สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 764 คนผู้นี้ช่างน่าสนใจ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 764 คนผู้นี้ช่างน่าสนใจ

บทที่ 764 คนผู้นี้ช่างน่าสนใจ

มู่ซืออวี่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง มองหลี่กู่หยวนที่กำลังสั่งให้นายช่างทำงาน นางเอ่ยปากถามลู่จื่ออวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ “เจ้าเด็กผู้นี้มาจากที่ใด?”

“เขาเป็นหนึ่งในคนเลี้ยงไหมที่หมู่บ้านเจ้าค่ะ ข้าอยากหาวิธีเลี้ยงหนอนไหมน้ำแข็งจึงนำหนอนไหมน้ำแข็งทั้งหมดยี่สิบคู่ไปให้ชาวบ้าน เป็นเขาที่คิดวิธีออกมาได้จากวิธีการทั้งหมดเจ้าค่ะ”

“เจ้าเด็กคนนี้สมองดี เขาจัดการนายช่างให้ทำงานออกมาตามแบบที่ข้าวาดขึ้นได้ แม้กระทั่งตรวจพบจุดที่พวกนายช่างทำงานพลาด เจ้าเก็บสมบัติชิ้นหนึ่งมาได้ อนาคตของคนผู้นั้นไร้ขีดจำกัด”

“น้อยนักที่ท่านแม่จะกล่าวชมผู้ใด เขาได้รับคำชมจากท่าน ย่อมต้องมีอะไรไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย

หลี่กู่หยวนเดินเข้ามาคารวะมู่ซืออวี่ “ฮูหยิน จัดการตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้วขอรับ”

“เจ้าเคยคิดจะเข้าร่วมกองทัพหรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

หลี่กู่หยวนยิ้มอย่างขมขื่น “ฮูหยิน ข้าน้อยไม่มีคุณสมบัติพอหรอกขอรับ”

“เช่นนั้น เจ้าอยากทำการค้าหรือไม่?”

ทันทีที่มู่ซืออวี่กล่าวคำนี้ออกมา สายตาของอีกฝ่ายราวกับเปล่งแสงได้ เขาดูเหมือนคนเห็นแก่เงินไม่น้อย

“ข้าอยาก! ข้ารู้คำตอบอยู่แล้วขอรับ”

ชายหนุ่มไม่อยากเป็นทหาร ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากอดทนกับความยากลำบาก แต่เป็นเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ ทว่าหากเป็นเรื่องทำการค้า ดวงตาของเขากลับเปล่งประกายระยิบระยับราวกับทอง แสดงให้เห็นว่าหลี่กู่หยวนรักเงินมากเพียงใด

รักเงินไม่ได้มีอะไรไม่ดี ขอเพียงแค่ได้รับมันมาอย่างถูกต้อง นั่นย่อมเป็นเพราะความสามารถของเขา

“ข้ามีงานใหญ่อยู่ชิ้นหนึ่ง ตั้งใจว่าจะส่งต่อให้กับลูกสาวของข้า เจ้ารั้งอยู่ช่วยเหลือนางเถอะ!”

มู่ซืออวี่กำลังเอ่ยถึงกลไกที่ใช้ในการรบที่กำลังจะสร้างขึ้น

กลไกภายในย่อมต้องการคนมีสมองอันชาญฉลาดคอยกำกับดูแล

ความเคลื่อนไหวภายในเมืองฮู่เป่ยใหญ่โตเสียจนชาวเมืองสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ อย่างไรก็ตาม มู่ซืออวี่ไม่ได้จงใจปิดบัง ไม่ช้าทุกคนในเมืองก็ต้องร่วมเตรียมการสงครามครั้งนี้

รองนายอำเภอรับสมัครทหารเพิ่มเท่าที่เขาจะทำได้ ทั้งหมดทั้งมวลรวบรวมทหารได้เพียงสามหมื่นนายเท่านั้น

อีกทั้งสามหมื่นนายนี้ยังคงอยู่ในความยุ่งเหยิง พวกเขายังไม่ได้ฝึกฝนอย่างจริง ๆ จัง ความสามารถในการรบสู้โจรป่าธรรมดาทั่วไปไม่ได้ ดังนั้นระหว่างช่วงเวลานี้ พวกเขาจะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนทหารที่รับมาชั่วคราวทั้งหมด

“รองนายอำเภอ ท่านรับสมัครทหารหญิงอีกกลุ่มให้ข้าเถิด” มู่ซืออวี่ออกคำสั่งอีกหนึ่งอย่าง

“ทหารหญิงหรือ?” ไม่เพียงแต่รองนายอำเภอเท่านั้นที่ตกตะลึง ทว่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ติดตามเขามาก็ตกตะลึงเช่นกัน

ซางจือและฉานอีมองหน้ากัน

พวกนางได้เห็นความคิดที่เกิดขึ้นอย่างฉับไวของมู่ซืออวี่มานักต่อนักแล้ว ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น เจ้านายผู้นี้ก็มักจะนำพาความประหลาดใจที่คาดไม่ถึงมาให้พวกนางเสมอ บางทีก็น่าหวาดกลัวยิ่ง

“ฮูหยิน ฮูหยิน…” รองนายอำเภอเกือบหลุดปากออกไป ทว่าโชคดีที่เขาหุบปากได้ทันจึงรักษาชีวิตน้อย ๆ เอาไว้ได้สำเร็จ “สตรีอย่างไรก็เป็นเพศที่อ่อนแอ เรื่องเข้าสนามรบฆ่าฟันศัตรูเช่นนี้ให้บุรุษทำเถอะนะขอรับ!”

“สตรีอ่อนแอได้แต่ก็แข็งแกร่งได้เช่นกัน” มู่ซืออวี่เอ่ย “จัดการตามที่ข้าบอก ติดประกาศรับสมัครทหารหญิง ผู้ใดเต็มใจมาก็มา ผู้ใดไม่เต็มใจมาข้าก็ไม่ได้บังคับ”

หลังจากศาลาว่าการติดประกาศรับสมัครทหารหญิงก็เกิดเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ขึ้น

เริ่มแรกทุกคนยังตกใจกับการตัดสินใจนี้ หลังจากนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีผู้ใดอยากเป็นคนแรกที่ตัดสินใจลองทำเรื่องใหม่ ๆ

ขณะที่เหล่าบุรุษกำลังคิดว่าผลลัพธ์ย่อมออกมาเป็นเช่นนี้ แถวหน้าลานกว้างที่ใช้รับสมัครทหารหญิงก็เต็มไปด้วยผู้คนยาวเหยียด

“เหตุใดถึงมีคนมากเพียงนี้? สตรีเหล่านี้บ้าไปแล้วหรือ?”

“แม่เอ้อร์หนิว เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?”

“ป้าหวัง ข้ามีแรงเหลือเฟือ ย่อมอยากทำอะไรเพื่อเมืองฮู่เป่ยบ้าง”

“เจ้าเป็นสตรีผู้หนึ่ง…”

“ฮูหยินลู่ก็เป็นสตรี นางยังกลายมาเป็นผู้ทำการค้าที่มีชื่อเสียงก้องหล้า ข้าเป็นสตรีแล้วอย่างไรเล่า? ข้าแย่กว่าบุรุษที่ใด? บุรุษได้รับเกียรติยศ เข้าสนามรบฆ่าฟันศัตรู เหตุใดสตรีจะทำบ้างไม่ได้? ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสก็แล้วไปเถิด ข้ายอมรับโชคชะตา แต่บัดนี้มีโอกาสมาวางอยู่ตรงหน้า เหตุใดข้าจะไม่ต่อสู้เพื่อมันเล่า? ต่อไปภายหน้าลูกชายลูกสาวเอ่ยถึงข้า พวกเขาจะได้ภาคภูมิใจในตัวมารดา”

“แต่หากออกไปฆ่าฟันศัตรูจะตายเอาได้นะ!”

“ทุกคนล้วนต้องตาย ตายจากความแก่เฒ่า ตายจากโรคภัย ฆ่าฟันศัตรูก็อาจต้องตาย ทว่าข้ายินดีตายในวิธีที่แตกต่างออกไป”

สตรีผู้อื่นขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน

สตรีเหล่านี้ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กให้ตื่นก่อนไก่ขันและเข้านอนช้ากว่าสุนัข ตอนพวกนางยังไม่แต่งงาน พวกนางทำงานหนักเพื่อปรนนิบัติบิดามารดาและพี่ชายน้องชาย หลังจากออกเรือน พวกนางเป็นวัวเป็นม้าให้สามีและลูก ตอนนี้พวกนางอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองแล้ว

มู่ซืออวี่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม มองแถวที่ยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา แล้วเอ่ยกับรองนายอำเภอผู้ที่กำลังเช็ดเหงื่อ “รองนายอำเภอเฝิง พวกเรามาเดิมพันกันดีหรือไม่?”

“ฮูหยินจะเดิมพันอย่างไร?”

“ข้าเดิมพันว่าทหารหญิงจะมีจำนวนมากกว่าชาย”

“นี่เป็นไปไม่ได้กระมัง?” เฝิงจิ้งลังเล “ถึงแม้จะมีสตรีบางส่วนอยากโดดเด่นกว่าผู้อื่น อย่างไรพวกนางก็ยังเป็นสตรี ส่วนมากล้วนยังอยากเป็นภรรยาและมารดาที่ดี”

มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

สองวันต่อมา ปรากฏว่าสามารถรับสมัครทหารหญิงได้ถึงห้าหมื่นคน

สตรีที่อายุมากที่สุดอายุสามสิบห้าปี สตรีที่อายุน้อยที่สุดคือสิบสองปี

หากไม่ใช่เพราะการคัดกรองอย่างเข้มงวด เกรงว่าอาจมีจำนวนมากกว่าเดิมถึงสองหมื่นคน

สองหมื่นคนนั้นถูกคัดกรองออกเพราะสถานะของสตรีในยุคนี้ต่ำต้อยเกินไป พวกนางไม่มีอาหารและเครื่องนุ่งหุ่มรักษาความอบอุ่นของร่างกายมากพอ ร่างกายของสตรีหลายคนทุกข์ทรมานจนทรุดโทรมไม่ตรงตามคุณสมบัติที่พวกเขากำหนด

ราษฎรในเมืองฮู่เป่ยคงเป็นราษฎรที่มีจิตใจเข้มแข็งและอดทนที่สุดในโลกหล้าแล้ว

พวกเขาได้เห็นด้วยสายตาตนเองว่าเมืองที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญแห่งนี้ขยับขยายอาณาเขตของมัน และกลายมาเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่รองจากเมืองหลวงได้อย่างไร

พวกเขาเห็นสตรีผู้ทำการค้าคนหนึ่งรุ่งโรจน์ขึ้นมา

พวกเขามีอัครมหาเสนาบดีผู้หนึ่ง บัณฑิตที่ได้เป็นจ้วงหยวนอายุน้อยที่สุดผู้หนึ่ง และยังมีขุนนางอีกหลายคน

และตอนนี้ พวกเขาได้เห็นกองทัพสตรีเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์

มู่ซืออวี่ให้ความสำคัญกับกองทัพทหารหญิงเป็นอย่างมาก พวกนางมีค่ายฝึกแยกออกมาต่างหาก และค่ายนั้นอยู่ตรงข้ามค่ายของเหล่าบุรุษ เสียงท่องคำขวัญระหว่างการฝึกในแต่ละวันของทหารหญิงดังก้องฟ้าสะเทือนปฐพี บุรุษเองก็ถูกกระตุ้นจนฮึกเหิมขึ้นมา พวกเขากล่าวว่า ไม่อาจปล่อยให้บุรุษขายหน้าได้ อะไรเทือก ๆ นั้น อย่างไรทหารชายก็จะต้องเหนือกว่าทหารหญิง

เพราะถูกปลุกเร้าจากทหารหญิง กองทัพแนวหน้าจึงรับทหารมาเพิ่มอีกหมื่นนาย ดังนั้นจำนวนทหารทั้งหมดจึงมีถึงสี่หมื่นนาย

ซางจือและฉานอีรับผิดชอบจัดการทหารหญิง

แน่นอนว่าพวกนางย่อมต้องยุ่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นมู่ซืออวี่จึงให้สิทธิ์ทั้งคู่ในการเลือกผู้ที่เห็นแววมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อช่วยพวกนางฝึกกองทัพหญิงอีกที

หลี่กู่หยวนเดินเข้ามาพร้อมกับคนของเขา แล้วคารวะมู่ซืออวี่ “ฮูหยิน นี่เป็นเสบียงที่พวกเราซื้อมาจากเมืองข้างเคียงขอรับ”

มู่ซืออวี่รับรายการมาจากชายหนุ่ม ตัวเลขบนนั้นพลันทำให้นางประหลาดใจ

“จำนวนนี้มากกว่าที่ข้าคาดหวังว่าจะได้ตั้งสองเท่า ท่านทำได้อย่างไร?”

“ข้าน้อยล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่นี่มาแต่ยังเยาว์ ย่อมรู้ว่าในมือผู้ใดมีเสบียง ในมือผู้ใดมีอาวุธ และในมือผู้ใดมีเส้นสาย นอกจากนั้น ตอนนี้ข้าน้อยเป็นจิ้งจอก จิ้งจอกย่อมไม่มีสิทธิ์ในป่ามากมาย แน่นอนว่าต้องพึ่งบารมีของพยัคฆ์และราชสีห์ ข้าน้อยซื้อเสบียงเหล่านี้มาได้เป็นเพราะใช้นามของฮูหยินและสกุลลู่ขอรับ”

“ได้ยินว่าเจ้ามีมารดาชราผู้หนึ่ง”

“ขอรับ” เมื่อเอ่ยถึงมารดาชรา รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่กู่หยวนกลับเลือนหายไป

“อยากต่อสู้เพื่อมอบยศเก้ามิ่งให้นางหรือไม่?” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ

หลี่กู่หยวนประหลาดใจ “ข้าน้อยไม่มีความสามารถพอและไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนเพื่อสอบขุนนาง อีกทั้งยังไม่อยากเข้าร่วมกองทัพ”

“ข้าต้องการลูกศิษย์ผู้หนึ่งที่จะมาร่ำเรียนวิชาจากข้า” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจ้าอยากคารวะข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท