บทที่ 791 ฮูหยิน ข้านำกองทัพมาหักร้างถางพงให้ท่านแล้ว
บทที่ 791 ฮูหยิน ข้านำกองทัพมาหักร้างถางพงให้ท่านแล้ว
ภายในสองเดือน จำนวนราษฎรที่มาจากเมืองอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นถึงสามหมื่นคน
เมื่อเลือดใหม่ถูกฉีดเข้ามา ในที่สุดเมืองถงหยางก็กลับมามีชีวิตดังเดิม
อย่างไรก็ตาม เมื่อคนมากขึ้น เรื่องหยุมหยิมก็มากขึ้นตามไปด้วย ทุกวันจึงเต็มไปด้วยเรื่องวุ่นวายมากมาย
“ท่านแม่ วันนี้ผู้ค้าอีกสิบห้ารายจะมาเข้าร่วมกับเมืองถงหยางของเรา ข้าให้พวกเขาเลือกทำเลร้านตามที่ท่านบอกแล้ว พวกเขาก็จ่ายค่าเช่ามาหนึ่งปี”
ภายในสองเดือน มู่ซืออวี่ขอนายช่างห้าร้อยคนมาจากเมืองฮู่เป่ยเพื่อช่วยสร้างถนนการค้าสองสายให้ที่นี่
ร้านค้าที่ถนนการค้ามีไว้ให้เช่าเท่านั้น ไม่ได้ขายขาด หากต้องการซื้อที่ดินปลูกบ้าน ราคาย่อมต่างออกไป
ถ้าถามว่าผู้ใดเชื่อในความสามารถของมู่ซืออวี่มากที่สุด แน่นอนว่าย่อมเป็นเจิ้งซูอวี้และสามี หลายปีมานี้เจิ้งซูอวี้หาเงินได้ไม่น้อย ในมือมีเงินเก็บจำนวนมาก นางจึงตัดสินใจซื้อที่ดินปลูกบ้านในเมืองถงหยางอย่างไม่ต้องคิดเยอะ
และยังมีฉินเหวินหาน เขาเป็นเจ้าบ้านสกุลฉิน หลายปีที่ผ่านมากิจการของสกุลฉินเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีผู้ใดสงสัยหัวการค้าของเขา หลายวันมานี้ ฉินเหวินหานจึงดึงดูดพ่อค้าหลายคนที่มีสายสัมพันธ์ไม่เลวมาทำการค้า
มู่ซืออวี่มีเงิน ขอแค่เพียงให้เวลานางระยะหนึ่ง นางย่อมจัดการที่แห่งนี้ให้ดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ค้าคนอื่น ๆ มาลงทุนและลงแรงในเมืองถงหยาง เวลาที่จะใช้ในการพัฒนาย่อมสั้นลงมาก
“กระจายข่าวออกไป บอกว่าเราเสนอการค้าที่น่าดึงดูดเป็นเวลาครึ่งปีให้ ในระยะเวลาครึ่งปีนี้ ภาษีการค้าจะได้รับการยกเว้น คิดค่าเช่าเพียงหนึ่งส่วน หลังจากพ้นช่วงเวลานี้ไป ถึงแม้จะเป็นเพียงหนึ่งวัน ภาษีการค้ายังคงจะได้รับการยกเว้นเป็นเวลาสามปี ทว่าค่าเช่าจะกลับสู่ราคาเดิม”
“เจ้าค่ะ”
หลี่กู่หยวนเดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วเอ่ยว่า “อาจารย์ ท่านกำลังตามหาข้าหรือ?”
“เจ้าจัดเตรียมคนสักสองสามคนไปย้าย ‘แผนพัฒนาเมืองถงหยางในอนาคต’ ที่ข้าออกแบบไปที่ลานกว้างที่ใหญ่ที่สุดใน ‘ถนนการค้าหย่งผิง’ หน่อย”
หลี่กู่หยวนมองตัวอย่างแผนพัฒนาเมืองที่อยู่ด้านหลังมู่ซืออวี่แล้วเอ่ยว่า “อาจารย์ หากสิ่งนี้ถูกย้ายออกไป ไม่รู้ว่าจะมีคนมากน้อยเพียงใดฮือฮาเพราะมัน”
“นั่นคือผลลัพธ์ที่ข้าต้องการ” มู่ซืออวี่เอ่ย “นอกจากนั้น หมู่นี้ข้าเพิ่งวาดภาพทิวทัศน์ชุดหนึ่งออกมา เจ้าหาคนสักสองสามคนนำภาพวาดเหล่านั้นขายไปยังที่อื่นเถิด”
ภาพที่นางวาดล้วนเป็นทิวทัศน์ในท้องที่เมืองถงหยาง เพียงทำให้อยู่ในรูปแบบของจิ๊กซอว์
นางวาดภาพทิวทัศน์ทั้งเมืองถงหยางเอาไว้ในนั้น รวมไปถึงภาพในอนาคตที่พัฒนาแล้วและภาพทิวทัศน์ในชานเมือง อีกทั้งยังใส่คำบอกใบ้เข้าไปในภาพว่าภาพชุดนี้สามารถนำมาประกอบกันได้ หากมีคนรวมพวกมันทั้งหมดเข้าด้วยกันก็จะกลายเป็นภาพเมืองถงหยางที่สมบูรณ์
ในโลกนี้แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยขาดผู้ที่ชอบเล่นตัวต่อภาพ และภาพวาดของนางก็มีราคาแพงมาก บัดนี้ไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยออกไปสักชุด เพราะต้องมีคนจำนวนมากพุ่งมาซื้อหามันแน่นอน
นางเพียงแต่ต้องการให้คนรู้ว่ามู่ซืออวี่ได้มายังเมืองถงหยางแล้ว ที่นี่เป็นอาณาเขตของนาง และเรื่องราวบทใหม่ก็กำลังจะเปิดฉากขึ้น
หลี่กู่หยวนให้คนของเขาไปติดตั้งตัวอย่างเมืองที่งดงามประณีตนี้ไว้ในสถานที่ที่สะดุดตาคนที่สุดในถนนการค้าหย่งผิง
ตู้สำหรับแสดงตัวอย่างได้จัดเตรียมไว้แล้ว
ตัวอย่างชุดนี้มียอดฝีมือคอยเฝ้าไว้ แน่นอนว่าตู้นี้ย่อมไม่ใช่เพียงตู้ธรรมดา หากมีคนพยายามทำลาย กลไกจะทำงานในทันที
“นายท่านหลี่ นี่คือของอะไรหรือ?” ผู้ที่เดินสัญจรผ่านไปมาเอ่ยถาม
ระหว่างการเคลื่อนย้ายเมื่อครู่นี้เกิดเสียงดังอึกทึกจึงมีคนจำนวนมากตามหลี่กู่หยวนมายังถนนการค้า เพื่อดูว่ามันคือของอะไร
“นี่คือหน้าตาเมืองถงหยางของเราในภายหน้า อาจารย์ข้าบอกว่านี่เป็นตัวอย่างที่นางทำขึ้น” หลี่กู่หยวนกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ทุกรายละเอียดของมันล้วนเป็นอาจารย์ข้าที่ออกแบบและทำขึ้น กล่าวได้ว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าและเป็นทรัพย์สินที่สำคัญยิ่งของเมืองถงหยางเรา ทุกคนต้องคอยสอดส่องดูแลให้ดีเล่า หากมีผู้ใดกล้าทำลายมัน ผู้ดูแลที่นี่จะไม่ละเว้นใครทั้งสิ้น”
“ฮูหยินลู่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก”
“ฮูหยินเป็นช่างที่มีฝีมือยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“หากเมืองถงหยางเราภายหน้างามเพียงนี้ นั่นก็เหมือนกับแดนเซียนเชียวนะ”
“เมืองฮู่เป่ยก็เป็นอาจารย์ข้าที่สร้างขึ้นมา อนาคตของเมืองถงหยางมีเพียงดีกว่าเมืองฮู่เป่ยเท่านั้น เพราะที่นี่คือที่ศักดินาของอาจารย์” หลี่กู่หยวนเอ่ย “จริงสิ อาจารย์ข้าวาดภาพที่เกี่ยวข้องกับเมืองถงหยางชุดหนึ่ง ทั้งหมดมีห้าสิบภาพ หากนำห้าสิบภาพนี้มาปะติดปะต่อกันก็จะเป็นภาพวาดของทั้งเมืองถงหยางในอนาคต ภาพวาดเหล่านั้นถูกส่งไปขายในหลาย ๆ ที่ ไม่รู้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้โชคดี รวบรวมภาพวาดชุดนี้ได้”
“นั่นคงแพงมากกระมัง?”
“แพงแน่นอน พวกเราซื้อไม่ไหวหรอก”
“นายท่านหลี่…” คนงานผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา “จู่ ๆ ก็มีทหารมากมายมาที่ประตูเมืองเราขอรับ”
หลี่กู่หยวนมีสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าจะไปดูหน่อย”
ณ ประตูเมือง ฉีเซียวคอยอยู่ที่นั่นพร้อมกับทหารของเขา
เมื่อหลี่กู่หยวนมาถึงและเห็นว่าเป็นฉีเซียวจึงเอ่ยว่า “ที่แท้เป็นแม่ทัพฉีนี่เอง”
ฉีเซียวกล่าว “บอกอาจารย์ของเจ้าว่า ข้ามาทำตามสัญญาแล้ว”
“ฮ่า ๆ แม่ทัพฉี อาจารย์ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว” หลี่กู่หยวนเอ่ย “เพียงแต่คนมากมายเพียงนี้ หากเข้าเมืองก็ยากจะจัดหลักแหล่งที่พักให้ได้ มิสู้พักผ่อนอยู่นอกเมืองเถิด อากาศเช่นนี้ไม่นับว่าเย็นจนเกินไปนัก ตั้งกระโจมแล้วก่อกองไฟ เช่นนี้ก็พอแก้ขัดไปได้หนึ่งคืนแล้ว”
“ได้”
มู่ซืออวี่กำลังสะสางบัญชี เมื่อนางเห็นเงินที่ถูกใช้ไปราวกับสายน้ำ หัวใจก็ร้าวรานประหนึ่งอกหัก
“อาจารย์ แม่ทัพฉีมาแล้วขอรับ”
หลี่กู่หยวนเดินนำฉีเซียวเข้ามา
มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้น หันไปมองฉีเซียวที่กำลังเดินเข้ามา
เดิมทีฉีเซียวชอบสวมใส่ชุดสีดำแดง โดยมีหน้ากากบดบังใบหน้าละเอียดประณีตหล่อเหลาของเขาไว้ แถมทั้งกายเขายังแผ่รังสีแห่งการฆ่าฟันออกมา บัดนี้เมื่อเปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าเรียบ ๆ บนศีรษะประดับกวานหยก ใต้เท้าฉีจึงดูราวกับเป็นคุณชายสง่างามผู้หนึ่ง
“ท่านแต่งตัวเช่นนี้… นำทัพออกรบ ไม่ถูกคนเหยียดหยามเอาหรือ?”
“เช่นนั้นก็ดี นั่นหมายความว่าข้าชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง” ฉีเซียวนั่งลงฝั่งตรงข้าม “ตอนนั้นรับปากท่านไว้ บัดนี้ข้ามาทำตามสัญญา คนของข้ารออยู่นอกเมืองแล้ว เพียงแค่รอให้ท่านจัดการก็จะหักร้างถางพงให้ทันที”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
มู่ซืออวี่แบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายส่วนและมอบหมายให้กับทหารของฉีเซียวจัดการ
“เรามีอาหารให้พวกท่านวันละสามมื้อ ละแวกนั้นมีบ้านเรือนว่าง ให้ทุกคนเบียด ๆ กันอยู่ไปก่อน”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าพาพวกเขาไปปราบโจรถึงรังโจรหลายที่ ความลำบากอะไรล้วนพบเจอมาแล้ว เพียงแค่นี้ไม่นับเป็นอะไร” ฉีเซียวเอ่ยพลางมองภาพวาดที่ผนังด้านหลังนาง
“นี่อะไร?”
“หืม?” มู่ซืออวี่มองตามสายตา เมื่อเห็นสิ่งที่เขาเอ่ยถึงจึงบอก “นี่เป็นแผนการในอนาคตสำหรับเมืองถงหยางของข้า”
“แล้วนั่นอะไร?”
“ตรงนั้นมีวัดแห่งหนึ่ง ข้าตั้งใจว่าจะสร้างเจดีย์องค์หนึ่งที่นั่น เพียงแต่เรื่องนี้ไม่รีบร้อน ภายหน้าค่อยจัดการ ตอนนี้ต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้องของผู้คนก่อน”
“เช่นนั้นที่นี่เล่า?”
“นี่เป็นสำนักบัณฑิตคงจงที่ข้าวางแผนไว้ล่วงหน้า”
เมื่อเอ่ยถึงสำนักศึกษาแห่งนี้ มู่ซืออวี่มีเรื่องมากมายให้กล่าวถึง
“เขาลูกนี้ใหญ่มาก ข้าไปที่นั่นมาแล้ว ทิวทัศน์งดงามเป็นพิเศษเชียว หากขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเขาในยามเช้า ก็จะเห็นหมอกขาวลอยละล่องสายหนึ่ง ราวกับแดนเซียน…”
มู่ซืออวี่หยิบภาพวาดชุดหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก แล้วอธิบายภาพของสำนักบัณฑิตคงจงให้ฉีเซียวฟังโดยละเอียด