเอินและเย่เสี่ยวเหอ จากนั้นตนเองก็กลับไปยังหมู่บ้านชิงซาน
ฉินมู่หลานเห็นว่าโหยวหย่งกลับมาแล้วจึงรีบเอ่ยถาม “เป็นอย่างไรบ้าง เจอคนผู้นั้นแล้วหรือเปล่า?”
โหยวหย่งพยักหน้าและกล่าว “จับกุมตัวแล้ว แต่ผมไม่มีเวลาสอบถามสถานการณ์ที่แน่ชัด ดังนั้นก็คิดว่าจะมาบอกพวกคุณก่อน”
“ค่ะ ลำบากคุณแล้ว”
“พี่สะใภ้ ไม่ลำบากเลยสักนิดเดียว อย่างไรก็ตามผมยังไม่วางใจเรื่องของทางนั้น ดังนั้นผมขอตัวก่อน”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าและเอ่ย “ตกลง ฉันจะไปดูพรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่”
หลังจากรู้ว่าหงเทียนเอินถูกจับตัวแล้ว ฉินมู่หลานพลันทอดถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
เนื่องจากค่ำคืนนี้ของหมู่บ้านซิงชานได้ปรากฎคลื่นยักษ์ใต้น้ำ ผู้คนจำนวนมากจึงนอนไม่ค่อยหลับ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จับตัวได้แล้วจะทำยังไงกับคนพวกนี้ต่อน้า ส่วนนังบัวเน่านี่ขอให้ติดคุกยาวๆ ไปเลย
ไหหม่า(海馬)