เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร – ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

เสียงนกและกลิ่นหอมของแมกไม้นานาพันธุ์ ทิวทัศน์สวยงามตระการตา โอบล้อมด้วยภูเขาและสายน้ำ บ้านเรือนชนบทเรียงรายต่อกันอยู่ในหมู่บ้านตงเจียวอันห่างไกล ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ตีห้า ฟ้าสว่างสลัวๆ บริเวณตีนเขาปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านมีกลุ่มควันลอยคละคลุ้งออกมา งดงามดุจดั่งแดนสวรรค์บนดิน

“พ่อ ผมลวกบะหมี่เสร็จแล้ว พ่อรีบมากินเถอะ”เซี่ยหยางเดินออกมาจากห้องครัว แล้วนั่งลงบนเก้าอี้บริเวณลานในบ้าน เขาเปลี่ยนมาสวมรองเท้าทหารจีน แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะไปจัดการสวนไร่นั้นเอง พ่ออยู่บ้านรักษาตัวไปนะ”

เซี่ยซานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่าโทรมนำผ้าขนหนูไปตากไว้บนราวไม้ไผ่ แล้วหัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า“หยางจื่อเอ้ย ก็แค่สอบเข้ามหาลัยไม่ผ่านเองไม่ใช่หรอ แค่อ่านหนังสือแล้วสอบใหม่ก็ได้แล้วนิ่ แกกลับมาเอาแต่เฝ้าตาแก่อย่างฉันแล้วดูแลไร่ผืนนี้จะไปมีอนาคตอะไร?”

“สามารถดูแลพ่อได้นั่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว”เซี่ยหยางฉีกยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า“พ่อกินตอนที่ยังร้อนๆเถอะ ฉันจะไปที่ไร้แล้ว ตอนเที่ยงค่อยกลับมา”

พูดจบ เซี่ยหยางก็หยิบเตรียมอาหาร ตรงเอวมีเคียวด้ามหนึ่งพกไว้ สวมหมวกฟาง เอาจอบแบกขึ้นบ่าแล้วเริ่มออกเดินทางทันที

เซี่ยซานมองดูแผ่นหลังของลูกชายที่เดินไปไกลแล้ว แล้วหันกลับมามองดูโรคไขข้อที่ขาได้มาจากการทำงานตรากตรำมานานหลายปี น้ำตาของเขาไหลรินลงมาทันที

“โอ้โห นี่เป็นเจ้าอัจฉริยะเซี่ยที่บอกว่าจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาแบกจอบแบกเสียมทำไร่แบบนี้ได้ล่ะ?”

“ก็แค่ไอ้ขยะอัจฉริยะของหมู่บ้านเจียวตงเอง สุดท้ายก็สอบเข้าไม่ได้จนต้องกลับมาทำไร่ทำสวนไม่ใช่หรอ?”

“พวกแกจะไปรู้อะไร เขาแค่มาเรียนรู้การใช้ชีวิตแค่นั้นเอง”

ระหว่างทางที่เดินในถนนของหมู่บ้าน ได้ยินเสียงของคนในชุมชนหลายคนที่ตื่นแต่เช้าตั้งใจพูดเสียงดังขึ้นเพื่อพูดประชดเหน็บแนมตนเอง สาดเกลือลงบนแผลของตนเอง เซี่ยหยางถือจอบที่อยู่ในมือแน่น พยายามอดกลั้นโทสะไว้ เดินตรงไปยังไร่ของบ้านตนเอง

“โฮ่งๆ!”หลังจากผ่านไปเจ็ดแปดนาที เซี่ยหยางพึ่งมาถึงไร่ของตนเอง ก็ได้ยินเสียงของเจ้าฉายร้องเสียงดังขึ้น

“เจ้าฉาย อ่ะ”เซี่ยหยางหยิบถุงพลาสติกที่มีกระดูกหลายชิ้นกับข้าวเปล่าเทใส่ในชามข้าวของวูล์ฟด็อก วูล์ฟด็อกตัวนี้ซื้อมาด้วยเงินห้าร้อยหยวนเพื่อใช้เฝ้าสวนผักผืนนี้

พอเห็นเจ้าฉายกินอาหารพลางส่ายหัวกระดิกหางไปมาอย่างมีความสุข เซี่ยหยางก็จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบหนึ่งม้วน แล้วเริ่มทำงาน

ที่ดินผืนนี้ของตระกูลเซี่ยมีความกว้างประมาณสองหมู่ (หมู่ คือหน่วยวัดพื้นที่ของจีน โดย1 หมู่= 1/15 เฮกตาร์ หรือ 1 หมู่= 0.416667 ไร่)ช่วงหลายปีมานี้ล้วนปลูกแต่มะเขือเทศ ค่าใช้จ่ายของทั้งครอบครัวส่วนมากมาจากที่ดินผืนนี้ เดิมทีรายได้ไม่เลวนัก แต่เพราะแม่ต้องมาเสียไปเพราะอาการป่วยหนัก และหลังจากที่พ่อป่วยเป็นโรคไขข้ออักเสบจนทำให้แทบทั้งช่วงท่อนล่างอยู่ในอาการอัมพาต เนื่องจากละเลยจัดการ จึงทำให้ไร่มะเขือเทศเหี่ยวเฉา รายได้ก็ได้ไม่เท่าเมื่อก่อน สถานการณ์ในครอบครัวจึงลำบากยากเข็ญขึ้น

นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำไมเซี่ยหยางไม่เลือกที่จะสอบเข้าใหม่

เขาจัดการกิ่งก้านที่เหี่ยวแห้งทิ้งไปบางส่วนก่อน หลังจากนั้นก็ทำการกำจัดวัชพืช พอทำงานพวกนี้เสร็จแล้ว เขาเดินเข้าไปในกระท่อมหยิบถังน้ำออกมาเดินไปที่บริเวณริมแม่น้ำทำการหาบน้ำขึ้นมาทำการรดน้ำ

ภายใต้โทสะแห่งความไม่พอใจ เซี่ยหยางทำงานอย่างหนักและรวดเร็ว ที่ดินสองหมู่ใช้เวลาไม่ถึงเที่ยงก็สามารถทำเสร็จทั้งหมด เขานั่งก้นจ้ำเบ้าข้างๆเจ้าฉาย จุดบุหรี่ขึ้นสูบ มองดูมะเขือเทศลูกน้อยใหญ่สีเขียวสลับสีแดงแตกต่างกันไป แล้วเหม่อมองชมสวนมะเขือเทศสีแดงสดที่อยู่ในหมู่บ้านข้าง ๆ บริเวณฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ทำให้ทันใดนั้นเขารู้สึกพ่ายแพ้

ไม่ได้ เราจะต้องปลูกบางอย่างเพิ่ม ขายให้ได้เงินเยอะหน่อยเพื่อพาพ่อไปหาหมอให้ได้!

พอคิดได้ดังนั้น เซี่ยหยางก็ทิ้งก้นบุหรี่ หยิบจอบเดินไปที่ที่ดินผืนเล็กอีกผืนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลบ้านของตนเองที่ถูกทิ้งร้างมาเกินครึ่งปีแล้ว เขาเตรียมจะพรวนดินให้เสร็จ ตอนบ่ายจะไปซื้อเมล็ดผักในเมืองกลับมาปลูก

“ฟึบ!”

“ฟึบ!”ทุกครั้งที่ขุดลงไป เซี่ยหยางรู้สึกได้ระบาย เสียงโลหะกระทบอย่างหนักกับดินทำให้เขารู้สึกสบายใจมาก จึงทำให้ออกแรงขุดมากยิ่งขึ้น

“แคร้ง!”มีเสียงโลหะกระทบกันอย่างดังจนแสบแก้วหู การขุดคราวนี้จอบไม่ได้ขุดจนสุด จอบกลับถูกเด้งออกมา ทำให้เซี่ยหยางรู้สึกปวดมาก

“ก้อนหิน?อะไรเนี่ย?”เซี่ยหยางมองดูจอบที่บิ่นไปแวบหนึ่ง เขาโยนจอบทิ้งไป คุกเข่านั่งลงบนพื้นอย่างสงสัยแล้วยื่นมือออกไปตะกุยดินออกสองสามครั้ง แล้วนำสิ่งของที่กระทบกับจอบมาวางบนมือ

ที่เป็นหยกสีเขียวสลับขาวก้อนหนึ่ง ใหญ่ประมาณหนึ่งเซนติเมตร ขนาดครึ่งหนึ่งของซองบุหรี่ มันดูอ่อนโยนเมื่อลูบคลำอยู่ในมือ

วัสดุชิ้นนี้ แม้แต่จอบก็ไม่สามารถกระแทกแหลกได้ อีกทั้งยังไม่มีร่องรอยใดๆทั้งสิ้น!ดูๆไปแล้วเป็นอัญมณีชิ้นหนึ่งที่มีความแข็งแรงกว่าเหล็ก!

เซี่ยหยางรู้สึกตื่นเต้นมาก มองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาเห็นเพียงด้านบนของอัญมณีแกะสลักด้วยภาพวาดทิวเขาและสายน้ำอยู่บนนั้น บนท้องฟ้ายังมีนกหลายตัวโผบิน ลายชัดเจนละเอียด แกะสลักได้เหมือนจริงมาก!

สถานที่งดงามขนาดนี้ สวยกว่าแดนสวรรค์เสียอีก!เซี่ยหยางมองดูมันอย่างเคลิบเคลิ้ม ถ้าหากเข้าไปอยู่ในนั้นได้คงจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอุราเลยล่ะ

“หืม?ทำไมรู้สึกมึนจัง?”เซี่ยหยางรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาหลับตาลงส่ายหัวไปมาเพื่อบรรเทาอาการเวียนหัว แล้วค่อยลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สีหน้าท่าทางเหมือนเห็นผีก็ไม่เชิง

แต่ไหนแต่ไรมาเซี่ยหยางเป็นคนที่พูดคำหยาบน้อยมาก แต่สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้มันเกินจินตนาการ เขาป้าปากค้างใหญ่มาก แล้วค่อยๆพ่นคำสบถออกมาว่า“เยสเข้!”

เห็นเพียงแค่เซี่ยหยางอยู่ในพื้นที่แปลกๆไม่คุ้นเคย ยืนอยู่บนผืนหญ้าสีเขียวอมน้ำเงินผืนหนึ่ง บริเวณไม่ไกลนักมีแมกไม้นานาพันธุ์ที่เขาเรียกไม่ถูก อากาศของที่มีกลิ่นอายความหอมอันเบาบาง ตรงหน้าไม่ไกลจากเขามีน้ำตกเล็กๆอยู่จุดหนึ่ง นกหลายตัวที่เขาไม่รู้จักชื่อของมันบินว่อนไปมาอยู่ด้านบน ทั้งหมดนี้ช่างสวยงามและกลมกลืนกัน ราวกับดินแดนแห่งสรวงสวรรค์

ภาพนี้ เหตุใดถึงได้เหมือนกับภาพแกะสลักที่อยู่บนหยกก้อนนั้นเลยล่ะ?

หรือตัวเองถูกดูดเข้ามาในหยกแล้ว?

ซวยแล้วๆ เขาคงไม่ได้ตายไปแล้วหรอกนะ?

“ขอโทษนะครับ มีใครอยู่ไหมครับ?”เซี่ยหยางมองไปรอบๆ หลังจากที่ไม่พบสัตว์อันตรายใดๆ ถึงได้เริ่มตะโกนออกไปหนึ่ง

ประโยค ไม่มีใครตอบกลับเขา นอกจากนกหลายตัวที่ถูกทำให้ตกใจจนร้องเสียง‘จิ๊บๆ’แล้วบินหนีไป

“ฉันอยากออกไป!”เซี่ยหยางเริ่มร้องเสียงดัง ตาลาย พบว่าตัวเองกลับมาสู่ผืนไร่ที่บ้านของตัวเองแล้ว แต่กลับยังอยู่ในท่าเดิม!

“เยสเข้ มหัศจรรย์ชะมัดเลย!”เซี่ยหยางมองดูบริเวณรอบๆ ไม่พบใคร เขาบอกให้เจ้าฉายเฝ้าไร่เสร็จ จากนั้นตนก็รีบวิ่งกลับไปยังกระท่อมหลังน้อยแล้ว ล็อกกลอนประตูอย่างแน่นหนา จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบด้วยความรู้สึกตื่นเต้น หลังจากนั้นก็เริ่มคิดขึ้นมาอีกครั้งว่า:ฉันอยากเข้า!

วินาทีต่อมา เซี่ยหยางกลับเข้าไปในโลกแผ่นหยกอีกครั้ง!

“อั้ยหยา เจ็บชะมัดเลย!”ในเวลานี้เองบุหรี่ได้ไหม้โดนนิ้วของเขา เซี่ยหยางร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บแสบ ตามมาด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบ แม้แต่สิ่งของโลกภายนอกยังสามารถนำเข้ามาได้งั้นเหรอ?

ทดลองอีกสองครั้ง ในที่สุดเซี่ยหยางก็มั่นใจแล้วว่า ขอเพียงแค่ตนเองอยากเข้ามา ก็จะสามารถเข้ามาได้ อีกทั้งยังสามารถเอาสิ่งของเข้ามาได้ด้วย!

เซี่ยหยางนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่งข้างๆลำธารในโลกแผ่นหยก เห็นธารน้ำใสที่มองจนเห็นพื้นด้านล่าง เขาจึงสงบลงมา

แม่งเจ้าโว้ย สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้แล้วยังไงล่ะ?ตอนนี้มีสมบัติล้ำค่านี้ ก็สามารถเอาชนะข้อบกพร่องจุดนี้ได้แล้ว

เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เดินไปข้ามแม่น้ำแล้วจัดการวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ทันใดนั้นเองก็พบว่าน้ำแร่ในนี้ช่างเย็นฉ่ำเหลือเกิน อีกทั้งยังมีความหวานจางๆแบบธรรมชาติที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน!

“เชร้ด อร่อยชะมัดเลย!”หลังจากที่เซี่ยหยางพบกับความลับนี้เข้า เขาก็ยื่นปากไปที่ริมธารแล้วจัดการดื่มน้ำแร่ไปอีกหนึ่งอึกใหญ่ จนกระทั่งเขาเกิดอาการสะอึกจนดื่มต่อไม่ไหวแล้ว ถึงได้นั่งลงพักตรงริมธารด้วยความอิ่มเปรม

ให้เจ้าฉายลองดูหน่อยไหม?

พอคิดได้ดังนั้น เซี่ยหยางก็พาเจ้าฉายเข้ามายังโลกแผ่นหยกนี้ด้วย เจ้าฉายเป็นวูล์ฟด็อกตัวหนึ่ง ที่จมูกดีกว่าสุนัขพื้นเมืองทั่วไปมาก พอเข้ามาถึงโลกด้านใน มันก็เงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ตาลงมองดู มันสูดอากาศอย่างตะกละตะกลามเป็นเวลาสองนาที หลังจากนั้นจึงเริ่มกางเท้าออกและพุ่งเข้าหาผีเสื้อบนสนามหญ้าราวกับเป็นเด็กน้อย

“สัตว์อย่างแกก็มีความรู้สึกด้วยงั้นเหรอ?”เซี่ยหยางตำหนิพลางหัวเราะแล้วตามขึ้นไป“อย่าวิ่งไปไกลนักนะ!”

ผ่านไปครู่หนึ่ง โลกแผ่นหยกทั้งใบก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของทั้งคนและสัตว์

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หลังจากที่เล่นกันจนเหนื่อยแล้ว เจ้าฉายก็วิ่งไปดื่มน้ำที่ริมลำธาร มันเองก็ถูกรสชาติของลำธารดึงดูดเช่นกัน ดื่มจนเท้าสี่ข้างชี้ฟ้า แล้วถึงได้หันกลับมานอนข้างๆเซี่ยหยางอย่างขี้เกียจ

คนหนึ่งคนสุนัขหนึ่งตัวนอนลงที่ริมแม่น้ำและงีบหลับในยามบ่าย ทันใดนั้นเซี่ยหยางก็ตื่นขึ้นมา เมื่อเขาดูเวลา บ่ถึงได้รู้ว่านี่พึ่งบ่ายสองโมง เขากลับไปที่สวนผักของเขา มองดูเวลาอีกครั้ง ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาไม่พบว่ามีเหตุการณ์ตำนานเรื่อง ขึ้นไปยังขุนเขาเพียงแค่วันเดียว บนโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงนับพันปี ถึงได้วางใจลง

พอกลับเข้ามาในโลกแผ่นหยก เซี่ยหยางก็พาเจ้าฉายเดินลึกเข้าไปในดงป่า เขาอยากรู้ว่าในนี้กว้างแค่ไหน

พอเดินไปได้ห้าหกนาที ผ่านดงป่าไป ผืนนาอันอุดมสมบูรณ์อยู่ตรงหน้าของเขา ในผืนนาเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี เซี่ยหยางคาดคะเนว่า ขนาดน่าจะประมาณสองหมู่

“เจ้าฉาย ไปกันเถอะ เราไปดูที่อื่นๆกัน!”เซี่ยหยางพาเจ้าฉายเดินไปยังป่าอีกด้านของทุ่งนา เดินลัดเลาะไปมาก็วกกลับมายังริมลำธารเล็กอีกครั้ง!

“เชร้ด ผีอำรึไงวะ?”เซี่ยหยางตกใจอีกครั้ง เขาเดินตรงไปเรื่อยๆไม่ใช่เหรอ เหตุใดถึงได้กลับมายังที่เดิมอีก?

เขามองดูตำแหน่งของพระอาทิตย์ที่อยู่ด้านบนหัว แล้วพาเจ้าฉายเดินทะลุผ่านป่าไปอย่างเต็มไปด้วยความแปลกใจ สิ่งที่อยู่ในสายตาของเขาในตอนนี้นั่นก็คือผืนนาอันอุดมสมบูรณ์สองหมู่ ทุ่งนาอันอุดมสมบูรณ์ด้านตรงข้ามป่าไม้เรียงรายกันเป็นแถว เขามองดูป่าที่อยู่ด้านหลังของเขา แล้วมองดูป่าที่อยู่ตรงข้ามอีกครั้ง โครงสร้างของต้นไม้ระหว่างสองป่านี้ค่อนข้างที่จะเหมือนกัน เพียงแต่ จากที่ผ่านการวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ยังคงพบว่ามีรายละเอียดบางจุดที่ไม่เหมือนกันเล็กน้อย

เซี่ยหยางเดินไปยังข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เดินไปด้วยเหลียวหลังมองด้วย รอจนเขาเดินผ่านป่าไปแล้ว ถึงได้งงเป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง เพราะว่าเขากับเจ้าฉายกลับมายังริมธารน้อยอีกแล้ว!

ผ่านการทดลองมาหลายครั้ง ในที่สุดเซี่ยหยางก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า ด้านในนี้เป็นจักรวาลวนเวียนไปมาขนาดเล็ก หยกส่วนใหญ่มาจากเงื้อมมือของเซียนผู้มีอิทธิฤทธิ์ แต่กลับตกลงมาอยู่บนโลกมนุษย์อย่างไม่ระวัง ไม่รู้ว่ามันถูกซ่อนอยู่ในดินมาเป็นเวลานานแค่ไหนแล้ว ในที่สุดก็ได้เห็นแสงเห็นตะวัน

ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นเซี่ยหยางรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขารีบพาเจ้าฉายออกไปจากโลกแผ่นหยกอย่างรีบร้อน หลังจากนั้นก็วิ่งไปยังห้องน้ำทันที การถ่ายหนักคราวนี้ติดต่อกันถึงยี่สิบนาที ถ่ายจนเขารู้สึกสบายตัวมาก สิ่งที่ไม่สามารถทนได้นั่นก็คือกลิ่นเหม็นเน่าที่เขาไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน

ออกมาจากห้องน้ำเดินไปยังผืนไร่ เซี่ยหยางตกใจพบว่าเจ้าฉายเองก็ถ่ายอุจจาระกองหนึ่งบนพื้นมีลักษณะสีดำเหมือนของตัวเอง

เซี่ยหยางขยับร่างกายอันเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง กลับมาครุ่นคิด หรือจะเป็นเพราะดื่มน้ำแร่นั่นเข้าไป?

ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ คาดว่าน้ำแร่เซียนนั่นต้องล้างสิ่งปฏิกูลที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างกายออกไป ไม่อย่างนั้นเหตุใดตนเองถึงได้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขนาดนี้?!

“เจ้าฉาย พรุ่งนี้ฉันค่อยพาแกเข้าไปนะ”เซี่ยหยางครุ่นคิดเล็กน้อย หลังจากที่ทิ้งพูดทิ้งไว้หนึ่งประโยค ก็รีบสาวเท้ากลับไปบ้านของตนอย่างรวดเร็ว

ครั้งนี้เขารู้สึกดีใจมากจริงๆ ระหว่างทางที่เดินท่าทางของเขายังเปลี่ยนไปจากเดิม บนใบหน้าของเซี่ยหยางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลังเหยียดตรง เห็นผู้คนก็พยักหน้าทักทาย ซึ่งมันทำให้ชาวบ้านบางคนถึงกับแอบคาดเดาในใจ

จบกัน เจ้าเด็กตระกูลเซี่ยคนนี้ คงไม่ได้เป็นบ้าไปแล้ว เพราะสอบไม่เข้าหรอกนะ?

เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร

เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร

Status: Ongoing

ที่ดินหลายไร่ เด็กในสังกัดเป็นโขยง เวลาทำสวนยุ่ง ผมดื่มโค๊กม่อสาวสวย เวลาไม่ยุ่ง พาสาวสวยเหล้าดอง อย่าขยับ สาวสวย ทำไมฟักทองอ่อนไปอยู่หน้านมหนูได้ล่ะ เงินทอง ที่ดิน สวน สาวสวย ราวกับสายน้ำพุ่งทะลักเข้ามาเป็นระลอกๆ พอกะลิ้มกะเหลี่ยอยู่ร่ำไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท