บทที่ 794 ใต้เท้าฉี กองทัพกับชาวบ้านไม่เคยเป็นศัตรูกัน
บทที่ 794 ใต้เท้าฉี กองทัพกับชาวบ้านไม่เคยเป็นศัตรูกัน
ฉีเซียวไม่ได้ปฏิเสธการตีความคำพูดของมู่ซืออวี่
อันที่จริงแล้ว นั่นคือความหมายของเขา
นับตั้งแต่โบราณ ราษฎรมีความกลัวต่อทหารโดยสัญชาตญาณ และเพราะความกลัวนี้จึงทำให้การกำราบพวกเขาประสบผล ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อฟังกฎแต่โดยดี
“ข้าไม่คิดเช่นนั้น” มู่ซืออวี่เอ่ย “ทหารก็คือราษฎร ราษฎรก็กลายมาเป็นทหารได้ เหตุผลที่เมืองฮู่เป่ยปกป้องเมืองไว้ได้ก็เพราะกองทัพและราษฎรรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน พึ่งพาซึ่งกันและกัน เกราะป้องกันเมืองจะแข็งแกร่งหรือไม่ ไม่ใช่เพราะทหารในเมืองนั้นโหดเหี้ยมเพียงพอ หากแต่เป็นเพราะราษฎรรักเมืองเมืองนั้น ยินดีที่จะร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อสันติสุข”
“ต่อให้ทหารแข็งแกร่งเพียงใดก็ยังคงเป็นมนุษย์ ยังมีจุดอ่อน หากราษฎรไม่ปฏิบัติตามกฎ ต่อให้ทหารจะแข็งแกร่ง พวกเขายังจะจัดการราษฎรทั้งเมืองได้หรือ? ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือ การพัฒนาเมืองต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคน นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าทหารยิ่งน่าเกรงขาม ยิ่งได้รับความเคารพ หากแต่เป็นทหารยิ่งรู้จักห่วงใยราษฎรจึงจะยิ่งได้รับความเคารพ หากไม่เชื่อพวกเราสามารถลองดูได้”
“ข้าเถียงไม่สู้ท่านจริง ๆ”
“นั่นเพราะข้ามีเหตุผล”
“อย่างไรเสียข้าก็ติดหนี้ท่าน ไม่ว่าเจ้าหนี้จะกล่าวอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ลูกหนี้อย่างข้าจะกล้าปฏิเสธหรือ?”
“แม่ทัพฉีรู้จักสถานการณ์ เป็นผู้เฉลียวฉลาดโดยแท้จริง!”
ฉีเซียวยิ้มอย่างจนปัญญา
ดังที่คาดการณ์ไว้ พ่อค้ากว่าสิบรายนำโดยสกุลฉินได้ส่งวัสดุที่มู่ซืออวี่ต้องการมาให้
มู่ซืออวี่เพียงแต่งตั้งฉินเหวินหานให้เป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าเมืองถงหยางอย่างง่ายดาย
หัวหน้ากลุ่มการค้าเมืองฮู่เป่ยยังคงเป็นมู่ซืออวี่ ครั้งก่อนมู่ซืออวี่คิดจะส่งต่อตำแหน่งให้กับพ่อค้าคนอื่น ๆ กลับไม่มีผู้ใดเต็มใจที่จะยอมรับมัน พวกเขารู้สึกว่านางเหมาะจะเป็นประธานกลุ่มการค้าเมืองฮู่เป่ย
ครั้นจัดตั้งกลุ่มการค้าขึ้นที่นี่แล้วก็เหนียวแน่นขึ้นดังคาด
ผลประโยชน์ที่มู่ซืออวี่วาดไว้ให้พวกเขานั้นสวยงามยิ่ง กระทั่งว่าแม้ทุนรอนที่พวกเขาลงไปในช่วงเวลานี้ ไม่ทันได้รับผลตอบแทนกลับคืนมา พวกเขาก็ไม่ยินดียอมแพ้ไประหว่างทาง
ไม่ต้องเอ่ยถึงสิ่งอื่นใด นี่ก็เพียงเพื่อแผนพัฒนาเมืองถงหยางในอนาคตที่ตั้งอยู่ที่ ‘ถนนการค้าหยงผิง’
ทหารของฉีเซียวถูกแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละหลาย ๆ คน แต่ละกลุ่มจะมีหนังสือภารกิจ หลังจากทำภารกิจเสร็จตามคำแนะนำข้างต้นแล้วค่อยกลับไปรายงานตัวที่ค่ายทหาร
“ของสิ่งนั้นช่างวิเศษจริง ๆ! เพียงแค่เผาฟืนก็ทำให้ทั้งบ้านอบอุ่นแล้ว พ่อข้าก็แข็งตายในฤดูหนาวนี่แหละ หากเรามาเมืองถงหยางเร็วกว่านี้ ด้วยร่างกายกับกระดูกเขาแล้ว อย่างน้อยพ่อข้าคงอยู่ได้เป็นสิบ ๆ ปี ข้าเป็นลูกอกตัญญู ไม่ได้พาท่านมาสถานที่ที่ดีเพียงนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ”
“แม้จะพาพ่อเจ้ามาที่นี่ก่อนหน้านี้ก็ไม่อาจรั้งพ่อเจ้าไว้ได้ เมื่อก่อนเมืองถงหยางไม่ได้เป็นเช่นนี้ เปลี่ยนแปลงดีขึ้นเพียงนี้ ล้วนต้องขอบคุณฮูหยิน”
“ในตอนนี้เรามีชีวิตที่ดี ล้วนต้องขอบคุณฮูหยิน ผู้มีสถานะอย่างฮูหยินปฏิบัติต่อราษฎรเป็นอย่างดี ช่างเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิตจริง ๆ”
ฉีเซียวเดินไปบนท้องถนน
อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ แล้ว อาการไอของเขากลับมากำเริบอีกครั้ง
มู่ซืออวี่ไม่รู้ว่าไปได้ยินเรื่องนี้จากที่ใด ถึงได้มาหายังที่เขาพักอาศัย มิหนำซ้ำยังยืนกรานจะให้เขากลับไปพักผ่อนที่ศาลาว่าการ อีกทั้งนางยังปรุงน้ำแกงให้เขาอบอุ่นร่างกายด้วย
หมู่นี้นางยุ่งมากเพียงใด แม้ผู้อื่นไม่รู้ เขาจะไม่รู้ได้หรือ? เพื่อร่างกายผุพังเช่นนี้ของเขา นางถึงขั้นต้องสละเวลาทำน้ำแกงอบอุ่นร่างกายให้ ถึงแม้เขาจะยินดีก็เกรงว่าชาวบ้านข้างนอกจะประณามเอาได้
ด้วยเหตุนี้ ฉีเซียวจึงลอบหนีออกมาเงียบ ๆ
“หนุ่ม ๆ ขอบคุณพวกเจ้ามากจริง ๆ นี่เป็นสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของข้า อย่าได้รังเกียจไปเลย!”
“มิได้ พวกเรารับไว้ไม่ได้ขอรับ” ทหารสองสามคนนั้นปฏิเสธน้ำใจของชาวบ้าน
“นี่เป็นผลไม้แห้งที่ข้าทำเอง พวกเจ้าลองชิมดูเถิด! ที่บ้านข้าก็ไม่ได้มีของดีอะไร มีเพียงนำสิ่งนี้มาแทนคำขอบคุณของพวกเราแล้ว”
“ไม่เอาขอรับ ฮูหยินบอกว่า พวกท่านก็เป็นเหมือนครอบครัว ข้าทำเพื่อครอบครัวย่อมไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน รีบกลับไปเถิดขอรับ พวกเราต้องไปแล้ว”
ชาวบ้านเหล่านั้นมองดูเงาร่างทหารวิ่งจากไป พลางเอ่ยทั้งน้ำตา “หนุ่ม ๆ เหล่านั้นดีจริง ๆ! ลูกชายทรพีไม่คิดจะสนใจไยดีข้า นึกไม่ถึงว่าจะมีเด็กหนุ่มหลายคนนี้มาช่วยทำงาน หากลูกชายข้าดีได้เพียงครึ่งของพวกเขา ชีวิตนี้ก็คุ้มค่าแล้ว”
“เด็กหนุ่มเหล่านี้ดีจริง ๆ ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้นำกองทัพ ก่อนหน้านั้นโจวเสียงเฟยเคยนำกองทัพมาก่อน มีเพียงไม่กี่ครัวเรือนเท่านั้นที่ไม่ถูกรังแก ก่อนหน้านี้คิดว่าทหารล้วนเป็นโจรกันหมด ไม่สิ เลวทรามต่ำช้าเสียยิ่งกว่าโจรเสียอีก โจรมันยังไม่แตะต้องคนรอบกายตนเอง ยามปล้นคนในเมืองก็ไม่ได้โหดเหี้ยมแม้แต่น้อย บัดนี้ข้ารู้แล้วว่าตนความรู้ตื้นเขิน ทหารนั้นเป็นคนดี แต่ผู้ที่เลวคือคนที่สู้ไม่ได้แม้แต่สุกรสุนัขเหล่านั้นต่างหาก”
“ท่านผู้เฒ่า ท่านเป็นชาวเมืองถงหยางหรือ?”ไอรีนโนเวล
“ก็ใช่น่ะซี! หลายคนในเมืองไม่พอใจฮูหยิน คิดว่าฮูหยินทำให้พวกเขาต้องสูญเสียญาติ ทว่าผู้เฒ่าที่ตัวคนเดียวอย่างข้ากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เดิมทีข้ามีหลานสาวผู้หนึ่ง นางถูกเดรัจฉานพวกนั้นฆ่าตาย ข้าแก่แล้ว อยู่ได้อีกไม่กี่ปี ถึงแม้จะเกลียดชังพวกมันเพียงใดก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงรอคอยความตายอยู่ที่นี่เท่านั้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นเดรัจฉานพวกนั้นตาย”
ฉีเซียวเดินผ่านประตูบ้านชาวบ้านเหล่านั้น
ระหว่างทาง เขาก็ได้พบเห็นฉากที่คล้ายกันนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาจดจำคำพูดของมู่ซืออวี่ได้
ทหารก็เป็นราษฎร ราษฎรก็เป็นทหาร ทหารและราษฎรรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันจึงไม่มีสิ่งใดตีแตกได้
“บางทีเมืองฮู่เป่ยทำให้ศัตรูปราชัยอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นฟ้าลิขิต” ฉีเซียวเอ่ย “แต่ไหนแต่ไรมาข้านึกไม่ถึงว่าแม่ทัพที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกร หากแต่เป็นผู้ทำการค้าคนหนึ่ง”
ทุกวันหลังจากนั้น ฉีเซียวจึงอนุญาตให้ทหารเหล่านี้ค่อย ๆ ทำตัวกลมกลืนไปกับชาวบ้าน
เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ชาวบ้านที่เพิ่งมาถึงก็รู้สึกว่าตนเป็นคนของที่นี่แล้ว
ประการแรก ที่ดินที่นี่ให้เปล่าจริง ๆ ส่วนบ้านนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ให้เปล่าแต่ก็สามารถผ่อนชำระได้ตามกำลังของตน อีกทั้งยังแบ่งจ่ายได้หลายรูปแบบ พวกเขาสามารถจ่ายเป็นเงิน หรือจ่ายเป็นเสบียงอาหารได้ ภายในระยะเวลาสามปีหรือจ่ายภายในสิบปีก็ได้
เพียงแต่สามปีกับสิบปีนั้นย่อมแตกต่างกัน หากไม่ยินดีจะจ่ายดอกเบี้ยสูงเกินไป เช่นนั้นก็ต้องทำงานให้หนักขึ้น และรีบจ่ายหนี้ให้หมดตั้งแต่เนิ่น ๆ
มู่ซืออวี่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยคิดว่าการทำให้พวกเขารู้สึกกดดันกับการจ่ายหนี้บ้านจะมีอะไรไม่ถูกต้อง หากอะไร ๆ ล้วนให้เปล่า เช่นนั้นหากพวกเขาคิดจะไปก็ไปคิดจะมาก็มา ย่อมไม่เห็นคุณค่าของมัน
หากอยากให้พวกเขารู้จักถนอมสิ่งที่ตนมีในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ต้องสร้างเงื่อนไขในการเอาตัวรอดให้ แต่ยังต้องสร้างแรงกดดันเพื่อที่จะมีชีวิตรอดให้พวกเขาด้วย ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะเอาแต่กินดื่มทุกวันรอคอยความตาย
“อาจารย์ ตามสถิติวันนี้ มีสกุลหนึ่งย้ายทั้งสกุลมาที่นี่แล้วขอรับ” หลี่กู่หยวนวิ่งเข้ามาบอกมู่ซืออวี่ในห้องตำรา
“เรื่องนี้มีอะไรแปลกหรือ?”
“สกุลนั้นเป็นสกุลบัณฑิตที่มีลูกศิษย์ลูกหาชื่อเสียงโด่งดังมากมายทั่วหล้านะขอรับ ทุกคนในสกุลพวกเขาล้วนเป็นนักปราชญ์ที่มีลูกศิษย์รักเคารพอยู่ทั่วใต้หล้า” หลี่กู่หยวนเอ่ย “ท่านลองเดาดูเถิดว่าเพราะเหตุใด? พวกเขามาเพราะภาพวาดสำนักบัณฑิตคงจงของท่าน! เพื่อสำนักบัณฑิตคงจงนี้ นึกไม่ถึงว่าจะย้ายมาที่นี่ทั้งสกุล อาจารย์ คนเหล่านี้สำคัญยิ่งนัก ข้าไม่กล้าไปรับรองพวกเขา ทำได้เพียงเชิญท่านไปดูแล้ว”
“แผนข้าได้ผลแล้ว” มู่ซืออวี่ลุกขึ้น “ไป พวกเราไปพบแขกคนสำคัญเหล่านี้กันเถิด!”