ตอนที่ 214 เผชิญหน้า
ตอนที่ 214 เผชิญหน้า
เหยาจิ้งจือมองตรงไปยังนายท่านเหยากับคุณนายเหยา ก่อนจะเอ่ยพูดคำต่อคำ “สองคนนี้เป็นคนร้ายที่เป็นตัวการทำให้ฉันหลงทางในตอนนั้นค่ะ”
“อะไรนะ…”
เมื่อนายท่านเหยากับคุณนายเหยาพูดแบบนี้ สายตาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่นานนัก สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นโกรธจัดอีกครั้ง
“จิ้งจือ ลูกพูดจริงเหรอ ลูกโดนสองคนนี้พาตัวไปตั้งแต่แรกเหรอ ถ้าอย่างนั้นสองคนนี้ก็คงเป็นผู้ค้ามนุษย์สิ เรื่องนี้ต้องมีสืบสวนอย่างละเอียด แล้วรวบจับพวกมันให้ได้ทั้งหมดในคราวเดียว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็เม้มปากไม่พูดอะไร
สิ่งแรกที่พ่อกับแม่นึกถึงคือพวกค้ามนุษย์ ไม่ได้คิดเป็นอื่นไปเลย พวกเขาไม่คิดสงสัยเรื่องการหายตัวไปของตนเลยสักนิดเหรอ
“เหอะ…นายท่านเหยา คุณนายเหยาคะ พวกเราเข้าไปคุยกันค่ะ”
ฉินมู่หลานแค่นหัวเราะทำลายความเงียบ จากนั้นก็มองไปที่โหยวหย่งแล้วพูดว่า “พาสองคนนั้นเข้ามาด้วยค่ะ”
“ได้ครับ พี่สะใภ้”
โหยวหย่งแสยะยิ้มก่อนจะไปลากตัวหงเทียนเอินกับหงเทียนซื่อสองพี่น้องเข้ามา จากนั้นก็หันไปยกยิ้มแล้วพูดกับนายท่านเหยาและคุณนายเหยา “นายท่าน คุณนาย พวกเราก็เข้าไปกันเถอะครับ”
นายท่านเหยาเคยเจอโหยวหย่งกับคนอื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว ตอนแรกเขาสนใจเพียงลูกสาว จึงไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้เมื่อมองดูอย่างรอบคอบแล้วจึงได้พบว่าคนพวกนี้ไม่ธรรมดาเลย
แต่เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว เขาก็อยากที่จะทราบว่าตอนนั้นลูกสาวพลัดหลงไปได้ยังไง
หลังจากที่กลุ่มคนเข้าไปในห้องโถงแล้ว เหยาจิ้งถงก็รีบวิ่งเข้าไปเหมือนกัน
ข้างนอกมีความเคลื่อนไหวมากมาย แน่นอนว่าหล่อนได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้ว หลังจากที่เข้ามาแล้วเห็นเหยาจิ้งจือกำลังนั่งอยู่ในท่าสงบเสงี่ยม ดวงตาของหล่อนก็ฉายแววมืดมน แต่ไม่นานก็เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “พี่คะ พวกพี่มากันแล้วเหรอ ทำไมไม่บอกกันก่อนล่วงหน้าล่ะ ที่บ้านจะได้เตรียมอาหารจานโปรดให้พี่สักหน่อย”
เหยาจิ้งจือจ้องมองเหยาจิ้งถงอย่างเย็นชา ไม่ได้คิดใส่ใจความรู้สึกเลยสักนิด มองข้ามไปอย่างไม่ใยดี
เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือเป็นแบบนี้ ความโกรธก็แวบผ่านเข้ามาในตาของเหยาจิ้งถง แต่หล่อนไม่ได้แสดงมันออกมาบนใบหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับคุณนายเหยาด้วยท่าทางประหม่า “แม่คะ พวกพี่เพิ่งกลับมาคงจะทั้งหิวทั้งเหนื่อย เดี๋ยวฉันจะรีบไปเข้าครัว แล้วเตรียมของอร่อยให้พวกเขานะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณนายเหยาก็หันมองเหยาจิ้งจือแล้วเอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “จิ้งจือ ทำไมลูกถึงได้เมินน้องล่ะ”
เหยาจิ้งจือได้ยิน ก็ได้เห็นแววตาประหลาดใจของคุณนายเหยา และน้ำเสียงของหล่อนก็เริ่มเย็นชามากขึ้นขณะที่เอ่ย “ฉันไม่มีน้องสาวค่ะ”
“จิ้งจือ…”
“แปะ แปะ แปะ…”
ถึงอย่างไร คุณนายเหยายังไม่ทันเอ่ยจบ ก็โดนเสียงปรบมือของฉินมู่หลานขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน เธอหันมองเหยาจิ้งถงด้วยสายตาขบขันก่อนจะเอ่ยขึ้น “เป็นการแสดงออกที่ดีเลยค่ะ ติดที่ท่าทางของคุณมันข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง มันก็เลยขัดตานิดหน่อยน่ะค่ะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานพูดจาไม่ไว้หน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเหยาจิ้งถงก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
“มู่หลาน เธอหมายความว่ายังไง พวกเธอกลับมาครั้งนี้ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้กันล่ะ”
คุณนายเหยาที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วแล้วมองแม่สามีกับลูกสะใภ้ รู้สึกว่าวันนี้พวกเธอเปลี่ยนไปมาก
เหยาจิ้งจือไม่อยากจะมาเสียเวลากับเหยาจิ้งถง ชี้ไปที่สองพี่น้องหงเทียนเอินกับหงเทียนซื่อแล้วพูดขึ้น “สองคนนี้ร่วมมือกับยินอวี่โหรว จงใจทำให้ฉันหายตัวไปตั้งแต่ตอนเด็ก เพื่อจะได้ให้เหยาจิ้งถงเข้ามาอยู่ในตระกูลเหยาและเป็นคุณหนู เพราะฉะนั้นเรื่องที่ฉันหายตัวไปในตอนเด็กเป็นการร่วมมือกันของคนพวกนี้ค่ะ”
“อะไรนะ…”
คุณนายเหยาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกไม่ค่อยเชื่อสักเท่าใด “เรื่องนี้จะเป็นไปได้ยังไง?”
นายท่านเหยาขมวดคิ้วนิดหน่อย เขาจ้องมองหงเทียนเอินกับหงเทียนซื่อด้วยสีหน้าสงสัย
เหยาจิ้งถงได้ยินเรื่องนี้ก็ใจเต้นรัว แต่ภายนอกชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ “พี่คะ พี่อย่าพูดให้ร้ายคนอื่นสิ คุณน้าไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”
“เหอะ…คุณน้าอะไร เห็นได้ชัดว่าหล่อนเป็นแม่แท้ ๆ ของเธอ พวกเธอสองคนแม่ลูกพยายามต่อสู้เพื่อความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่ง แล้วยังพยายามอย่างหนักจริง ๆ ด้วย”
“พี่พูดไร้สาระ มันไม่เคยมีเรื่องแบบนั้น”
เหยาจิ้งถงปฏิเสธหัวชนฝา จากนั้นก็หันมองนายท่านเหยากับคุณนายเหยาอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้น “พ่อคะ แม่คะ ไม่รู้ว่าพี่ไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน แล้วตอนนี้ยังมาพูดใส่ร้ายฉันกับคุณน้าอีก เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเลยนะคะ”
นายท่านเหยาไม่พูดอะไร แต่ถึงอย่างไรคุณนายเหยาก็หันไปมองแล้วเอ่ยถามเหยาจิ้งจือ “จิ้งจือ ลูกไปฟังใครเขามา? ใช่สองคนนั้นที่ลูกพาตัวมาหรือเปล่า? พวกลูกตรวจสอบดีแล้วเหรอ? พวกเขาสองคนเป็นพวกค้ามนุษย์นะ ถ้าอย่างนั้นคำพูดของพวกเขาคงเชื่อถืออะไรไม่ได้หรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าเขาเหยาจิ้งจือก็เย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ หันไปจ้องมองคุณนายเหยาทันที ก่อนจะเอ่ย “เพราะว่า…แม่เชื่อคำพูดของเหยาจิ้งถง แต่ไม่เชื่อคำพูดของฉันใช่ไหมคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวเป็นแบบนี้ คุณนายเหยาก็รู้สึกตกใจ
คุณนายเหยารู้สึกเสียใจเรื่องลูกสาวแท้ ๆ อยู่ตลอด หลังจากได้หล่อนคืนกลับมาก็พยายามชดเชยให้ และลูกสาวก็สนิทกับพวกเขามาก แต่ตอนนี้สีหน้าของลูกสาวกลับเปลี่ยนไป ทำให้นางรู้สึกสับสนไปเล็กน้อย
“จิ้งจือ แม่ไม่ได้หมายความแบบนั้น”
แต่ถึงอย่างไร เหยาจิ้งจือก็เอ่ยอย่างเย็นชา “ไม่ค่ะ แม่หมายความแบบนั้นนั่นแหละ”
แม้เหยาจิ้งจือจะคิดแผนการมาเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเห็นคุณนายเหยาเป็นแบบนี้ หล่อนก็เสียความรู้สึกนิดหน่อย
แต่ไม่เป็นไร พวกเขามีพยานปากถึงสองคน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็ชี้ไปที่หงเทียนซื่อแล้วพูดขึ้น “คนนี้ เป็นชู้รักของยินอวี่โหรว ทั้งสองคนแอบคบกันมานานแล้ว พอมีเรื่องที่ยินอวี่โหรวไหว้วานขอให้เขาทำ เขาก็ยอมทำตลอด ยินอวี่โหรวเป็นคนบอกให้เขาหาทางพาฉันไป เพราะฉะนั้นตอนที่พี่เลี้ยงพาฉันออกไปข้างนอกแล้ว ฉันก็โดนหงเทียนเอินน้องชายของเขาพาตัวออกจากเมืองหลวงไป”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ นายท่านเหยาก็มองตรงไปที่หงเทียนซื่อแล้วพูดขึ้น “เป็นแกกับน้องชายนี่เองที่พาลูกสาวฉันไป พวกแกทำได้ดีเลยนี่ แล้ว…แกกับยินอวี่โหรวคบหากันตั้งแต่ตอนไหน?”
คุณนายเหยารู้สึกตกใจขณะที่ได้ยินคำพูดของนายท่านเหยา อดไม่ได้ที่จะยกมือป้องปาก ก่อนจะพูดขึ้น “นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ หลังจากสามีของยินอวี่โหรวประสบอุบัติเหตุ หล่อนก็คิดถึงสามีที่จากไปอยู่ตลอด จะไปคบชู้สู่ชายแบบนี้ได้ยังไงกัน”
ฉินมู่หลานขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดเธอก็มองออกว่านายท่านเหยารู้สึกสงสัยยินอวี่โหรว แต่เป็นเพราะคุณนายเหยาที่เชื่อในตัวน้องสาวมาก หล่อนทำหน้าที่เป็น ‘พี่สาว’ ที่ดีจริง ๆ ดีกว่าการปกป้องลูกสาวของตัวเองเสียอีก
“คุณยายคะ มันแน่นอนอยู่แล้วค่ะ เพราะเรื่องนี้หงเทียนซื่อยอมรับด้วยตัวเอง” หลังจากพูด ฉินมู่หลานก็หันมองโหยวหย่ง
และโหยวหย่งก็คว้ากระชากหัวของหงเทียนซื่อ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตอนนี้แกก็พูดเรื่องที่ตกลงกับยินอวี่โหรวเสียสิ”
“ผม…”
ก่อนที่หงเทียนซื่อจะทันได้เอ่ยปาก เสียงหัวเราะก็ดังมาจากทางประตู
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้คึกครื้นกันนักล่ะ” ขณะเอ่ย ยินอวี่โหรวก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาล่ะ วันนี้จะกระชากหน้ากากนางเฒ่าสารพัดพิษได้สำเร็จไหมนะ
ไหหม่า(海馬)