ตอนที่ 236 ยุติชีวิตสมรส(1)
ตอนที่ 236 ยุติชีวิตสมรส(1)
ซูหว่านอี๋ทราบว่าลูกสาวกับคนอื่นกำลังจะเดินทางไปเมืองหลวง สีหน้าก็ยังคงนิ่งเฉย แต่แววตากลับฉายแววโศกเศร้า กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ตอบรับคำฉินมู่หลานเพียงไม่กี่คำเท่านั้น “มู่หลาน หลังจากพวกลูกไปถึงปักกิ่งแล้ว ก็พาลูก ๆ ออกไปข้างนอกให้น้อยหน่อยนะ พวกเขายังเด็ก ลูกควรใช้เวลากับพวกเขาให้มาก”
“วางใจได้เลยค่ะแม่ พวกเราจะดูแลเฉินเฉินกับชิงชิงอย่างดีค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี พวกลูกต้องใส่ใจมาก ๆ หน่อยนะ”
หลังจากพูดจบ ซูหว่านอี๋ก็อดทนไม่ไหว ก่อนจะเอ่ยกล่าวบางอย่าง “มู่หลาน ถึงอาหลี่จะปฏิเสธแม่หนูเซี่ยอะไรนั่นไปแล้ว แต่ลูกต้องใส่ใจให้มาก ๆ หน่อยนะ อย่าให้คนอื่นหาช่องโหว่มาเอาปรียบ บอกเลยว่าแม่หนูเซี่ยนั่นไม่ใช่คนดีแน่นอน ลูกระวังหล่อนเอาไว้หน่อยนะ”
“แม่คะ วางใจเถอะค่ะ แม่ไม่เชื่อในตัวลูกเขยของแม่เหรอคะ”
ซูหว่านอี๋มองลูกสาว ก่อนจะพูดขึ้น “แน่นอนว่าแม่เชื่อในตัวอาหลี่อยู่แล้ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ พวกลูกใส่ใจกันให้มากหน่อยนะ”
“ได้ค่ะแม่ หนูเข้าใจแล้ว”
ฉินมู่หลานเห็นแม่พูดถึงเซี่ยอวี่หรงขึ้นมาก็นึกย้อนกลับไปถึงตอนที่พูดเรื่องตระกูลเซี่ยแห่งปักกิ่งแล้วแม่มีท่าทางแปลกไป ฉินมู่หลานจึงคิดมากขึ้นในใจ หากแม่พูดอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นเธอก็ควรให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว
เมื่อเห็นว่าลูกสาวรับฟัง ซูหว่านอี๋ก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งใจเสียไม่ได้ จากนั้นก็ให้ลูกสาวกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าใด แล้วขอให้เธอเขียนจดหมายมาหาเป็นครั้งคราวบ้าง
“แม่ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูจะเขียนจดหมายกลับมาบ่อย ๆ ค่ะ”
“ดี ลูกกลับบ้านไปเก็บของเถอะ เดี๋ยวจะต้องไปแล้ว คงมีของให้เก็บอยู่ไม่น้อยเลย”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ก็พยักหน้า จากนั้นก็บอกลาสมาชิกตระกูลฉินคนอื่น ๆ แล้วกลับไป หลังจากกลับไป เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้เก็บของรออยู่แล้ว ฉินมู่หลานจึงรู้สึกสบายที่ไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลาน เซี่ยเจ๋อหลี่ เหยาจิ้งจือ และเซี่ยเหวินปิง ก็พาเด็กน้อยสองคนไปหาตระกูลเหยาที่เมืองหลวง
นายท่านเหยารู้สึกดีใจมากที่เห็นว่าลูกสาวและครอบครัวของหล่อนมาหา เขามองดูเด็กน้อยทั้งสองในอ้อมแขนของลูกสาวและหลานชายด้วยสายตาคาดหวัง “นี่คือลูกของอาหลี่กับมู่หลานเหรอ น่ารักน่าชังมากเลย”
ขณะพูด เขาก็อยากจะก้าวเข้าไปอุ้ม
เหยาจิ้งจือเห็นดังนี้ ก็ส่งเฉินเฉินไป
นายท่านเหยาได้อุ้มเด็กน้อย ก็รู้สึกเหมือนได้เติมเต็ฒช่องว่างในใจ “นี่เป็นพี่ชายหรือน้องสาวล่ะ?”
“พี่ชายค่ะ”
เหยาจิ้งจือยกยิ้มพลางเอ่ยตอบ
นายท่านเหยาได้ยินสิ่งนี้ ก็ก้มหน้าลงมองเฉินเฉิน จากนั้นก็มองชิงชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยเจ๋อหลี่ ก่อนจะพูดเยินยออีกครั้ง “เจ้าหนูทั้งสองคนน่ารักน่าชังมากเลย”
หลังจากที่เขาทราบว่าฉินมู่หลานได้ลูกแฝดมังกรหงส์ ก็รู้สึกดีใจมาก ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าพวกเขาแล้ว
พ่อบ้านเหยาเคยเห็นเฉินเฉินกับชิงชิงมาแล้ว แต่เป็นช่วงไม่นานหลังจากที่เพิ่งคลอดใหม่ ๆ ตอนนี้พอได้มาเจออีกครั้งจึงรู้สึกไม่เหมือนเดิม “เจ้าหนูทั้งสองคนเริ่มน่ารักมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะครับ รู้สึกเหมือนหน้าตากลมขึ้น”
“ใช่ค่ะ เจ้าหนูสองคนโตขึ้นนิดหน่อยแล้ว”
ใบหน้าของเหยาจิ้งจือเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หล่อนเองก็รู้สึกว่าสำหรับพวกหลาน ๆ ได้มองเท่าไหร่ก็ไม่พอ
พ่อบ้านเหยามองเด็กทั้งสองอยู่อีกพักหนึ่ง จากนั้นก็รีบตรงไปที่ห้องครัว บอกให้ทางห้องครัวให้เตรียมทำอาหารจานโปรดของเหยาจิ้งจือกับฉินมู่หลานเพิ่ม
หลังจากที่พ่อบ้านเหยาเข้าไปในครัวแล้ว นายท่านเหยาก็มองดูเด็กทั้งสองคนอีกครั้งด้วยความสงสัย จากนั้นก็หันไปมองแล้วเอ่ยถามเหยาจิ้งจือ “จิ้งจือ พ่อเลือกฤกษ์วันดี ๆ แล้ว เป็นวันมะรืนนี้เราจะจัดงานเลี้ยงที่บ้าน ให้ญาติมิตรสหายมาอวยพรเด็ก ๆ สองคน”
เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนี้ก็พูดขึ้น “ค่ะ เอาตามที่พ่อว่าเลยค่ะ”
ได้ยินแบบนี้ นายท่านเหยาก็หัวเราะเสียงดัง ได้แต่รู้สึกมีความสุข ตอนนี้เขามีหลานแล้ว ช่างสุขใจเหลือเกิน
หลายคนนั่งพูดคุยกันอยู่สักพัก สุดท้ายเหยาจิ้งจือก็ข่มใจไม่ไหว แล้วเอ่ยถามขึ้นมา “คุณนายเหยาล่ะคะ ไม่สบายอีกแล้วเหรอ?”
เหยาจิ้งจือมีอคติต่อคุณนายเหยามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงไม่เอ่ยเรียกว่าแม่ แล้วเรียกแทนว่าคุณนายเหยาแทน
นายท่านเหยาได้ยินสิ่งลูกสาวเอ่ย สีหน้าก็เต็มไปด้วยความลำบากใจ ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูด “ใช่แล้ว แม่ของลูกไม่สบายนิดหน่อย ก็เลยพักอยู่แต่ในห้อง”
เหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้ ก็ยกยิ้มแล้วไม่เอ่ยถามอะไรอีก
นายท่านเหยาเห็นลูกสาวไม่ได้เอ่ยถาม ก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งใจไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกราวกับหมดหนทาง
ช่วงนี้คุณนายเหยาค่อนข้างสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเพราะเหยาอี้หนิงเพียงคนเดียว นางถึงกับยอมขัดแย้งกับลูกสาวแท้ ๆ ต่อไปข้างหน้านางอาจคิดเสียใจ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาดูหน้าฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้นางจมปลักอยู่แต่ในห้องไปนั่นแหละ
แต่เซี่ยเจ๋อหลี่มีอีกหนึ่งคำถาม
“คุณตาครับ เหยาอี้หนิงย้ายออกจากฐานทัพของพวกเราแล้ว เขาย้ายไปด้วยตัวเอง หรือว่าคุณตาเป็นคนจัดการครับ?”
หลังจากได้ยินดังนั้น นายท่านเหยาก็เอ่ยพูดตรง ๆ “ตาเข้าไปยุ่งนิดหน่อยเองแหละ เพราะว่าพวกเธอสองคนก็คงรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องทำงานร่วมกัน”
สำหรับเรื่องเหยาอี้หนิง เขารู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีมาก เนื่องจากจำได้ว่าเหยาอี้หนิงเคยขัดแข้งขัดขาอยากจะให้อาหลี่สะดุดล้ม เขาก็เลยไม่ยอมปล่อยผ่าน สั่งให้ย้ายไปทางใต้แทน
“คุณตา ที่แท้ก็เป็นฝีมือคุณตานี่เองครับ แต่ว่าถึงเขาจะไม่ย้ายก็ไม่ได้มีผลอะไรหรอกครับ”
ท่านเหยาได้ยินแบบนี้ ก็ได้แต่พูดว่า “ถึงยังไงย้ายเหยาอี้หนิงออกไปก็ดีกว่า เขาจะได้ไม่รบกวนหลาน”
เซี่ยเจ๋อหลี่ยกยิ้ม แล้วไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก
แต่เขาค่อนข้างมีความสุขสำหรับสิ่งที่นายท่านเหยาทำ ในเมื่อไร้ซึ่งหนูอย่างเหยาอี้หนิง ต่อไปตอนออกไปทำภารกิจ ก็จะได้ไม่ต้องไปเจอพวกงี่เง่านั่นแล้ว
หลายคนนั่งคุยกันสักพัก เด็กทั้งสองเปิดปากหาวกันอย่างน่ารัก หลังจากนายท่านเหยาเห็นความน่ารักแบบนี้ ก็ได้แต่รู้สึกเหมือนใจจะละลาย แต่เขาเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองง่วงนอนนิดหน่อย จึงรีบหันไปบอกเหยาจิ้งจือ “จิ้งจือ เจ้าหนูง่วงนอนแล้วหรือเปล่า พวกเธอพาพวกเขาไปนอนก่อนเถอะ”
เหยาจิ้งจือยกยิ้มแล้วพยักหน้า “ค่ะ พวกฉันจะพากลับไปนอนที่ห้องค่ะ”
จากนั้นเหยาจิ้งจือกับพวกฉินมู่หลานก็พากันไปตรงลานบ้านที่พวกเขาเคยมาพักอยู่
สนามหญ้าทั้งหมดล้วนได้รับการดูแลอย่างสะอาดเอี่ยม ทุกคนพาเด็กน้อยทั้งสองไปที่ห้องของฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ จากนั้นก็ได้พบว่ามีเปลสองเปลถูกจัดวางเอาไว้ในห้อง เดาได้ทันทีว่าต้องเป็นของเด็กน้อยทั้งสองแน่นอน
ฉินมู่หลานก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วมองสำรวจดู ก่อนจะพบว่าเปลทั้งสองนี้เป็นอันใหม่ แต่มันว่างเปล่ามาก ดูเหมือนว่าจะเตรียมเอาไว้นานแล้ว เธอจึงวางเด็กน้อยทั้งสองลงในเปลทันที เพื่อให้พวกเขาได้นอนอย่างสบาย
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองกำลังหลับ เหยาจิ้งจือก็หันมองฉินมู่หลานแล้วพูดว่า “มู่หลาน เธอก็ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวถึงเวลากินข้าวแล้วฉันจะมาเรียกพวกเธอ”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ ก็ยกยิ้มแล้วพยักหน้าพลางเอ่ย “ได้ค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นฉันกับอาหลี่จะได้พักผ่อนกันเสียหน่อย”
หลังจากทุกคนได้พักผ่อนกันเสร็จสรรพ ก็ได้เวลารับประทานอาหารแล้ว ทุกคนจึงพาเด็กทั้งสองมาด้วย แล้วกินข้าวด้วยกัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณนายเหยาระวังจะรักษาใครไว้ไม่ได้สักคนนะคะหากยังลังเลแบบนี้ แต่ละคนเริ่มตีตัวออกห่างกันหมดแล้ว
ไหหม่า(海馬)