บทที่ 767 ปล่อยพวกเขาไป ทิ้งร่างไร้ลมหายใจของพวกเจ้าไว้
บทที่ 767 ปล่อยพวกเขาไป ทิ้งร่างไร้ลมหายใจของพวกเจ้าไว้
มู่ซืออวี่มองโจวเสียงเฟย “หากเจ้ายอมปล่อยพวกเขา ข้าจะปล่อยให้ศพของเจ้ามีสภาพสมบูรณ์”
เมื่อได้ยินดังนั้น โจวเสียงเฟยก็ชักดาบออกมาจากเอว “ดูเหมือนชื่อเสียงพระโพธิสัตว์ของเจ้าจะได้มาเปล่า ๆ แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่สนใจว่าพวกเขาจะเป็นหรือตาย เช่นนั้นก็มองพวกเขาตายต่อหน้าเสียเถอะ”
“ถึงแม้พวกเขาจะลงไปยังวังยมบาลก็จะรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ที่ฆ่าเขาจริง ๆ ถึงแม้จะต้องกล่าวโทษที่นั่น พวกเขาก็จะบอกว่าเจ้าโจวเสียงเฟยเป็นผู้กระทำ” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยท่าทีสงบ “ในเมืองฮูเป่ยมีราษฎรทั้งสิ้นสามแสนคน หากข้าเปิดประตูเมือง เจ้าย่อมไม่มีทางปล่อยคนที่นี่ไป นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อเจ้าได้รับความมั่งคั่งข้างในแล้ว พวกเจ้าจะลงใต้ต่อและฆ่าฟันไปตลอดทางจนถึงเมืองหลวง หากข้าเปิดประตูให้พวกเขาในวันนี้ ข้าย่อมกลายเป็นคนบาปที่สร้างความโกลาหลให้กับโลก ข้าเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจว่าสิ่งใดสำคัญยิ่งกว่า ประตูเมืองฮู่เป่ย… วันนี้ข้าไม่มีทางเปิดเด็ดขาด!”
“ได้ยินแล้วใช่หรือไม่? นี่คือฮูหยินลู่ผู้ที่ใต้หล้ากล่าวขานกันว่าเป็นคนดี พวกเจ้าเห็นหน้าเนื้อใจเสือของนางแล้วหรือยัง? พวกเจ้าเป็นเพียงชนชั้นต่ำ ต่ำยิ่งกว่ามดปลวก แน่นอนว่าไม่คู่ควรกับความห่วงใยของฮูหยินลู่”
“ฮูหยินลู่ ช่วยพวกเราด้วย พวกเรายังไม่อยากตาย…”
“ขอร้องละ ท่านช่วยพวกเราด้วยเถิด…”
“ฮูหยินลู่ ลูกสาวข้าอายุเพียงสามขวบท่านนั้น เหตุใดท่านใจร้ายเพียงนี้…”
ผู้อพยพคุกเข่าลงตรงหน้าประตูเมือง โขกศีรษะให้มู่ซืออวี่พร้อมทั้งวิงวอนขอความเมตตา
มู่ซืออวี่กำมือแน่น
“อาจารย์ ท่านไม่ต้องมองแล้ว ปล่อยที่นี่ให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด!” หลี่กู่หยวนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ชื่อเสียงนี้ศิษย์จะรับไว้เอง”
“เด็กโง่ นี่เป็นชีวิตมากกว่าหนึ่งพันชีวิต” มู่ซืออวี่มองดูผู้อพย “พวกเขายังมีลูกที่เป็นทารกอยู่ด้วย…”
“แต่อาจารย์ นี่เป็นแผนการของศัตรู พวกเราไม่อาจตกหลุมพรางนะขอรับ” หลี่กู่หย่วนเอ่ย ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเราไม่รับผิดชอบต่อราษฎรในเมือง”
“ไม่สู้พวกเราเปิดประตูเมือง ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาก่อน แล้วค่อยจับเต่าในไหดีหรือไม่?” ผู้บัญชาการทหารรักษาการที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น
“พวกเขามีกองกำลังห้าหมื่นนาย ขอเพียงแค่เราเปิดประตู เดิมทีก็ไม่มีโอกาสจับเต่าในไหได้แม้แต่น้อย พวกเราจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก่อน”
“สู้เถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “ส่วนพวกเขาจะรอดได้หรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว หากพวกเขาฉลาดมากพอ ย่อมรู้ว่าต้องต้านทานศัตรูและปกป้องตนเองอย่างไรในยามเช่นนี้”
ฟิ้ว! ธนูดอกหนึ่งยิงผ่านไป
ธนูดอกนั้นยิงผ่านหน้ามู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่หันกลับไปจึงเห็นว่าผู้ยิงธนูเป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่ง
แม่นางน้อยมีตาดุจเหยี่ยว ใบหน้านางแฝงความเยาว์วัย ทว่านางกับดูเหมือนหมาป่าที่ดุร้าย เพียงสายตาของนางก็ทำให้คนสั่นกลัวได้แล้ว
แม่นางน้อยหันกลับไปมองทางที่ลูกศรดอกนั้นพุ่งไป
“คุ้มกันแม่ทัพ…”
“แม่ทัพ รีบเปิดทาง…”
โจวเสียงเฟยคว้าทหารข้าง ๆ เขามาบังด้านหน้า
ฉึ่บ! ลูกศรทะลุผ่านร่างนายทหารคนนั้น
“มารดามันเถอะ…” โจวเสียงเฟยโมโหแล้ว “ฆ่าพวกมัน…”
หลี่กู่หยวนเอ่ย “ยิงธนู!”
พลธนูที่เตรียมตัวนานแล้วยิงธนูลงไปข้างล่าง
นี่ถือเป็นการเปิดฉากสงครามโดยสมบูรณ์
“อาจารย์ สงครามเริ่มแล้ว ท่านไปจากที่นี่ก่อนเถิด ที่นี่อันตรายเกินไป!”
แม่นางน้อยเมื่อครู่นี้เดินเข้ามาเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “ฮูหยิน ข้าน้อยจะคุ้มกันท่านไปจากที่นี่”
“เจ้ามีนามว่าอันใด? เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ข้าน้อยชื่อลู่เสี่ยวเจ้าค่ะ คุณหนูรับข้าเอาไว้และสั่งให้ข้ายิงคนชั่วช้าผู้นั้น” ลู่เสี่ยวหันไปทางโจวเสียงเฟย
“ลู่เสี่ยวผู้นี้เป็นลูกหมาป่า นางถูกหมาป่าเลี้ยงดูมาจึงแข็งแรงกว่าคนทั่วไป อีกทั้งยังสายตาฉับไวกว่าคนปกติ ระยะนี้คุณหนูจึงสั่งให้คนฝึกธนูให้นางขอรับ” หลี่กู่หยวนที่อยู่ข้าง ๆ อธิบาย
มู่ซืออวี่พยักหน้า นางโบกมือแล้วเอ่ย “ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่ตรงนี้”
สงครามเปิดฉากขึ้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจนตายไปข้าง ในยามเช่นนี้ ตัวตนของมู่ซืออวี่เป็นประหนึ่งกระดูกสันหลังของพวกเขา การยืนอยู่ที่นี่ย่อมทำให้เหล่าทหารฮึกเหิมมากขึ้น
นางมองผู้อพยพที่จมหายไปกับสงคราม
เครื่องเหวี่ยงหิน บันไดไต่กำแพง เครื่องพังประตูเมืองล้วนถูกนำมาใช้ทั้งสิ้น กบฏคนแล้วคนเล่าพยายามหาวิธีเข้ามาในเมืองฮู่เป่ย
ทหารเมืองฮู่เป่ยยืนอยู่บนกำแพงเมืองตอบโต้กลับ เมื่อทหารเหล่านั้นไต่บันไดขึ้นมา พวกเขาท้าทายศัตรู จากนั้นจึงทำลายบันไดของอีกฝ่าย
สิ่งที่น่ารังเกียจคือเครื่องเหวี่ยงหินเหล่านั้น ทันทีที่หินเหล่านั้นถูกยิงใส่คน ไม่นานก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ทหารเมืองฮู่เป่ยใช้เวลาหนึ่งเค่อในการพลิกผันสถานการณ์ นี่เป็นสงครามที่ต่อสู้กันด้วยเวลา ผู้ใดล้มก่อนย่อมพ่ายแพ้ก่อน แต่จากภาพรวมแล้ว เมืองฮู่เป่ยเป็นฝ่ายเหนือกว่า นอกจากนี้ ระยะเวลาที่ผ่านมาเมืองฮู่เป่ยได้สร้างกลไกมากมาย เมื่อกลไกเหล่านั้นถูกเปิดใช้งาน ลูกธนูจำนวนมากก็พุ่งออกไปในอากาศ
“นั่นคืออะไร?” มีคนร้องตะโกนขึ้น
กองทัพกบฏมองฝนธนูห่าใหญ่ แต่ละคนต่างหวาดกลัวถึงขนาดปัสสาวะราด
เมื่อครู่นี้โจวเสียงเฟยเพิ่งเอ่ยประโยค ‘ยึดเมืองฮู่เป่ยได้ สตรียกให้ทุกคน’ ทำให้ทหารทั้งหลายมีขวัญกำลังใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในตอนนี้ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทั้งหมดกลับเหือดหายไปแล้ว
โจวเสียงเฟยกัดฟันแน่น “เป็นพวกเจ้าที่บังคับให้ข้าทำเช่นนี้ อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมก็แล้วกัน”
ปัง! เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นมา
มู่ซืออวี่ก้มลงมอง เห็นคนเหล่านั้นนำลูกระเบิดออกมาจากที่ใดไม่ทราบได้ ขณะที่พวกเขาเริ่มขว้างระเบิดออกมา ประตูเมืองก็เริ่มร้าวแล้วเช่นกัน
“ท่านอาจารย์ ของสิ่งนี้…” หลี่กู่หยวนเอ่ย “ข้ารู้จัก มีนักพรตบางคนชอบกลั่นยาอายุวัฒนะ ตอนที่พวกเขากลั่นจะเกิดการระเบิดขึ้นบ่อยครั้ง หรือว่าพวกเขาดัดแปลงมันเป็นอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้”
มู่ซืออวี่ในฐานะคนยุคปัจจุบันย่อมรู้ถึงความร้ายแรงของอาวุธดังกล่าว น่าเสียดาย นางไม่รู้ว่าควรผลิตมันอย่างไร อีกทั้งวัตถุดิบก็ยังหาได้ยากยิ่ง ระยะเวลาที่พวกนางมีสั้นเกินไป หากใช้เวลาสิ้นเปลืองไปกับสิ่งนี้ผลลัพธ์ย่อมไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นฮูหยินลู่จึงจดจ่อกับการรับสมัครทหารจนไม่มีอาวุธทำลายล้างเช่นนี้
“กู่หยวน โยนเมล็ดถั่วลงไป” มู่ซืออวี่เอ่ย “สร้างความโกลาหลภายในให้พวกเขาก่อนเถอะ”
เมื่อเมล็ดถั่วถูกโรยลงไป ม้าเหล่านั้นก็ล้มกลิ้งเป็นลูกมะนาว ภาพฉากเบื้องหน้าวุ่นวายอลหม่านเป็นอย่างมาก
จากนั้นฟางก็ถูกโยนลงไปเช่นกัน
เมื่อม้าเห็นฟางแล้วจะยอมขยับได้อย่างไร? ด้วยเหตุนี้ ม้าหลายตัวจึงก้มกินฟางอยู่ตรงนั้น
เพียงแต่…
ฟางเหล่านั้นมีพิษ
ม้าตัวแล้วตัวเล่าล้มลงแน่นิ่งกับพื้น
“ถอยทัพ” โจวเสียงเฟยเห็นเช่นนี้จึงรีบออกคำสั่งตีกลองถอยทัพทันที
ทัพกบฏจากไปรวดเร็วดังเช่นตอนมา นี่นับได้ว่าเป็นการเผชิญหน้าทัพกบฏครั้งแรกของเมืองฮู่เป่ย อีกทั้งยังเป็นชัยชนะครั้งแรกของพวกเขาด้วย
“ถอยไปแล้ว ๆ!”
“ดียิ่งนัก!”
มู่ซืออวี่มองกบฏเหล่านั้นแล้วเอ่ยว่า “อีกฝ่ายจะไม่ยอมแพ้แต่เพียงเท่านี้ ทุกท่านถือโอกาสนี้พักผ่อน เตรียมตัวสำหรับการสู้รบครั้งถัดไปเถิด”
“ฮูหยินวางใจ เราทุกคนล้วนทราบดี” ผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์เอ่ย “แต่ผู้อพยพเหล่านั้นเล่า? เมื่อครู่นี้ข้าน้อยตรวจดูแล้ว ผู้อพยพบางส่วนตาย บางส่วนยังมีชีวิต”
“ทัพกบฏไปแล้ว แต่ผู้อพยพเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ พวกเราไม่อาจเมินเฉยได้” หลี่กู่หย่วนเอ่ย “ท่านอาจารย์ มอบให้ข้าจัดการเถอะ!”
“ผู้อพยพเหล่านี้จะต้องมีความแค้นต่อเรา เราไม่อาจให้พวกเขาอยู่ในเมืองฮู่เป่ย” มู่ซืออวี่เอ่ย “จัดเตรียมคนส่งพวกเขาไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ให้พวกเขาอยู่ที่บ้านชาวบ้าน เลือกครอบครัวที่มีบุรุษแข็งแรงและฉลาดเท่าทันคน ผู้อพยพแต่ละคนล้วนต้องเฝ้าจับตามองให้ดี สงครามจบลงแล้วค่อยจัดการเรื่องนี้”
“ขอรับ!”