ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 223 ไม่มีใจ(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 223 ไม่มีใจ(2)

ตอนที่ 223 ไม่มีใจ(2)

เวินเนี่ยนอันขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะเดินกลับไปโดยไม่สนใจอะไรอีก

ฉินมู่หลานไม่ได้รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เธอพักผ่อนสักครู่หนึ่ง เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็จัดบ้านเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

“มู่หลาน เธออยากกินอะไรไหม เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอเดี๋ยวนี้เลย”

“แม่คะ แม่กับพ่อทำงานมาทั้งวันแล้ว ไม่ต้องทำอาหารแล้วล่ะค่ะ วันนี้เราไปกินข้าวที่โรงอาหารกันเถอะ จะได้ไม่เปลืองแรงตัวเอง”

เหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้ ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “ทำเองก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนะ”

“แม่คะ ฉันไม่ได้รู้สึกอยากกินอะไรเป็นพิเศษค่ะ ไปตักข้าวที่โรงอาหารกลับมาเถอะค่ะ”

เพิ่งพูดจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับมาแล้ว ในมือถือกล่องข้าวอลูมิเนียมเอาไว้อยู่หลายใบ “พ่อครับ แม่ครับ ผมเอาอาหารมาแล้ว ไม่ต้องทำกับข้าวแล้วครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็อดยิ้มแล้วเอ่ยเสียไม่ได้ “อาหลี่ แกกับมู่หลานคิดเหมือนกันเลย หล่อนเพิ่งบอกว่าให้ไปเอาข้าวที่โรงอาหารมาเหมือนกัน”

จากนั้นทุกคนก็นั่งลงกินข้าวที่เซี่ยเจ๋อหลี่นำมา พร้อมกับเกี๊ยวที่เวินเนี่ยนอันนำมาให้ เป็นมื้ออาหารที่ค่อนข้างอิ่มหนำสำราญเลยทีเดียว

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นเกี๊ยว จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เกี๊ยวนี่ใครเอามาให้เหรอ?”

ถ้วยชามดูไม่เหมือนของที่บ้าน ดังนั้นต้องเป็นของคนนอกเอามาให้แน่นอน

“เวินเนี่ยนอันเอามาฝาก”

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วบอกกล่าว ขณะเดียวกันก็พูดถึงเซี่ยอวี่หรงด้วย “เพื่อนสนิทของเนี่ยนอันก็มาด้วย ชื่อเซี่ยอวี่หรง ฉันไม่เคยเจอหล่อนมาก่อนเลย”

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินชื่อเซี่ยอวี่หรง สีหน้าของเขาก็ยับย่น

ฉินมู่หลานมองอาการของเซี่ยเจ๋อหลี่ออกอยู่แล้ว จึงอดขมวดคิ้วขึ้นเสียไม่ได้ “คุณรู้จักเซี่ยอวี่หรงใช่ไหมคะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็พากันหันไปมองเขา เพราะเซี่ยอวี่หรงช่างงดงามและทันสมัย หากลูกชายรู้จักสนิทชิดเชื้อกับหล่อน แล้วมู่หลานจะคิดอย่างไร

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นคนในครอบครัวดูมีทีท่ากังวลและยังมีข้อสงสัย เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และเอ่ยบอกตามตรง “เซี่ยอวี่หรงเป็นเพื่อนสนิทของเวินเนี่ยนอัน ตอนที่เคยมาหาเนี่ยนอัน ก็ได้เจอกันแล้ว แต่วิธีการพูดและท่าทางของสหายหญิงคนนั้นทำให้ผมรู้สึกรำคาญนิดหน่อย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมถึงทำให้แกรำคาญได้ล่ะ?”

“ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทของเนี่ยนอัน แต่ผมดูออกว่าหล่อนไม่ได้สนใจเนี่ยนอันมากขนาดนั้น ขณะเนี่ยนอันปฏิบัติต่อเซี่ยอวี่หรงดีมากมาตลอด และเซี่ยอวี่หรงก็ชอบไปอยู่ตรงที่เราฝึกบ่อย ๆ ด้วย ทำให้กระทบกับการฝึกของพวกเรา”

เพราะในทีมเต็มไปด้วยชายหนุ่ม เมื่อได้เห็นสาวสวยเช่นนี้จะไม่เหลียวมองได้อย่างไร แล้วหล่อนยังมาเสนอหน้าตอนกำลังฝึกซ้อมอีก เซี่ยเจ๋อหลี่จึงไม่ค่อยชอบเซี่ยอวี่หรงมากนัก

“อุ๊บ…”

ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินเรื่องแบบนี้ เธอเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ยังไม่เข้าใจแบบนี้ ก็อดจะส่ายหัวไม่ได้ ก่อนจะบอกกล่าว “คนโง่ เซี่ยอวี่หรงมาที่นี่เพื่อจะได้เจอคุณ ไม่ได้มาเพื่อดูพวกทหารลูกทีมคุณฝึกหรอก”

สุดท้ายเธอก็เข้าใจว่าทำไมเซี่ยอวี่หรงถึงมองเธอแปลก ๆ แบบนั้น คงเป็นเพราะเธอเป็นภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่กระมัง เลยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอิจฉาริษยา

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนี้ จึงรีบพูดทันที “ไม่มีทาง”

แม้เหยาจิ้งจือจะคิดว่าสิ่งที่ฉินมู่หลานพูดนั้นถูกต้อง แต่ก็กลัวว่าลูกสะใภ้จะเข้าใจผิด จึงรีบเอ่ยรวบรัด “มู่หลาน บางทีเธออาจะเข้าใจผิดไปก็ได้ แต่ถึงเรื่องนั้นจะเป็นความจริง แต่นั่นมันก็ผ่านมานานแล้วนะ อย่าโมโหไปเลย”

เซี่ยเหวินปิงก็เอ่ยพูดอยู่ไม่กี่คำเช่นกัน ขณะเดียวกันก็หันมองลูกชายคนเล็กอีกครั้ง

เซี่ยเจ๋อหลี่ตอบโต้ค่อนข้างช้า เซี่ยอวี่หรงอาจจะสนใจตนเองจริง เพราะนอกจากจะเสนอหน้ามาเดินให้เห็นตามท้องถนนแล้ว ยังนำขนมอร่อย ๆ มาฝากด้วย แล้วยังชวนเขาออกไปกินข้าว เพียงแต่เขาปฏิเสธหมดทุกทาง

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รีบบอกกล่าวทันที “มู่หลาน คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ผมเกลียดเซี่ยอวี่หรงคนนั้นจริง ๆ หล่อนเคยจะให้ของผม แต่ผมก็ปฏิเสธหมดเลยนะ”

“อ๋อ…ยังมีให้ของด้วย”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงขมวดคิ้วแล้วจ้องมองเซี่ยเจ๋อหลี่

เซี่ยเจ๋อหลี่อดตบปากตัวเองเสียไม่ได้ ทำไมเขาถึงพูดมากเช่นนี้ อย่าทำให้มู่หลานเข้าใจผิดสิ “มู่หลาน ผมปฏิเสธหมดเลย พวกคุกกี้ที่หล่อนทำแล้วแบ่งมาให้อะไรพวกนั้น ผมก็ไม่ได้ชอบเลยสักนิด”

เหยาจิ้งจือกลัวฉินมู่หลานจะเข้าใจผิด จึงรีบบอกกล่าว “ใช่แล้วมู่หลาน เธออย่าเข้าใจอาหลี่ผิดไปเลยนะ เขาพูดมาหมดแล้ว ก็หมายความว่าคงเกลียดเซี่ยอวี่หรงจริงนั่นแหละ”

“แม่คะ ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้เข้าใจผิดอะไรหรอกค่ะ แล้วอาหลี่ของเราก็ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้วด้วย เป็นธรรมดาที่จะมีหญิงสาวพากันชอบเขา ฉันเข้าใจดีทุกอย่าง นอกจากนี้ฉันก็แต่งงานกับอาหลี่แล้ว ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ได้เข้าใจผิด เหยาจิ้งจือก็รู้สึกโล่งใจ

แต่เมื่อคิดถึงตอนที่เซี่ยอวี่หรงกับเวินเนี่ยนอันมาที่บ้านด้วยกันก็อดขมวดคิ้วเสียไม่ได้

“เซี่ยอวี่หรงคนนั้นนี่ยังไงกัน หล่อนเป็นเพื่อนของเนี่ยนอัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้สิว่าอาหลี่แต่งงานแล้ว แล้วทำไมถึงยังมาที่บ้านนี้ด้วยกันอีกล่ะ”

“แม่คะ พวกเขาแค่เอาเกี๊ยวมาฝากฉันค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานดูมีเหตุผลมาก เหยาจิ้งจือก็ได้แต่รู้สึกว่าลูกสะใภ้ของตนช่างแสนดีเหลือเกิน

ในตอนนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“เซี่ยอวี่หรงอยู๋ในทีมธรณีวิทยา คอยวิ่งตามทีมไปทุกที่ ครั้งนี้ก็คงหยุดแค่ไม่กี่วัน เดี๋ยวก็น่าจะกลับแล้ว ทุกคนจะได้ไม่ต้องเจอหล่อนอีก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็รู้สึกโล่งใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

แต่หล่อนก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง “ดูไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเซี่ยอวี่หรงจะอยู่ทีมธรณีวิทยา เพราะแม่สาวคนนั้นเขาแต่งตัวดูทันสมัยมาก หน้าตาก็สะสวย ดูไม่เหมือนเจ้าหน้าที่ทีมธรณีวิทยาเลยจริง ๆ”

“อันที่จริงเซี่ยอวี่หรงไม่ใช่นักวิจัยอะไรหรอก เป็นแค่พนักงานทั่วไปที่อยู่ในทีมธรณีวิทยา ที่เธอเข้าร่วมทีมธรณีวิทยาได้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเส้นสายของครอบครัว” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เอ่ยอีกสองสามคำ “เซี่ยอวี่หรงมาจากตระกูลเซี่ยที่อยู่ในเมืองหลวง คุณนายเซี่ยที่พวกเราเคยเจอคือคุณย่าของหล่อนครับ”

“เป็นหลานสาวของคุณนายเซี่ยนี่เอง”

เหยาจิ้งจือรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ตัวหล่อนเองไม่ค่อยชอบคุณนายเซี่ยนั่นมากนัก หญิงชราคนนั้นเคยดูถูกหล่อนว่าเติบโตมาในชนบท หล่อนจึงรู้สึกว่าไม่สามารถเข้ากับกลุ่มชนชั้นสูงในเมืองหลวงได้เลย และไม่อยากกลับบ้านตระกูลเหยาเสียด้วยซ้ำ แถมไม่ได้ใส่ใจคุณนายเซี่ยแห่งตระกูลเซี่ยอะไรนั่นด้วย เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

ฉินมู่หลานก็ไม่ค่อยประทับใจคุณนายเซี่ยสักเท่าใด จึงไม่พูดอะไรมากนัก ก่อนจะมองทั้งสามคนแล้วพูดขึ้น “เอาเถอะค่ะแม่ พวกเรารีบกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นชืดหมด”

“ใช่ กินข้าว”

หลายคนเริ่มรับประทานอาหารกันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง หลังจากกินเสร็จ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ยังต้องออกไปทำงานต่อ ส่วนฉินมู่หลานกับคนอื่นคิดจะอยู่บ้านพักผ่อน

“พ่อ แม่ มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ”

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไป ก็มุ่งหน้าตรงไปที่สนามฝึก แต่ออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้เจอหน้าเซี่ยอวี่หรงแบบตัวต่อตัว

เพิ่งคุยเรื่องเซี่ยอวี่หรงไปเมื่อตอนกินข้าวกลางวัน จึงได้ทราบว่าเซี่ยอวี่หรงอาจกำลังสนใจตัวเอง เซี่ยเจ๋อหลี่จึงก้าวเดินต่อไป มุ่งตรงไปข้างหน้า

เพียงแต่เซี่ยอวี่หรงขวางทางเซี่ยเจ๋อหลี่เอาไว้ทันที

“สหายเซี่ย ในที่สุดก็ได้เจอกันอีก”

เซี่ยเจ๋อหลี่ปรายตามองเซี่ยอวี่หรงด้วยท่าทางเฉยเทย ก่อนจะพูดขึ้น “สหายเซี่ย ผมมีงานต้องทำ รบกวนคุณหลีกทางด้วย”

เซี่ยอวี่หรงไม่ยอมหลีกทางให้ ก่อนจะจ้องมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วพูดขึ้น “สหายเซี่ย ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย”

…………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ไม่เอาน่า อย่ามาเป็นมือที่สามครอบครัวเขาสิ ต่อให้เธอชอบเขาก่อนแต่เขาก็ไม่ได้ชอบเธอ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท