ตอนที่ 224 เธอคิดว่าเธอเป็นใคร(1)
ตอนที่ 224 เธอคิดว่าเธอเป็นใคร(1)
เซี่ยเจ๋อหลี่จ้องมองเซี่ยอวี่หรงที่กำลังขวางทาง ใบหน้าก็ยับยู่ขึ้นนิดหน่อย
“สหายเซี่ย ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ”
เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของเซี่ยเจ๋อหลี่ เซี่ยอวี่หรงก็อดเม้มปากของตัวเองเสียไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมัวลังเล
เป็นเพราะก่อนหน้านี้หล่อนเคยกังวลใจ ไม่ได้รุกมากพอ ช่วงระหว่างที่ไปเป็นกองหนุน เซี่ยเจ๋อหลี่จึงแต่งงานไปแล้ว แถมยังมีลูกใกล้คลอดแล้วด้วย หล่อนจึงไม่สามารถทนเป็นเหมือนเดิมได้อีก
“สหายเซี่ย ฉันได้ยินมาว่าแม่ของนายเจอพ่อแม่แท้ ๆ แล้ว ขอแสดงความยินดีกับพวกนายด้วยนะ ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่านายท่านเหยาจะเป็นคุณตาของนาย ตระกูลเซี่ยกับตระกูลเหยาของพวกเราติดต่อกันบ่อย หลังจากนี้พวกเราก็คงจะได้เจอกันบ่อยขึ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่าทางของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนจะเอ่ยพูดเสียงเบา “ขอบคุณ แต่พวกเราคงไม่ได้เจอกันหรอก เพราะเธอต้องเดินทางตลอด”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยอวี่หรงก็เอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าทันทีหลังจากได้ยินเช่นนั้น “สหายเซี่ย นายไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก ฉันได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ไม่ต้องคอยวิ่งตะลอนไปแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดขมวดคิ้วเสียไม่ได้ แต่ท่าทางของเขาก็ยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยน
“ยินดีกับเธอด้วย แต่ฉันอยู่ที่ฐานทัพมากกว่า พวกเราคงไม่ได้เจอกันบ่อยหรอก”
เซี่ยอวี่หรงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอก ต่อไปอาจจะได้เจอกันบ่อยขึ้น จริงสิ เอาไว้นายไปเมืองหลวง เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงข้าวพวกนายเอง”
“ไม่ต้องหรอก พวกเรายังไม่แน่ใจว่าจะกลับไปเมืองหลวงอีกไหม นอกจากนี้พวกเราก็ไม่ได้รู้จักกันขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาเลี้ยงอาหาร”
เซี่ยเจ๋อหลี่รู้สึกได้ว่าตัวเขาเองแสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว แต่เซี่ยอวี่หรงดูเหมือนจะทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วชวนคุยต่อไป
“ตอนนี้แม่ของนายเจอพ่อแม่แท้ ๆ แล้ว ถ้าอย่างนั้นต่อไปพวกนายก็ต้องไปอยู่ที่ปักกิ่งใช่ไหม จริงสิ ภรรยาของนายมาจากหมู่บ้านเดียวกันไม่ใช่เหรอ ถ้าต่อไปพวกนายมาอยู๋ที่ปักกิ่ง ภรรยาของนายก็คงต้องอยู่ไกลบ้าน คงไม่ค่อยได้เจอครอบครัวของหล่อนอีก”
หฃังจากเอ่ยจนจบ เซี่ยอวี่หรงก็เอ่ยถามด้วยความกังวลอีกครั้ง “คุณตาของนายยอมรับภรรยาของนายเหรอ มีข้อกังขาอะไรในตัวภรรยาของนายไหม”
ถึงแม้ว่าเซี่ยอวี่หรงจะไม่ได้เอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็จับจุดคำพูดของหล่อนได้ เมื่อฟังความหมายที่ซ่อนเอาไว้ออกก็หมายความว่าพ่อแม่ของแม่เขาเป็นคนตระกูลใหญ่มีชื่อเสียง แต่มู่หลานมาจากชนบท ซึ่งบ่งบอกได้ว่าทั้งสองไม่เหมาะสมกัน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ท่าทางของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เริ่มแข็งกระด้าง
“ครอบครัวของพวกเราไม่เคยคิดจะไปอยู่ที่ปักกิ่งต่อให้มีเหตุต้องไปก็ตาม อย่างไรฉันก็จะตามมู่หลานกลับไปที่บ้านเกิดอยู่เป็นครั้งคราว เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่ใช่ปัญหา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยอวี่หรงก็กำหมัดแน่น สายตาดูมืดมนลง
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เหมือนจะรักใคร่ภรรยาของตัวเองมาก และคอยปกป้องฉินมู่หลานอยู่เสมอ หล่อนก็ได้แต่ไม่เข้าใจว่าฉินมู่หลานมีอะไรดีตรงไหน “ตอนนี้นายต่างจากเมื่อก่อนแล้วนะ เป็นหลานชายของนายท่านเหยา ด้วยพื้นเพของภรรยานายแล้วอาจทำให้คนอื่นมีข้อกังขาในตัวหล่อนได้”
หล่อนกลับมาครั้งนี้ แน่นอนว่าได้ยินเรื่องข่าวคราวของตระกูลเหยาด้วย แล้วก็ทราบว่าตอนนี้นายท่านเหยายอมรับเพียงลูกสาวแท้ ๆ แล้ว นั่นหมายความว่ามรดกทั้งหมดอาจจะตกเป็นของเหยาจิ้งจือ เช่นนั้นต่อไปมันต้องเป็นของเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างแน่นอน ตระกูลเหยาเป็นเช่นนี้ แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ได้พบผู้หญิงจากชนบท หากพูดออกสื่อคงมีแต่คนหัวเราะเยาะ
“เซี่ยอวี่หรง ไม่ใช่กงการอะไรของคุณที่จะต้องมายุ่งเรื่องครอบครัวของเรา เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ทำเหมือนตัวเองเป็นต้นหอม*ไปได้”
*真把自己当根葱 เป็นแสลง แปลว่าสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านเกินเหตุ /สาระแน
“นาย…เซี่ยเจ๋อหลี่ ทำไมนายถึงพูดแบบนี้”
เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองเซี่ยอวี่หรงด้วยสายตาเฉียบคมก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันพูดผิดตรงไหน เธอไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย ทำไมต้องมาชี้นิ้วเจ้ากี้เจ้าการเรื่องครอบครัวฉันด้วย เอาตัวเองให้รอดเถอะ”
ในตอนนี้ เซี่ยอวี่หรงแทบจะร่ำไห้ แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่เคยต้องเจอความคับข้องใจเช่นนี้มาก่อนเลย
แต่ถึงอย่างนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่ได้มีทีท่าจะสงสารเลย เห็นเซี่ยอวี่หรงมีอาการเช่นนี้ก็ได้แต่รู้สึกขยะแขยง
“วันนี้ที่เธอมาหาฉัน ก็เพราะอยากจะรู้ว่าฉันสนใจเธอบ้างหรือเปล่าสินะ แต่ฉันขอบอกเอาไว้ให้ชัดเจนเลยว่า ฉันไม่เคยสนใจเธอเลยสักนิด ไม่ว่าจะอดีต ตอนนี้ หรือต่อไปในอนาคต ฉันไม่มีทางหลงรักผู้หญิงอย่างเธอเด็ดขาด เพราะฉะนั้นต่อไปอย่าได้เสนอหน้ามาอยู่ตรงหน้าฉันอีก”
เมื่อพูดจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ก้าวเดินต่อไปโดยไม่หันกลับมาเหลียวแลเซี่ยอวี่หรงที่อยู่ข้างหลังอีกเลย
ส่วนเซี่ยอวี่หรงในตอนนี้ก็รู้สึกสับสนไปหมด
หล่อนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างล่องลอย ภายในใจเต็มไปด้วยคำพูดอันแสนเหี้ยมโหดของเซี่ยเจ๋อหลี่ที่เพิ่งพูดไป
ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ ถึงขั้นบอกว่าจะไม่มีวันชอบผู้หญิงแบบตัวเอง ตัวหล่อนในสายตาของเซี่ยเจ๋อหลี่คืออะไรกันแน่ เขาถึงได้ไม่ชอบหล่อน ถึงแม้จะเป็นในตอนที่แม่ของเขายังไม่ได้กลับเข้าตระกูลเหยา เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เซี่ยอวี่หรงก็รู้สึกโมโห แต่เซี่ยเจ๋อหลี่เดินไปไกลแล้ว หล่อนก็ทำได้เพียงกลับไปก่อน
เวินเนี่ยนอันเห็นเซี่ยอวี่หรงกลับมาด้วยท่าทางมึนงงสับสน จึงรีบเอ่ยถาม “อวี่หรง เกิดอะไรขึ้น ทำไมทำหน้าตาบูดแบบนั้นล่ะ”
ตอนนี้เซี่ยอวี่หรงอารมณ์เสียมาก กำลังมองหาคนพูดคุยเพื่อระบายด้วย จึงเล่าบทสนทนาของหล่อนกับเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไป จากนั้นก็พูดต่อ “เซี่ยเจ๋อหลี่ทำเกินไปแล้ว เขาเป็นคนแบบนี้เองเหรอ”
“อะไรนะ…เธอไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่มาเหรอ ฉันบอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเซี่ยเจ๋อหลี่แต่งงานและกำลังจะมีลูก เธอควรตัดใจได้แล้ว ทำไมเธอถึงยังไปหาเขาอีก”
เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิท เซี่ยอวี่หรงก็ยิ่งขุ่นเคืองมากขึ้น
“เนี่ยนอัน เธอไม่เข้าข้างฉันเลยเหรอ เธอไม่ใช่เพื่อนรักของฉันแล้ว ฉินมู่หลานนั่นมีอะไรดี ก็แค่ผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมพวกเธอสองคนถึงได้เข้าข้างกันนักหนา”
เวินเนี่ยนอันกล่าวอย่างอดทน “มันไม่ใช่เรื่องว่าเข้าข้างใคร ตอนนี้พี่สะใภ้เป็นภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว และหล่อนก็กำลังตั้งท้องด้วย เธอไม่ควรจะเข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา”
“ฉันทำลายตรงไหน เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อเซี่ยเจ๋อหลี่ เซี่ยเจ๋อหลี่มีภรรยาแบบนั้น มันไม่ได้ช่วยอะไรต่อตัวเขาเลย”
เวินเนี่ยนอันมองเพื่อนสนิทที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาประหลาดใจ ได้แต่รู้สึกว่าหล่อนไม่เหมือนคนเดิมที่เคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว
“อวี่หรง ทำไมเธอถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา”
เซี่ยอวี่หรงบอกกล่าวตามตรง “ฉันพูดผิดตรงไหน ฉันทำเพื่อเซี่ยเจ๋อหลี่จริง ๆ”
“เธอ…”
เวินเนี่ยนอันจ้องมองเซี่ยอวี่หรงอย่างละเอียด อยู่ ๆ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย
เซี่ยอวี่หรงเห็นเวินเนี่ยนอันมีท่าทางเช่นนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจ นอกจากนี้ยังไม่มีเหตุผลอะไรให้หล่อนอยู่ที่นี่ต่อแล้วด้วย จึงเอ่ยปากขึ้นในที่สุด “เนี่ยนอัน ฉันจะกลับปักกิ่งพรุ่งนี้”
หากเป็นเมื่อก่อน เวินเนี่ยนอันคงเซ้าซี้ให้หล่อนอยู่ต่อ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เซี่ยอวี่หรงเพิ่งพูด หล่อนจึงไม่อาจเอ่ยปากรั้งได้จริง ๆ จึงได้แต่พยักหน้าเงียบ ๆ
เมื่อเห็นเวินเนี่ยนอันอยากจะให้ตัวเองกลับไป สีหน้าของเซี่ยอวี่หรงก็มืดมนมากขึ้น สุดท้ายก็กลับไปที่ห้องพักโดยไม่ได้พูดอะไรอีก แถมยังกระแทกประตูอย่างแรงด้วย
ถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยอวี่หรงก็เก็บข้าวของแล้วจากไปทันที
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โดนผู้ด่ามาก็แล้ว เพื่อนเตือนก็แล้วก็ยังไม่ฟัง ยังคิดแต่จะเป็นมือที่สาม ระวังโดนจัดการแบบจัดหนักนะ
ไหหม่า(海馬)