สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 800 ขุดหลุมพรางสำเร็จ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 800 ขุดหลุมพรางสำเร็จ

บทที่ 800 ขุดหลุมพรางสำเร็จ

“จับได้แล้วขอรับ!” ผู้ใต้บังคับบัญชาเดินเข้ามาจากข้างนอก แล้วเอ่ยกับลู่ฉาวอวี่ที่กำลังนั่งจัดการงานราชการ

ลู่ฉาวอวี่วางหนังสือราชการในมือลง แล้วเอ่ยถาม “จับกุมได้กี่มากน้อย?”

“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคน…” ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบ

“ไม่ถูก ยังมีอีกสามคน” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “สามคนนี้คงเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่เบาจึงไม่ตกหลุมพราง”

“เช่นนั้นจะทำอย่างไรขอรับ?”

“ในเมื่อตอนนี้แหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว วิธีการเดิมย่อมไม่ได้ผลอีกต่อไป เจ้าหาตัวตนและหน้าตาของสามคนนั้นออกมา ปิดประกาศจับแต่ละคน ทำให้พวกเขาเป็นที่ต้องการของคนทั่วทั้งใต้หล้า”

บนโลกนี้ไม่มีที่ใดที่ลมลอดผ่านไปไม่ได้ ขอเพียงพวกมันยังเดินเตร่อยู่ด้านนอก ย่อมต้องมีคนพบที่อยู่ อีกทั้งยังมีอาชีพที่เรียกว่านักล่าค่าหัว ขอเพียงรางวัลตอบแทนมากพอ ไม่มีผู้ใดที่พวกเขาจับไม่ได้

ไม่นานก็ได้หน้าตาและตัวตนของปลาที่หลุดรอดตาข่ายสามคนนั้น ทางการจึงติดประกาศจับพร้อมกับแจ้งเงินรางวัลนำจับทันที

คืนนั้น เมื่อลู่อี้กลับไปถึงบ้านก็เอ่ยถามพ่อบ้านว่านายน้อยกลับมาแล้วหรือไม่ พ่อบ้านจึงรายงานว่ากลับมาแล้ว

“หลังจากนายน้อยกลับมาก็สั่งให้คนจัดเตรียมสัมภาระทันที ดูเหมือนกำลังจะเดินทางไกลขอรับ” พ่อบ้านกล่าว

“ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?”

“ห้องตำราขอรับ”

“ทานอาหารแล้วหรือยัง?”

“นายน้อยบอกว่าทานมาจากข้างนอกแล้วขอรับ พอกลับมาก็ขังตนเองอยู่แต่ในห้องตำรา ไม่ออกมาอีกเลยขอรับ”

“ที่บ้านเหลืออยู่เพียงสองคน นอกจากเรื่องราชการแล้วก็ไม่ได้พูดคุยกันเรื่องอื่น เจ้าเด็กคนนั้นเป็นคนพูดจาไม่เก่ง ไม่เคยพูดจาเรื่อยเปื่อยกับข้า” ลู่อี้ถอดเสื้อคลุมออกส่งให้บ่าวรับใช้ข้างกาย

พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างจึงกล่าวว่า “นายน้อยไม่ได้เหมือนนายท่านหรือขอรับ”

“ฮูหยินกำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่ที่เมืองถงหยาง เกรงว่าคงจะลืมนายท่านอย่างพวกเราสองคนไปนานแล้ว” ลู่อี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

พ่อบ้านและบ่าวรับใช้หลายคนที่อยู่ใกล้ ๆ แต่ละคนต่างก้มหน้าก้มตาพยายามหุบยิ้ม

ครอบครัวอื่นล้วนมีแต่ภรรยาขี้บ่น ดูนายท่านที่เป็นถึงอัครมหาเสนาบดีราชวงศ์นี้สิ ยามเขาเอ่ยถึงฮูหยินล้วนเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ ประหนึ่งสามีขี้บ่นที่ถูกภรรยาทอดทิ้งให้อยู่ที่บ้านอย่างไรอย่างนั้น

“นายท่าน ต้องเตรียมอาหารหรือไม่ขอรับ?”

“ไม่ต้องละ ข้าทานมาจากข้างนอกแล้ว”

มู่ซืออวี่และเด็ก ๆ ไม่อยู่ ลู่อี้กับลู่ฉาวอวี่ก็นิสัยเหมือนกัน จัดการเรื่องราวอยู่ข้างนอกย่อมดีกว่ากลับมาเผชิญกับความหนาวเหน็บในจวนนี้

ลู่อี้ตรงไปที่ห้องตำรา

ลู่ฉาวอวี่ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาจึงลุกขึ้นค้อมคำนับให้ลู่อี้

“ท่านพ่อ…”

“ได้ยินว่าเจ้ากำลังตระเตรียมสัมภาระ กำลังจะเดินทางไกลหรือ?”

“ข้าอยากติดตามเบาะแสที่อยู่ของเด็กเหล่านั้น” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย

“ไหนลองเล่าความคิดของเจ้าให้ข้าฟัง…”

ลู่ฉาวอวี่จึงบอกเรื่องที่ตนคาดเดาออกมา

“ลูกคิดว่าพวกมันเข้าไปในอาณาเขตอาณาจักรเหลียงผ่านเส้นทางน้ำ”

“หากไปถึงอาณาจักรเหลียง คิดจะหาเด็กเหล่านั้นกลับมาย่อมไม่ง่ายดาย หากเกิดข้อพิพาทขึ้น ย่อมนำไปสู่ความบาดหมางระหว่างสองอาณาจักร” ลู่อี้เอ่ย “เจ้ามีหนทางรับมือแล้วหรือยัง?”

“ยังไม่มีขอรับ ลูกตัดสินใจว่าจะค่อยเป็นค่อยไป เรือถึงท่าย่อมจอดได้ตรงเองขอรับ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย

ลู่อี้หยิบป้ายเหล็กรูปขนนกชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ

“นี่เป็นป้ายคำสั่งขนนก” ลู่อี้เอ่ย “เป็นป้ายคำสั่งที่ใช้ในการติดต่อหน่วยข่าวกรองของเรา เจ้านำมันไปเถิด หากต้องการความช่วยเหลือ ให้ไปหาร้านที่มีรูปร่างขนนกในที่นั้น ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ”

“ขอบคุณท่านพ่อ”

“ไม่ว่าจะตามกลับมาได้หรือไม่ ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด” ลู่อี้เอ่ย “อย่าปล่อยให้ตนเองได้รับบาดเจ็บเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นข้าคงอธิบายกับแม่เจ้าไม่ได้”

“ประโยคสุดท้ายจึงสำคัญที่สุดกระมังขอรับ!” ลู่ฉาวอวี่เบ้ปาก

“ผู้ใดกล่าว? เจ้าเป็นลูกชายข้า แน่นอนว่าข้าย่อมไม่อยากให้เกิดเรื่องกับเจ้า” ลู่อี้ตบไหล่เขาเบา ๆ “อย่างไรเสียหากเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้า แล้วข้าจะได้เกษียณกลับมาอยู่บ้านเมื่อใดกัน?”

ลู่ฉาวอวี่ “…”

อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ทุกคนล้วนเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องเอ่ยออกมา ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้ชัดเจนเพียงนั้น

เมื่อลู่ฉาวอวี่ไปจากเมืองหลวง ลู่อี้ก็กลับมางานรัดตัวอีกครั้ง

เซวียนอ๋องถูกลอบสังหารได้รับบาดเจ็บสาหัส จำต้องไปรักษาตัวที่หุบเขาเทพโอสถ

ฟ่านหยวนซีจัดเตรียมคนให้ขบวนหนึ่ง โดยมีแม่ทัพซูเซิ่งคุ้มกันฟ่านหยี่ยนไปยังหุบเขาเทพโอสถด้วยตนเอง

หลายวันต่อมา ทหารคนหนึ่งหอบร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหนีกลับมายังเมืองหลวง เขามารายงานฟ่านหยวนซีว่าแม่ทัพซูเซิ่งถูกลอบสังหาร เซวียนอ๋องผู้นั้นตกลงไปจากหน้าผา ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร

“ร่างของแม่ทัพซูเซิ่งอยู่ที่ใด?” ฟ่านหยวนซีเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น

“กราบบังคมทูลฝ่าบาท พวกเรานำคนไปสามสิบคน มีเพียงกระหม่อมผู้เดียวที่รอดชีวิตกลับมา กระหม่อมได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจดูแลร่างกายของแม่ทัพซูเซิ่งได้ จึงฝากเขาไว้กับชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้ ๆ นั้น…” ทหารผู้นั้นกล่าวจบก็กระอักเลือดออกมา

“ทหาร เรียกตัวท่านหมอหลวงมา!” ฟ่านหยวนซีเอ่ย

ลู่อี้มองฟ่านหยวนซี “เรื่องนี้มอบให้ลู่เซวียนจัดการเถิด! แม่ทัพซูเซิ่งเป็นพ่อตาของเขา บัดนี้ตายอยู่ข้างนอก เขาควรได้รับอนุญาตให้ไปรับร่างกลับมาและตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง”

เมื่อลู่เซวียนได้ยินเรื่องนี้ก็พลันรู้สึกหนักอึ้งในใจ

เขาไม่ได้ปิดบังซูจือหลิ่ว จึงเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง

“ข้าจะไปด้วยกันกับท่าน” ดวงตาของซู่จือหลิวแดงก่ำ นางพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองเอาไว้ “เพียงแต่ก่อนไป ข้าอยากกลับบ้านสักเที่ยว ไปบอกข่าวนี้แก่ท่านแม่…”

ซูจือหลิ่วกลับไปยังสกุลซูเที่ยวหนึ่ง เพื่อบอกเรื่องนี้กับเซี่ยวซื่อ

หลังจากเซี่ยวซื่อรู้เรื่องนี้ นางก็ขังตนเองอยู่กว่าครึ่งชั่วยาม

ซูจือหลิ่วยืนรออยู่นอกประตู ฟังเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจจากข้างใน

ถึงแม้มารดานางจะพยายามข่มกลั้นอารมณ์ของตนอย่างดีที่สุด ทว่าเสียงอันเศร้าโศกก็ยังคงเล็ดลอดออกมา

ครึ่งชั่วยามต่อมา เซี่ยวซื่อก็ออกมาแล้ว บนร่างนางสวมใส่เสื้อผ้าเรียบ ๆ นางกล่าวว่า “ข้าจะไปรับเขากับพวกเจ้า”

ขณะส่งลู่เซวียนและคนอื่น ๆ ออกจากเมือง ลู่อี้ก็กล่าวขออภัยเซี่ยวซื่อ

เซี่ยวซื่อสั่นศีรษะน้อย ๆ “ท่านอัครมหาเสนาบดีอย่าได้กล่าวเช่นนั้น เขาเป็นแม่ทัพ ท่านเป็นอัครมหาเสนาบดี ล้วนเป็นข้ารับใช้ มีข้ารับใช้ที่ใดไม่สังหารศัตรู? ฝ่าบาทจัดวางเช่นนี้ นั่นก็เพราะให้ความสำคัญกับเขา ตอนที่เขากลับมาก็บอกข้าว่า ฝ่าบาทเคยตรัสเตือนเขาแล้ว การพาเซวียนอ๋องไปหุบเขาเทพโอสถในครานี้ให้เขาระวังจะถูกคนลอบสังหารระหว่างทาง หากรู้จุดประสงค์ของเซวียนอ๋องย่อมดีที่สุด หากไม่กระจ่างก็อย่าได้มัวสู้พัวพัน รักษาชีวิตกลับมาก่อนค่อยว่ากันภายหลัง ข้าคิดว่าเขาคงระวังตัว เพียงแต่อีกฝ่ายมีเล่ห์เหลี่ยมเกินไปถึงได้ตกหลุมพราง”

“ฮูหยินโปรดระงับความเสียใจ”

“สามีข้าเป็นห่วงลูกสาวมากที่สุด ขอเพียงนางสบายดี พวกเราสามีภรรยาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก”

ลู่อี้ดึงลู่เซวียนไปยังมุมหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเบา “เดินทางครั้งนี้เกรงว่าจะไม่สงบสุขนัก เจ้ามีสตรีสองคนไปด้วย ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ข้าส่งกองกำลังไปคอยคุ้มกันพวกเจ้าอย่างลับ ๆ แล้ว ยามปกติจะไม่ปรากฏตัว มีเพียงช่วงเวลาวิกฤตจึงจะปรากฏตัวขึ้น”

“พี่ใหญ่วางใจ ข้าทราบดี” ลู่เซวียนเอ่ย “รถม้านั้นไม่ใช่รถม้าธรรมดา หากแต่เป็นรถม้าที่ข้าสั่งทำจากศิษย์ของพี่สะใภ้ ข้างในมีกลไกจำนวนมาก ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น หากพบอันตรายจริง ๆ เพียงแค่แม่ยายและหลิ่วเอ๋อร์ไม่ออกมา ย่อมไม่เกิดเรื่องอย่างแน่นอน”

“เจ้าพาพวกเขาไปกับเจ้าก็ดี ให้พวกเขาได้ผ่อนคลายความทุกข์ใจเสียหน่อย หากเจ้าคิดจะตรวจสอบสิ่งใด จะได้สะดวกขึ้น”

หลังจากส่งลู่เซวียนไปแล้ว ลู่อี้ก็สั่งให้คนของเขาจับตามองจวนเซวียนอ๋อง

ถึงแม้จวนเซวียนอ๋องจะเหลือหวางเฟยผู้ที่ไม่เป็นที่โปรดปรานเพียงคนเดียว ทว่าที่นั่นยังมีผู้ติดตามของฟ่านเหยี่ยนไม่น้อย ฟ่านเหยี่ยนไม่สนใจสตรีผู้นั้นได้ เพราะบุตรชายเพียงคนเดียวและผู้ติดตามคนสำคัญหลายคนมักจะติดตามเขาไปด้วย

ลู่อี้เข้าวังหลวงอีกครั้ง

เบื้องหน้าฟ่านหยวนซีมีป้ายชื่อของแม่ทัพหลายคน

ลู่อี้เห็นสีหน้าของเขาจึงกล่าวว่า “หากไม่รู้คงคิดว่าฝ่าบาทกำลังจะพลิกป้ายเลือกสนมแล้ว”

“ข้ากลัดกลุ้มแล้ว อย่าได้ก่อกวนเลย” ฟ่านหยวนซีโยนป้ายชื่อในมือทิ้ง “นึกไม่ถึงว่าแม่ทัพซูเซิ่งจะต้องมาสิ้นใจอยู่ตรงนี้ เป็นเพราะเชื่อใจในความสามารถของแม่ทัพซูเซิ่ง ข้าถึงได้มอบหมายหน้าที่สำคัญนี้ให้ นอกจากเขาแล้ว มอบให้ผู้ใดก็ไม่วางใจทั้งสิ้น หากรู้เช่นนี้ ยังไม่สู้… ช่างเถิด บัดนี้เอ่ยถึงเรื่องเหล่านั้นก็ไม่มีประโยชน์ แม่ทัพซูเซิ่งจากไปแล้ว ให้ผู้ใดมาแทนเขาล้วนไม่เหมาะสม”

ในราชสำนักไม่ขาดแคลนคนมีความสามารถ ทว่าผู้ที่ใช้สอยได้อย่างวางใจเหมือนกับแม่ทัพซูเซิ่งกลับมีไม่มาก

อย่าได้ดูแคลนฟ่านเหยี่ยน คนของเขาในราชสำนักยังมีไม่น้อย เพียงแต่พวกเขาหลบซ่อนตนเป็นอย่างดี แม้กระทั่งลู่อี้ก็ไร้หนทางควานหาตัวพวกเขาออกมา

“เช่นนั้นก็เลือกคนใหม่ขึ้นมาเถิด!” ลู่อี้เอ่ย “ฝ่าบาทคงฝึกฝนคนของตนไว้ไม่น้อยกระมัง? หากตอนนี้ไม่ใช้ ยังต้องรอเมื่อใดจึงจะใช้?”

“หากใช้ในยามเช่นนี้ นั่นไม่เท่ากับบอกทุกคนว่า ‘คนผู้นี้เป็นคนที่เราจัดวางไว้ เป็นผู้ที่เราไว้ใจ รีบระวังเขาไว้ให้ดี’ หรอกหรือ?”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท