ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 249 หนังสือตอบรับเข้าศึกษามาแล้ว(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 249 หนังสือตอบรับเข้าศึกษามาแล้ว(2)

ตอนที่ 249 หนังสือตอบรับเข้าศึกษามาแล้ว(2)

ส่วนฉินมู่หลานเห็นว่าเด็กทั้งสองหลับแล้ว จึงหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ย “อาหลี่ ฉันว่าคุณดูเหนื่อยนิดหน่อยนะ รีบไปล้างหน้าก่อนเถอะค่ะ จากนั้นก็มานอนพักสักหน่อย ถึงยังไงก็มีเวลาพักก่อนถึงมื้อเที่ยง”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินดังนี้ก็พยักหน้า ก่อนจะเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “ผมหลบซ่อนสายตาคุณไม่ได้อย่างที่คิดไว้เลย ผมเหนื่อยนิดหน่อยจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าอย่างนั้นผมไปล้างหน้าก่อนนะ”

เพื่อจะทำภารกิจให้สำเร็จและกลับมาโดยเร็ว เขาจึงพักผ่อนไม่เพียงพอมาหลายวันแล้ว กลับถึงบ้านวันนี้ในที่สุดก็ได้พักสักที

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ล้างหน้าเสร็จ ก็เข้านอนทันที

เมื่อเห็นสีหน้าอ่อนล้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะดึงผ้าห่มให้กับเขา เมื่อเห็นเขาหลับสนิทขนาดนั้น ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมานิดหน่อย ปกติเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นคนตื่นตัวมาก ไม่เคยหลับลึกขนาดนี้มาก่อนเลย

หลังมองดูเซี่ยเจ๋อหลี่อีกสักพัก ฉินมู่หลานก็ทิ้งตัวนอนลงพักผ่อนเช่นกัน

จนกระทั่งเหยาจิ้งจือมาเรียก ตอนนั้นเองหล่อนถึงได้เห็นว่าครอบครัวของลูกชายคนเล็กกำลังหลับไหลอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่อยากรบกวนการนอนของพวกเขา แต่ทางฝั่งตระกูลฉินรอกินข้าวด้วยกันอยู่ จึงต้องเรียกปลุกคนให้ตื่นขึ้นมา “มู่หลาน อาหลี่ พวกเธอรีบไปกินข้าวเร็ว เจ๋อเหว่ยก็ไปแล้ว ส่วนพวกเด็ก ๆ เดี๋ยวฉันดูให้เอง”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็รีบเอ่ยทันที “แม่คะ พาเจ้าหนูสองคนไปด้วยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวให้พวกเขาไปนอนที่บ้านพ่อแม่ฉันสักพัก แม่จะได้ไปต้องคอยเฝ้าอยู่ นอกจากนี้คุณปู่กับคนอื่นก็อยากเจอเจ้าหนูสองคนนี้ด้วยค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ งั้นพวกเราไปกันเถอะ”

คุณปู่ฉินมีความสุขมากที่ได้พบเด็กทั้งสอง แต่เมื่อเห็นพวกเขาหลับอยู่ จึงบอกให้หลานสาวกับหลานเขยพาเด็กทั้งสองไปวางที่เตียงทันที “ปล่อยพวกเขานอนต่อเถอะ พวกเราจะได้มากินกันดี ๆ”

หลังจากฉินมู่หลานวางลูกลงแล้ว ก็ออกไปนั่งตรงโต๊ะอาหาร

หวังจาวตี้หันมองแล้วรีบเอ่ยถามเธอ “มู่หลาน รู้สึกยังไงบ้างกับการสอบของเธอ คิดว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหม?”

สิ่งเดียวที่หล่อนอิจฉาก็คือน้องสามีคนนี้นี่แหละ ก่อนจะแต่งงานออกเรือน ก็ชอบหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน หลังจากแต่งงานออกเรือนไปแล้วชีวิตก็ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสวยขึ้นแล้วยังได้ลูกแฝดชายหญิง ตอนนี้ก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก ถ้าสอบติดจริง ๆ ก็จะได้เป็นนักศึกษา ช่างแตกต่างจากพวกหล่อนโดยสมบูรณ์

ฉินมู่หลานได้ยินก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “ฉันคิดว่าทำข้อสอบได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ แต่ก็ต้องรอผลสอบออกก่อนถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง”

ซ่งอวี้เฟิ่งมองฉินมู่หลานด้วยความอิจฉาเช่นเดียวกัน ก่อนจะเอ่ย “มู่หลาน ถ้าเธอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็อย่าลืมพวกเรานะ ต่อไปถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยสอนลูกของเราหน่อย ให้เรียนมหาวิทยาลัยได้เหมือนเธอ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้

“พี่สะใภ้รองคะ พี่คิดไปไกลโขเลยนะ ลูกสาวพี่ยังเด็กมาก อีกนานกว่าจะได้เรียนค่ะ”

แต่ไม่รอให้ซ่งอวี้เฟิ่งได้ทันพูดอะไร ซุนฮุ่ยหงก็เอ่ยแทรกก่อน “ลูกสาวจะเรียนหนังสือไปทำไมกัน ไม่ช้าไม่เร็วพอโตขึ้นก็ต้องแต่งงาน ไม่ได้อยู่เพื่อช่วยเหลืออะไรในบ้านหรอก”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าก็เย็นชาลงนิดหน่อย

ซูหว่านอี๋จึงพูดตามตรง “พี่สะใภ้ พี่พูดไม่ถูกนะ เด็กผู้หญิงควรตั้งใจเรียนให้มาก ขอเพียงอ่านหนังสือให้ดีก็จะเข้าใจแล้วศึกษาไปทีละขั้นตอนได้ จากนั้นก็จะออกไปหางานดี ๆ ทำได้”

ซุนฮุ่ยหงกลับคิดว่าเปล่าประโยชน์ที่จะคิด

“ผู้หญิงอ่านหนังสือได้แล้วจะเป็นยังไง สุดท้ายพวกหล่อนก็ต้องแต่งงาน จากนั้นก็จะต้องไปเป็นครอบครัวคนอื่น ไม่ว่าจะได้หน้าที่การงานดีแค่ไหนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา หรือว่าลูกสาวจะสามารถเลี้ยงดูเรายามแก่เฒ่าได้อย่างนั้นเหรอ”

ฉินมู่หลานเอ่ยขึ้นทันที “ป้าใหญ่คะ ถึงลูกสาวจะแต่งงานแล้ว แต่ก็ยังเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่าได้ค่ะ ต่อไปฉันกับเคอวั่งก็จะเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่าด้วยกัน”

ซุนฮุ่ยหงไม่ค่อยเชื่อถือคำพูดนี้นัก หล่อนหันมองฉินมู่หลานสักพัก จากนั้นก็หันไปมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยว่า “อาหลี่ เธอฟังที่มู่หลานพูดสิ หล่อนบอกว่าจะช่วยเลี้ยงดูพวกเจี้ยนเซ่อยามพวกเขาแก่เฒ่า เธอคงไม่เห็นด้วยหรอกใช่ไหม”

เซี่ยเจ๋อหลี่ยกยิ้มแล้วกล่าว “ป้าใหญ่ครับ แน่นอนว่าผมต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว มู่หลานอยากทำอะไรก็ทำเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นการเลี้ยงดูพ่อแม่ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นไม่ใช่เหรอครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซุนฮุ่ยหงก็พูดไม่ออก ไม่เข้าใจว่าเซี่ยเจ๋อหลี่พูดแบบนี้เพราะต้องการรักษาหน้า หรือว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ภายในใจก็ยังคิดว่าหากเด็กผู้หญิงไม่ต้องไปโรงเรียนคงเป็นเรื่องดีกว่า เพราะเดี๋ยวก็ต้องแต่งเข้าไปเป็นสมาชิกบ้านคนอื่น แต่ตอนนี้จะเอ่ยพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ หล่อนจึงเบะปาก แล้วไม่เอ่ยพูดอะไรอีก

หลิวชุ่ยฮวาไม่ชอบลูกสะใภ้คนโตมานานแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูถูกเด็กผู้หญิงจึงทนไม่ไหว ก่อนจะพูดขึ้น “เธอเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ทำไมถึงได้ดูถูกผู้หญิงด้วยกันเองล่ะ แบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอดูถูกตัวเองเหมือนกัน ขนาดกินข้าวยังอุดปากเธอไม่ได้เลย”

ซุนฮุ่ยหงได้แต่รู้สึกไม่พอใจอยู่ลึก ๆ แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป

“เอาล่ะ วันนี้เป็นเพราะต้องการฉลองให้มู่หลานกับเคอวั่ง กินกันให้อร่อยเถอะ” หลังจากคุณปู่ฉินเอ่ย บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ทุกคนดื่มและกินกันอย่างมีความสุข

หลังจากกินเสร็จ ฉินมู่หลานกับคนอื่น ๆ ก็เตรียมตัวกลับ

ระหว่างทางกลับก็พบปะคนในหมู่บ้าน ทุกคนล้วนกล่าวทักทายกัน แต่ฉินมู่หลานไม่คิดว่าจะได้เจอหญิงสาวสองคนนั้นอีก

สองคนนั้นเห็นฉินมู่หลานเหมือนกัน ขณะเดียวกันก็เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ข้างเธอด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวสองคนเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ เพราะฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้กลับบ้านนานมากแล้ว พวกหล่อนเคยเจอฉินมู่หลานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงไม่คิดเลยว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะหน้าตาดีขนาดนี้

ฉินมู่หลานสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ได้เป็นปกติ พลันรู้สึกไม่ชอบสายตาของทั้งสองที่จ้องมองเซี่ยเจ๋อหลี่ขึ้นมา จึงเดินล้ำหน้าไปนิดหน่อยเพื่อบดบังสายตาของหญิงสาวสองคนนั้น

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่รู้จักคนพวกนั้นเลยสักนิด จึงไม่แม้แต่จะปรายตามอง ก่อนจะตามฉินมู่หลานกลับบ้านทันที

“เสี่ยวเหมย ผู้ชายคนเมื่อกี้คือสามีของฉินมู่หลานใช่ไหม ไม่คิดเลยว่าในหมู่บ้านจะมีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น”

ซุนเหมยได้ยินสิ่งนี้ ก็ถอนหายใจแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว ใครจะไปคิดล่ะ ฉินมู่หลานคนนี้ อะไรดี ๆ ก็เข้าตัวหล่อนหมด แต่หวังเจี๋ย เธอสอบครั้งนี้เป็นยังไงบ้าง ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำได้ค่อนข้างดี ยังไงก็ทำได้ดีกว่าฉินมู่หลานแน่นอน”

หวังเจี๋ยได้ยินเช่นนี้ จึงยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองทำได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

“ฉันหวังว่าพวกเราจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่เลือกกันได้” ซุนเหมยเอ่ยก่อนจะถามหวังเจี๋ยอีกครั้งเกี่ยวกับความปรารถนาของหล่อน เพราะก่อนการสอบต้องกรอกใบสมัครก่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ทราบว่าตัวเองต้องจะทำคะแนนสอบได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็ต้องกรอกเลือกมหาวิทยาลัยที่อยากจะเข้าศึกษาก่อน

“อ๋อ ฉันสมัครมหาวิทยาลัยปักกิ่งไปน่ะ แต่ผลคะแนนยังไม่มา จะให้พูดตอนนี้ก็คงเร็วเกินไป”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนเหมยจึงหยุดถาม

ฉินมู่หลานกับคนอื่น ๆ ก็กำลังรอผลประกาศและหนังสือตอบรับเข้าเรียนเหมือนกัน เธอตัดสินใจจะรอจนกว่าใบประกาศจะมาแล้วค่อยกลับไป ส่วนเซี่ยเจ๋อหลี่ที่มีภารกิจก็ต้องกลับกองทัพหลังพักอยู่ที่หมู่บ้านชิงซานได้สองวัน

หลังจากฉินมู่หลานรอมาหนึ่งเดือน ในที่สุดหนังสือตอบรับของเธอก็มาแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ให้ผู้หญิงเรียนหนังสือเพื่อที่ต่อไปจะได้ไม่เป็นคนใช้ของบ้านสามีไงป้า ป้าอยากให้ลูกตัวเองเป็นคนใช้บ้านสามีลูกเหรอ อยู่แบบโดนคนทางนั้นโขกสับไม่หือไม่อืองี้

สงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร บางทีพวกเธอสองคนอาจสอบไม่ติดเลยก็ได้นะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท