ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 226 แฝดมังกรหงส์(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 226 แฝดมังกรหงส์(1)

ตอนที่ 226 แฝดมังกรหงส์(1)

เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือพูดแบบนั้น ซูหว่านอี๋ก็อดยิ้มไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นฉันจะอยู่ที่นี่สักพัก เอาไว้รอมู่หลานคลอดแล้ว เดี๋ยวฉันก็จะกลับค่ะ”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนญาติสะใภ้แล้ว”

อันที่จริงเหยาจิ้งจือดีใจมากที่ซูหว่านอี๋มาได้ เพราะลูกสะใภ้คนเล็กตั้งท้องลูกแฝด หลังจากที่คลอดแล้ว หล่อนเพียงคนเดียวดูแลคงงานล้นมือ มีซูหว่านอี๋อยู่ด้วยจึงเป็นการดีที่สุด

ฉินมู่หลานเห็นว่าแม่อยากอยู่ด้วยก็รู้สึกดีใจ ขณะเดียวกันก็บอกว่าพรุ่งนี้จะไปโรงพยาบาล

ซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนี้ ก็อดพูดไม่ได้ “แม่มาได้ทันเวลาพอดีเลยใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้แม่จะไปกับพวกลูกด้วย”

หลังจากตกลงเรื่องทุกอย่าง ฉินมู่หลานก็เอ่ยถามอาการของฉินเจี้ยนเซ่ออีกครั้ง

ซูหว่านอี๋ยกยิ้มแล้วรีบเอ่ยบอก “ลูกวางใจได้ พ่อลูกอาการดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ยืนก้าวเท้าบนพื้นได้ไม่กี่ก้าว รออีกสักนิดเดี๋ยวก็หายดี นี่ถ้าไม่ติดว่าขามีปัญหา เขาก็อยากจะมาด้วยเหมือนกัน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ก็ยกยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยถามเรื่องฉินเคอวั่งกับพวกคุณปู่ฉินต่อ

“ทุกคนในบ้านสบายดีกันหมด ลูกไม่ต้องเป็นห่วง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่ถามอะไรอีก

จนกระทั่งเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาแล้วทราบว่าแม่ยายก็มาช่วยดูแลด้วย เขาจึงรีบกล่าวขอบคุณทันที “แม่ครับ ถ้างั้นหลังจากนี้คงต้องลำบากแม่แล้วล่ะครับ”

“มีอะไรให้ลำบากกัน แม่ควรมาคอยช่วยดูแลมู่หลานที่นี่ไม่ใช่เหรอ”

เนื่องจากซูหว่านอี๋มา อาหารเย็นจึงหรูหรามาก หลังจากรับประทานเสร็จ ทุกคนก็ต่างพากันรีบเข้านอน เนื่องจากวันรุ่งขึ้นต้องไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ทิ้งตัวนอนลง เขาก็ไม่กล้าขยับหาฉินมู่หลานมากนัก เนื่องจากกลัวว่าจะไม่ระวังแล้วเผลอไปโดนเธอ “มู่หลาน ตั้งแต่พรุ่งนี้คุณจะพักที่โรงพยาบาลใช่ไหม?”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ ฉันควรจะเข้าไปพักที่โรงพยาบาลตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะครรภ์ฝาแฝดมีแนวโน้มคลอดก่อนกำหนด ถ้าพักอยู่ที่โรงพยาบาลก็จะปลอดภัยกว่า”

ได้ยินแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ อยู่โรงพยาบาลคงดีกว่า รอผมทำงานเสร็จจะไปหาคุณที่โรงพยาบาลนะ”

“ตกลงค่ะ”

ฉินมู่หลานรู้สึกง่วงนิดหน่อยระหว่างที่พูดคุยกับเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงผล็อยหลับไป

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเสียงกรนเบา ๆ ดังมาจากด้านข้าง จึงทราบว่ามู่หลานหลับไปแล้ว เขาหันไปมองใบหน้าแสนนุ่มนวลที่กำลังหลับไหลของฉินมู่หลาน และอดไม่ได้ที่จะสัมผัสแก้มของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยเสียงกระซิบ “มู่หลาน ขอบคุณคุณมากนะ”

ยิ่งใกล้วันที่มู่หลานจะคลอดมากเท่าใด เขาก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น เป็นเพราะภรรยาของตนตั้งท้องลูกแฝด ซึ่งการคลอดนั้นยากลำบากกว่าการตั้งครรภ์ธรรมดาอยู่แล้ว ล่าสุดเขาจึงขอลางานกับหัวหน้าล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาที่มู่หลานคลอดแล้วจะได้ไปอยู่เฝ้าเธอ

หลังครุ่นคิดอยู่ในใจครู่หนึ่ง สักพักเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ผล็อยหลับไปอย่างช้า ๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉินมู่หลานตื่น ก็พบว่าคนอื่นพากันตื่นหมดแล้ว อาหารเช้าก็ถูกจัดวางเอาไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย

“มู่หลาน รีบมากินข้าวเช้าเร็วเข้า กินเสร็จพวกเราจะได้ไปโรงพยาบาล”

ซูหว่านอี๋ยกยิ้มพร้อมกับโบกมือให้ลูกสาว

“แม่ หนูขอไปแปรงฟันก่อนนะคะ”

หลังจากฉินมู่หลานจัดแจงตัวเองเสร็จก็เริ่มกินข้าวทันที หลังจากนั้นก็พาเหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋ออกไปพร้อมกัน

เมื่อทั้งสามมาถึงโรงพยาบาลทหาร ก็ได้พบคุณหมอเฉาเข้าพอดี

“หมอฉิน คุณมาทำอะไรคะเนี่ย หรือว่ามาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลคะ?” ขณะที่พูด หมอเฉาก็ก้าวเดินเข้ามา เมื่อเห็นท้องของฉินมู่หลานใหญ่มากแล้ว ก็อดพูดไม่ได้ “ดูท่าคุณน่าจะใกล้คลอดแล้ว อยากจะนอนพักที่โรงพยาบาลไหมคะ ที่แผนกสูตินรีเวชยังมีเตียงว่างอยู่ค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “หมอเฉาคะ ฉันก็กำลังคิดแบบนั้นพอดีเลย วันนี้ที่มาโรงพยาบาลก็เพราะอยากลองมาตรวจดูว่าควรมาพักอยู่ที่โรงพยาบาลดีไหมน่ะค่ะ”

หมอเฉาได้ยินแบบนี้ ก็รีบเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “หมอฉินคะ ถ้าอย่างนั้นรีบตามฉันมาเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปที่หอพักผู้ป่วยก่อน หลังจากนั้นพวกเราค่อยไปตรวจกันค่ะ”

“ค่ะ”

มีคนรู้จักย่อมสะดวกกว่า ฉินมู่หลานตามหมอฉินไปที่หอพักผู้ป่วยของแผนกสูตินรีเวช แถมยังได้ห้องเตียงคู่ สภาพแวดล้อมก็ค่อนข้างดีมาก

“หมอเฉา ขอบคุณมากนะคะ”

ฉินมู่หลานยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ

หมอเฉาโบกมือพลางเอ่ยขึ้น “หมอฉิน คุณเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ เทียบกับที่คุณเคยช่วยพวกเราแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยค่ะ”

ฉินมู่หลานเคยสอนหล่อนกับหมอจ้าวให้รู้จักวิธีการใช้เครื่องบีอัลตร้าซาวน์ ทำให้ทางโรงพยาบาลสามารถตรวจทารกในครรภ์ได้สะดวกยิ่งขึ้น มันช่วยพวกเขาได้มากจริง ๆ

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่พูดแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปตรวจครรภ์กันเถอะค่ะ”

ฉินมู่หลานเองก็คุ้นเคยกับการตรวจอยู่บ้าง หลังจากตรวจเสร็จเรียบร้อย เธอก็พบว่าวันนี้เป็นวันดีที่จะเข้าพักในโรงพยาบาล เพราะผลตรวจที่ได้บ่งบอกว่าเธออาจจะได้คลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

หลังจากยืนยันว่าจะเข้าพักในโรงพยาบาลวันนี้ เหยาจิ้งจือก็หันไปพูดกับซูหว่านอี๋ “ญาติสะใภ้ ตอนนี้พวกเราไม่ได้เอาของมาด้วยเลย เดี๋ยวฉันจะกลับไปเก็บของมาให้ คุณอยู่ที่นี่กับมู่หลานไปก่อนนะคะ”

ซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ได้ค่ะญาติลูกเขย ถ้าอย่างนั้นคุณรีบไปเถอะ”

“ค่ะ”

เหยาจิ้งจือรีบกลับไปเก็บข้าวของและเตรียมของบางส่วนให้ลูกสะใภ้คนเล็ก นอกจากนี้ยังมีสิ่งของที่ต้องใช้หลังทารกคลอด ซึ่งหล่อนเตรียมพร้อมอย่างดี

อีกด้านหนึ่ง ซูหว่านอี๋กับฉินมู่หลานได้เดินกลับไปที่หอพักผู้ป่วย เพื่อให้เธอได้พักผ่อนสักพัก

“มู่หลาน หลังเพิ่งไปตรวจอะไรพวกนั้นมาแล้ว ลูกนอนพักผ่อนสักหน่อยเถอะ”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ก็พยักหน้า จากนั้นก็นอนลง

รอบตัวพวกเธอมีหญิงตั้งครรภ์อีกหนึ่งคน เพียงแต่มีแค่คุณแม่เพียงคนเดียว หลังจากที่พวกเขามาถึง อีกฝ่ายก็ได้แต่นอนเงียบ ฉินมู่หลานจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

ส่วนทางด้านเหยาจิ้งจือกำลังเตรียมเก็บข้าวของเพื่อให้พร้อมกลับไปที่โรงพยาบาล

เซี่ยเหวินปิงเห็นแบบนี้ก็รีบถามทันที “มู่หลานต้องเข้าพักที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันนี้เลยเหรอ? แล้วแบบนี้พวกคุณจะกินข้าวกันยังไง?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็หันมองเซี่ยเหวินปิงแล้วพูดขึ้น “แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ ถ้าคุณทำอาหารเสร็จก็เอามาส่งให้พวกเราก็ได้ หรือว่าคุณอยากให้พวกเราไปซื้อกินเอาเองดี ฉันกลัวว่ามู่หลานจะไม่ถูกปากอาหารโรงพยาบาล ถ้าคุณทำเองแล้วส่งมาให้พวกเราคงจะคุ้มกว่าแน่นอน”

เซี่ยเหวินปิงได้ยินเช่นนี้จึงพยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะเริ่มทำอาหารกลางวัน แล้วจะเอาไปให้พวกคุณ” จากนั้นเขาก็ขอเลขที่ห้องพักฟื้นอีกครั้ง

เหยาจิ้งจือตอบเขาแล้วก็รีบไปโรงพยาบาลทันที

“มู่หลาน ฉันเอาของมาหมดแล้ว เดี๋ยวพ่อเธอจะเอาอาหารมาส่งให้ พวกเราจะได้ไม่ต้องออกไปหาเอง”

“ค่ะ”

ฝ่ายเซี่ยเจ๋อหลี่กลับถึงบ้านก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคน มีเพียงกระดาษโน้ตเขียนแปะเอาไว้บนโต๊ะ เขาจึงทราบว่าพ่อเตรียมอาหารและเอาไปส่งให้พวกมู่หลานแล้ว ความจริงเขาอยากจะไปเยี่ยมมู่หลานเหมือนกัน แต่มองเวลาตอนนี้ก็พบว่าสายแล้ว จึงทำได้เพียงรอถึงช่วงเย็นแล้วค่อยไปหา

เซี่ยเหวินปิงไปส่งอาหารแล้ว ก็รีบให้เหยาจิ้งจือจัดแจงใส่จานทันที

“คุณกินหรือยัง?”

เซี่ยเหวินปิงพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ “ผมกินเรียบร้อยแล้ว พวกคุณรีบกินเถอะ กินเสร็จแล้วผมจะได้เอากล่องข้าวกลับ”

“ได้”

หลังจากพวกฉินมู่หลานกินหมดแล้ว เซี่ยเหวินปิงก็นำกล่องอาหารกลางวันกลับไป

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มีคนคอยดูแลเยอะเลย มู่หลานไม่ต้องกังวลตอนคลอดแล้ว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท