ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 233 งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งเดือน(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 233 งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งเดือน(2)

ตอนที่ 233 งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งเดือน(2)

ขณะเดียวกันเจี่ยงสือเหิงกับลุงเจี่ยงก็ยืนขึ้นด้วย ก่อนจะพูดขึ้น “พ่อบ้านเหยา พวกเราก็กำลังจะกลับพอดี กลับด้วยกันเถอะ”

ขณะพูด เจี่ยงสือเหิงก็หันมองฉินมู่หลานอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน เดี๋ยวถ้าพวกลูกกลับเมืองหลวงแล้ว มาค้างที่บ้านพ่อสักสองวันก็ได้”

เขาทราบว่าตอนนี้ครอบครัวของเหยาจิ้งจือกับท่านเหยาไม่ค่อยสนิทใจกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องพ่อบ้านเหยา ก่อนจะเอ่ยเชื้อเชิญตามตรง

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยทันที “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกเราจะไปพักที่บ้านพ่อสักสองวันนะคะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย”

หลังจากพูดจบ เจี่ยงสือเหิงก็หันไปมองแล้วเอ่ยพูดกับเหยาซาน “พ่อบ้านเหยา ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะครับ”

อารมณ์ของพ่อบ้านเหยาค่อนข้างซับซ้อน คุณหนูจิ้งจือเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของนายท่าน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เป็นหลานชายของนายท่านเหมือนกัน แต่ตอนนี้กลับไปสนิทสนมกับตระกูลเจี่ยงมากกว่า แต่เขาทราบดีว่าเรื่องนี้ไม่สามารถตำหนิติโทษคุณหนูจิ้งจือได้ ทั้งหมดเป็นความผิดของคุณนายท่านทั้งนั้นที่ไม่สามารถยอมรับความจริงได้

ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูจิ้งจือก็คงคับข้องใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แล้วยังกลายเป็นว่าคุณนายท่านยังชื่นชอบพวกคนที่ทำให้คุณหนูจิ้งจือหลงทางมากกว่าอีก ดังนั้นเขาจึงเข้าใจคุณหนูจิ้งจือได้ดี

ขณะคิดเรื่องมากมายอยู่ภายในใจ เหยาซานก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เซี่ยเจ๋อหลี่ส่งทั้งสามคนตรงหน้าประตูก่อนจะกลับเข้ามา หลังจากกลับเข้ามาแล้ว เหยาจิ้งจือกับซุหว่านอี๋ก็เข้ามารุมถามเขาเกี่ยวกับเรื่องการกลับไปฉลองครบรอบหนึ่งเดือนที่หมู่บ้านชิงซาน

เมื่อเห็นแม่และแม่ยายรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดพูดไม่ได้ “ช่วงนี้ผมยังยุ่งอยู่ เพราะฉะนั้นคงต้องรออีกสักประมาณหนึ่งเดือนครับ”

แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็นึกคำถามได้หนึ่งข้อ

“มู่หลาน ลูกยังเล็กขนาดนี้จะนั่งรถไฟได้หรือเปล่า?”

ฉินมู่หลานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วเอ่ยตอบ “ได้มันก็ได้หรอก แต่บ้านเกิดก็อยู่ไกล เพราะฉะนั้นตอนซื้อตั๋วก็ต้องเลือกให้ดีหน่อย ซื้อพวกเบาะที่นอนหรืออะไรพวกนี้ก็ได้ แต่ทางที่ดีควรจะรอให้ครบสามเดือนก่อนดีกว่า”

ตอนแรกเหยาจิ้งจืออยากจะกลับไปมาก แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสะใภ้คนเล็กบอก ก็รีบเอ่ยทันที “ถ้าอย่างนั้นรอให้ครบสามเดือนแล้วค่อยคุยกันเถอะ ลูก ๆ สำคัญที่สุด งานเลี้ยงนั้นจัดเมื่อไหร่ก็จัดได้”

ซูหว่านอี๋ก็พูดเห็นด้วยเหมือนกัน “ใช่แล้ว ค่อยกลับไปช้าหน่อยก็ได้ ลูก ๆ สำคัญสุด”

ถึงแม้ว่าจะคิดถึงหมู่บ้านชิงซานนิดหน่อย แต่เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ๆ แล้ว พวกเขาก็เต็มใจที่จะกลับไปทีหลังมากกว่า เพราะไม่อยากให้พวกเด็กต้องเหนื่อย

“พ่อคะ แม่คะ อาหลี่ ทุกคนตกลงตามนั้น ค่อยกลับหลังครอบสามเดือนใช่ไหมคะ?”

“ใช่แล้ว ลูก ๆ ต้องมาก่อน”

ซูหว่านอี๋เห็นว่าทุกคนล้วนตัดสินใจกันแล้ว ก็เอ่ยเห็นด้วยตาม “ใช่ ไปช้าหน่อยก็ดี”

แต่หล่อนตัดสินใจว่าจะกลับหลังจากที่ดูแลลูกสาวได้หนึ่งเดือน “มู่หลาน เดี๋ยวครบหนึ่งเดือน แม่จะขอกลับก่อนนะ แม่เป็นห่วงที่บ้านนิดหน่อยน่ะ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนั้น ก็รีบบอกทันที “แม่คะ แม่จะกลับเร็วกว่านั้นก็ได้ค่ะ พ่อก็ยังต้องการให้แม่ดูแลอยู่นะคะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหว่านอี๋ก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “ลูกไม่ต้องห่วงเรื่องพ่อหรอก น้องชายลูกดูแลให้อย่างดี นอกจากนี้พวกคุณปู่คุณย่าของลูกก็อยู่ด้วย”

วันต่อมาความคึกครื้นค่อนข้างลดลงอยู่ไม่น้อย เพราะทุกคนมาเยี่ยมเรียบร้อยแล้ว มู่หลานจึงรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจอยู่ทุกวัน แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกทนไม่ไหวก็คือแม่สามีกับแม่ของเธอคอยจ้องมองอยู่ตลอด ไม่ยอมเธอสระผม

เธอพยายามโน้มน่าวพวกเขาอย่างหนัก ว่ามันไม่เป็นไรหากจะสระผมทำความสะอาดบ้าง แต่แม่ ๆ ทั้งสองต่างหัวโบราณและเอ่ยบอกให้เธออดทน

หลังจากครบหนึ่งเดือน ในที่สุดฉินมู่หลานก็ได้อาบน้ำสระผมอย่างมีความสุข ได้ชำระล้างเสียที เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับมามีชีวิตแล้ว

ก่อนหน้านี้ค่อนข้างหมักหมม จนเธอแทบทนตัวเองไม่ไหว

ซูหว่านอี๋เห็นสีหน้าของลูกสาวดูผ่อนคลาย ก็อดหัวเราะไม่ได้ “มู่หลาน พอเห็นลูกแบบนี้แล้ว ก็คิดว่าลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า พวกเราอดทนกันมาได้หนึ่งเดือนแล้ว ไม่นานมันก็ผ่านไปแล้ว ของลูกนี่แค่เดือนเดียว ยังมีบางคนที่ต้องรอถึงสองเดือนเลยนะกว่าจะสระผมได้”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกว่าตัวเองคงทำแบบนั้นไม่ได้แน่

แต่เธอรู้สึกว่ามีคนน้อยนิดเท่านั้นที่ต้องรอถึงสองเดือน “แม่คะ พวกป้า ๆ ในหมู่บ้าน บางคนไปทำนาก่อนจะครอบหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ แล้วทนได้นานขนาดนั้นเลยเหรอ”

ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ ก็อดถอนหายใจไม่ได้ แล้วพูดขึ้น “เฮ้อ…นั่นคือความลำบากของพวกชาวบ้าน ไม่มีทางเลือกจึงต้องไปลงมือทำนา ไม่อย่างนั้น มีแม่คนไหนบ้างจะไม่อยากดูแลร่างกายตัวเองกัน”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ย “ก็จริงค่ะ”

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองช่างอวดดีที่สามารถนั่งพักไม่ทำอะไรอยู่ได้เป็นเดือน

และเมื่อซูหว่านอี๋เห็นว่าลูกสาวพักฟื้นได้ครอบเดือนแล้ว หล่อนก็กำลังจะเอ่ยบอกลาลูกสาว

“มู่หลาน ลูกคลอดมาได้เดือนหนึ่งแล้ว ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้แม่จะกลับแล้วนะ”

ฉินมู่หลานลังเลที่จะให้ไปนิดหน่อย แต่เธอทราบดีว่าแม่ต้องกลับไป จึงยอมพยักหน้าแล้วพูดว่า “ค่ะ พรุ่งนี้จะให้อาหลี่ไปส่งนะคะ”

ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนั้นก็รีบโบกมือทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวแม่ไปเอง อาหลี่ยุ่งขนาดนั้น จะให้เขาไปส่งแม่ได้ยังไงกัน”

ฉินมู่หลานยังไม่ทันเห็นด้วย เหยาจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน “ญาติสะใภ้ พรุ่งนี้ฉันกับเหวินปิงจะไปส่งคุณเอง พวกเราไม่ได้มีธุระอะไร พาคุณไปส่งที่สถานีรถไฟได้อนู่แล้วค่ะ”

ไม่ทันที่ซูหว่านอี๋จะได้ปฏิเสธ สรุปเรื่องนี้ก็เป็นอันตกลงตามนั้น

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็ไปส่งซูหว่านอี๋ที่สถานีรถไฟ จากนั้นทั้งสองคนก็กลับมา แต่เมื่อทั้งสองเห็นซูหว่านอี๋กลับไป ก็รู้สึกคิดถึงบ้านเกิดขึ้นมานิดหน่อย

หลังจากฉินมู่หลานทราบ ก็อดพูดไม่ได้ “พ่อคะ แม่คะ ฉันแค่คนเดียวก็ดูแลพวกเด็ก ๆ ที่บ้านได้ค่ะ ถ้าพวกพ่อแม่อยากจะกลับก็กลับเถอะค่ะ”

เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ ก็หันมองฉินมู่หลาน แล้วพูดขึ้น “มู่หลาน เด็กมีตั้งสองคนนะ พวกเราจะปล่อยให้เธอต้องทำงานหนักอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน”

ไม่รอให้ฉินมู่หลานได้เอ่ยตอบ เหยาจิ้งจือก็รีบเอ่ยทันที “เอาเถอะมู่หลาน เด็ก ๆ สองคนนั้นตื่นแล้ว เธอรีบไปให้นมลูกเถอะ”

“ค่ะ”

เห็นเหยาจิ้งจือพูดแบบนั้น ฉินมู่หลานก็ไม่พูดอะไรมากมายอีก

เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เด็กทั้งสองอายุครบสามเดือนแล้ว และเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ทำการขอลาหยุดแล้ว ซื้อเบาะที่นอนเรียบร้อย ทุกคนในครอบครัวกำลังมุ่งหน้ากลับหมู่บ้านชิงซาน

ตั๋วที่นอนแสนนุ่มหาซื้อได้ยากมาก เซี่ยเจ๋อหลี่ให้เส้นสายช่วยหาตั้งแต่สองเดือนก่อน จากนั้นก็ได้ซื้อมา

หลังจากพวกฉินมู่หลานขึ้นรถไฟแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจ เพราะสภาพของเบาะนั่งนุ่มดีมาก เด็กทั้งสองจึงปรับตัวกันได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากทุกคนกลับมาถึงบ้านเกิดแล้ว หลายคนก็ดีใจมาก เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านที่พวกเขาคุ้นเคยมากที่สุด

เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ได้ทราบแล้วว่าทุกคนในครอบครัวลังจะกลับมา จึงเฝ้ารออยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านตั้งแต่เที่ยงวัน เมื่อเห็นพวกฉินมู่หลานมาแล้ว ก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้น

“มู่หลาน พวกเธอกลับมาสักที ได้ยินว่าเธอได้ลูกแฝดชายหญิงเหรอ ดีมากจริง ๆ”

หลังจากเอ่ยก็รีบมองดูเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเจ๋อหลี่

ในตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านก็พากันมารวมตัวด้วเหมือนกัน ด้วยความอยากเห็นลูกแฝดชายหญิง

เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ด้านข้างก็ได้พูดขึ้น “พวกเรากลับมาเนื่องในโอกาสที่จะฉลองครบรอบเดือนให้กับหลานทั้งสองคน หวังว่าทุกคนจะแวะมาดื่มด้วยกันนะครับ”

…………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เห็นการอยู่เดือนของแม่หลังคลอดแล้วก็ทนไม่ได้จริงๆ ค่ะ หน้าหนาวไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ถ้าใครคลอดลูกตอนหน้าร้อนนี่สภาพน่าจะเน่าขั้นสุด ผู้แปลไม่ได้อาบน้ำสระผมแค่วันเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน