ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 219 เอาใจออกห่าง(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 219 เอาใจออกห่าง(2)

ตอนที่ 219 เอาใจออกห่าง(2)

หลายปีนี้ ผู้อาวุโสทั้งสองค่อนข้างดีกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงประหยัดค่าใช้จ่ายของต่าง ๆ ได้มากมาย เพราะสามารถนำสิ่งของพวกนี้ออกไปได้ด้วย แน่นอนว่าพวกเขาต้องเอามันไปด้วยอยู่แล้ว

เหยาอี้หนิงเห็นเริ่นม่านลี่ออกไปแล้ว นัยน์ตาก็เกิดหมอกพร่ามัวแวบขึ้นมา แต่หลังจากที่อารมณ์เย็นลงแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วหันไปพูดกับนายท่านเหยา “คุณตาครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอไปเก็บของก่อนนะครับ”

หลังจากพวกเขากลับไป เริ่นม่านลี่ก็เก็บของอย่างเอาเป็นเอาตาย หล่อนเก็บของมีค่าทั้งหมด ขณะเดียวกันก็วางแผนเรื่องอนาคตของตัวเองไปด้วย

เหยาอี้หนิงกำลังจะโดนไล่ออกจากตระกูลเหยา เขาจึงไม่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว หล่อนจึงคิดไปถึงเรื่องหย่าร้าง โชคดีที่พวกเขายังไม่มีลูก ไม่อย่างนั้นคงลำบากมากกว่าเดิมนิดหน่อย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เริ่นม่านลี่ก็รีบเร่งมือตัวเอง

“เริ่นม่านลี่ คุณรีบร้อนอยากจะไปอย่างนั้นเหรอ”

เหยาอี้หนิงเห็นเริ่นม่านลี่มีท่าทางเช่นนี้ จึงรู้สึกราวกับมีไฟลุกโชนอยู่ในใจ

เริ่นม่านลี่แค่นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะพูดขึ้น “เหยาอี้หนิง คุณไม่ได้กำลังเพ้อฝันอยู่หรอกใช่ไหม คิดว่าตัวเองยังจะมีหน้าอยู่ต่อได้อีกเหรอ ไม่ต้องคิดไปถึงเรื่องที่ยินอวี่โหรวกับเหยาจิ้งถงทำหรอก การที่นายนายท่านเหยาไม่ได้ว่าอะไรคุณเลยถือว่าเขาเมตตาคุณมากแล้ว แต่คุณยังจะมีหน้าอยากอยู่ต่ออีก เลิกฝันกลางวันได้แล้ว”

“แก…แกนังสารเลว เห็นฉันจนตรอกสิ้นหวัง ก็มาประชดประชันใส่กันเหรอ”

เริ่นม่านลี่ก็ไม่ปฏิเสธ ก่อนจะเงยหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ ฉันกำลังถากถางประชดประชันคุณ ดูถูกคุณ”

เมื่อเห็นท่าทางของเริ่นม่านลี่ เหยาอี้หนิงก็ชี้หน้าหล่อนทันที จากนั้นก็เดินออกไป แล้ววางแผนจะไปคุยกับคุณนายเหยา

เฝ้ามองร่างของเหยาอี้หนิงที่กำลังเดินจากไป เริ่นม่านลี่ก็แค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะรำพึงขึ้น “ยังคิดว่าตัวเองเป็นนายน้อยตระกูลเหยาอยู่อีกเหรอ ไม่เข้าใจอะไรเสียเลย”

เริ่นม่านลี่มีนิสัยยึดหลักความเป็นจริง

หล่อนจะปรับตัวไปตามสถานการณ์ปัจจุบันตรงหน้า แล้วคิดให้เกิดผลประโยชน์แก่ตนมากที่สุด หล่อนไม่ต้องการแต่งงานกับชายหนุ่มที่มีฐานะต่ำต้อยที่ครอบครัวเคยหามาให้ จึงได้มาเจอเหยาอี้หนิง เพียงแต่สายตาของหล่อนย่ำแย่มาก ถึงได้มาเจอของปลอมเข้า

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เริ่นม่านลี่ก็แทบจะสบถด่า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือหล่อนต้องเตรียมเก็บของ

อีกด้านหนึ่ง หลังจากเหยาอี้หนิงเดินออกจากห้องไปก็มุ่งหน้าไปหาคุณนายเหยาทันที

คุณนายเหยาได้ยินเสียงของเหยาอี้หนิงก็รีบหันไปหาทันที ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกใจ “อี้หนิง หลานกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เหยาอี้หนิงเห็นคุณนายเหยาก็อดแววตาแดงก่ำไม่ได้ “คุณยายครับ คุณตาอยากให้ผมออกไปจากบ้าน แต่ผมไม่ได้รู้เรื่องที่แม่กับคนอื่นทำเลยนะครับ ผมก็ไม่รู้เรื่องที่คุณยายทำด้วย เรื่องพวกนี้ต้องเหมารวมถึงผมด้วยเหรอ?”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ คุณนายเหยาก็รีบปลอบใจ “อี้หนิง ยายเข้าใจว่าหลานบริสุทธิ์ ตอนนั้นแม่ของหลานก็ยังเด็กอยู่ แล้วนับประสาอะไรกับหลานกันล่ะ”

เหยาอี้หนิงได้ยินเช่นนี้ ก็เอ่ยต่อ “แต่ว่าคุณยาย คุณตาบอกให้ผมออกไปทันที คุณยาย…ทุกคนไม่ต้องการผมแล้วเหรอ ผมอยู่กับตระกูลเหยามาตั้งแต่เล็กจนโต คิดว่าพวกท่านเป็นตายายแท้ ๆ ของผมมาโดยตลอด แต่ทุกอย่างมันกลับเป็นเรื่องไม่จริง”

เมื่อเห็นดวงตาของเหยาอี้หนิงแดงก่ำจนแทบจะร้องไห้ คุณนายเหยาก็อดที่จะตาแดงก่ำด้วยเสียไม่ได้

เหยาอี้หนิงคือหลานชายที่พวกเขาเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต นางจึงต้องรู้สึกรักและผูกพันอยู่แล้ว

เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของคุณนายเหยา เหยาอี้หนิงก็พยายามต่อ “คุณยายครับ เห็นได้ชัดว่าผมไม่รู้เรื่องออะไรด้วยเลย แต่ดูเหมือนว่าคุณตาก็ยังโทษผมอยู่”

“อี้หนิง ยายเข้าใจว่าหลานไม่รู้เรื่องด้วย แกก็อย่าเพิ่งกังวลไปเลยนะ”

หลังจากคุณนายเหยาคิดแล้วคิดอีกก็เอ่ยพูดขึ้นว่า “อี้หนิง หลานกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวยายจะไปช่วยพูดกับตาให้นะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาอี้หนิงก็น้ำตาร่วง “คุณยายครับ คุณยายดีกับผมจัง”

หลังจากเหยาอี้หนิงไปแล้ว คุณนายเหยาก็ไปพบนายท่านเหยา

“ตาเฒ่า อี้หนิงเด็กคนนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย คุณไม่ควรจะไปโทษเขาในสิ่งที่เหยาจิ้งถงกับยินอวี่โหรวทำ พวกเราเองก็เฝ้าดูเด็กคนนั้นเติบโตมา คุณไล่เขาไปได้ลงคอจริง ๆ เหรอ”

เมื่แอได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของนายท่านเหยาก็มืดมนลงทันที

“เหยาอี้หนิงไปหาคุณมาใช่ไหม”

คุณนายเหยารีบส่ายหน้าแล้วเอ่ยบอก “ไม่ใช่ ฉันรู้ว่าอี้หนิงกับม่านลี่สองคนนั้นกลับมาแล้ว ก็เลยอยากจะมาคุยกับคุณ”

“ไม่ต้องคุยแล้ว พวกเขาสองสามีภรรยายังไงก็ต้องออกไป ไม่อย่างนั้นจิ้งจือจะคิดอย่างไร”

“แต่อี้หนิงบริสุทธิ์จริงนะ”

ทันทีที่คุณนายเหยาเพิ่งพูดจบ เหยาจิ้งจือก็เข้ามาพอดี หล่อนได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่หมดแล้ว จึงมองคุณนายเหยาด้วยสายตาที่เย็นชากว่าเดิม

เมื่อคุณนายเหยาเห็นเหยาจิ้งจือ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด

แต่นายท่านเหยาได้แต่รู้สึกหดหู่ ไม่รู้ว่าลูกสาวจะได้ยินสิ่งที่แม่เฒ่าเพิ่งพูดอะไรออกไปมากน้อยแค่ไหน

“นายท่านคะ ฉันแค่จะมาหา อาหลี่กับมู่หลานอยากจะไปเยี่ยมพ่อบุญธรรมของพวกเขา ครอบครัวของพวกเราเลยกำลังเตรียมตัวไปบ้านตระกูลเจี่ยงค่ะ”

เมื่อพูดจบ เหยาจิ้งจือก็หันหลังเดินไปโดยไม่หันกลับไปมอง

“จิ้งจือ…”

นายท่านเหยาเห็นดังนี้ ก็รีบเอ่ยเรียกทันที แต่เหยาจิ้งจือก็ไม่มีท่าทางว่าจะหยุด

เมื่อเห็นเช่นนี้ นายท่านเหยาก็หันไปมองคุณนายเหยาด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทั้งหมดเป็นเพราะคุณแท้ๆ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ลูกสาวได้ยินซะแล้ว ทีนี้สมานฉันท์กันยากแล้วล่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท