ตอนพิเศษ 85 ตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น
ตอนพิเศษ 85 ตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น
อู๋ซื่อคิดได้ดังนั้นก็หันไปมองหนานหนาน
“หนานซื่อจื่อ ท่านรู้จักหลินเฟิงได้อย่างไรเพคะ?”
หนานหนานชำเลืองมองหลานสุ่ยชิงด้วยความอึดอัดใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดว่า “ความจริงข้าได้ยินสุ่ยชิงพูดเรื่องตระกูลอู๋เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าจึงเริ่มแอบสืบหาที่อยู่ของอู๋ฉางคง และรู้ว่าพวกเขาไปที่อาณาจักรจิงเหลย ต่อมาเนื่องจากสถานะที่เปราะบางของพวกเขา ทำให้ไม่เหมาะที่จะเป็นขุนนางในอาณาจักรจิงเหลย จึงลาออกและจากไป”
เมื่อเขาพูดจบ ก็มองไปที่หลานสุ่ยชิงเงียบ ๆ อีกครั้ง
หลานสุ่ยชิงรู้สึกกลัวสายตาของเขาอย่างอธิบายไม่ถูก ก่อนที่นางจะตั้งสติได้ ก็ได้ยินเขาถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “เดิมทีข้าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะข้าคิดว่าจะเก็บไว้บอกพวกท่านในอนาคต เพราะสุดท้ายตอนที่ข้าพบกับสุ่ยชิงก่อนหน้านี้ ข้าปกปิดตัวตนของข้าจนทำให้นางโกรธ ข้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่ายินดี จึงน่าจะสามารถชดเชยเพื่อลดความโกรธในใจนางได้ โชคดีที่สวรรค์ย่อมเมตตาคนเพียร ในที่สุดก็สามารถพาหลินเฟิงมาอยู่ตรงหน้าพวกท่านได้ ซึ่งก็คุ้มค่ากับการอดหลับอดนอน และการทำงานหนักมาหลายวันของข้าขอรับ”
“…” อู๋หลินเฟิงมองเขาด้วยความโกรธ ช่างไร้ยางอายนัก เห็นได้ชัดว่าเขามาที่จวนหลานด้วยตัวเอง เป็นเพราะเขาโชคร้ายที่ได้มาพบเขา แล้วตอนนี้ยังมายกความดีความชอบให้ตัวเองต่อหน้าเขาอีก ช่างไร้ยางอายนัก
“…” หนานหนานเหลือบมองไปด้านข้าง สายตาของเขาเต็มไปด้วยคำเตือนว่า หากเจ้ามีความสามารถ ก็บอกอู๋ซื่อเลยว่าเจ้าอยู่ในเมืองหลวงมาตั้งนานแล้ว ทว่าได้แต่เฝ้าดูสองแม่ลูกต้องทนทุกข์ทรมานโดยไม่ยอมปรากฏตัว หากเจ้ามีความสามารถ ก็บอกอู๋ซื่อเลยว่าเจ้ารับเงินจากหลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียน เพื่อคอยจับผิดหลานสุ่ยชิง หากเจ้ามีความสามารถ ก็บอกอู๋ซื่อเลยว่าเมื่อวานนี้เขาถูกเขาทุบตีจนแทบลุกไม่ขึ้นที่เรือนสุ่ยสี หากมีความสามารถก็บอกไปเลย
อู๋หลินเฟิง “…” เขาไม่ชื่นชมคนผู้นี้อีกต่อไปแล้ว
หลานสุ่ยชิงไม่ได้สังเกตเห็นการส่งสายตาระหว่างพวกเขา แต่ยังคงรู้สึกตกใจเล็กน้อย
ปรากฏว่าตั้งแต่เขาจากไปวันนั้น เขาก็สืบหาว่าลุงของนางอยู่ที่ไหนมาโดยตลอดงั้นหรือ?
ทั้งยังคิดจะใช้เรื่องนี้…บรรเทาความโกรธของนางด้วยหรือ?
หากบอกว่านางไม่มีความสุข ก็คงเป็นการโกหก ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะทำให้นางประหลาดใจได้เสมอ
ความจริงนางหายโกรธมาตั้งนานแล้ว
ใบหน้าของหลานสุ่ยชิงแดงก่ำ นางเผลอบิดนิ้วตัวเองโดยไม่รู้ตัว
อู๋หลินเฟิงเห็นแล้วก็แอบถอนหายใจ แน่นอนว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่เหมาะกับเจ้าคนเจ้าเล่ห์คนนี้เลย เขาเป็นห่วงอนาคตของนางมาก
โชคดีที่คนตำหนักอ๋องซิวนั้นเป็นคนดี ท่านอ๋องซิวรักษาตัวให้พ้นจากปัญหายุ่งยาก ส่วนซิวหวางเฟยก็มีชื่อเสียงที่ดีในดินแดนเหมิงเช่นกัน หากลูกพี่ลูกน้องของเขาแต่งงานแล้ว… บางทีก็คงจะไม่ถูกชายคนนี้ครอบงำ
“สุ่ยชิง เจ้าจะตำหนิซื่อจื่อได้อย่างไร? ที่ซื่อจื่อปกปิดตัวตนแสดงว่าต้องมีเหตุผลของตัวเอง เจ้าน่ะงี่เง่าเกินไป” อาจมีเพียงอู๋ซื่อเท่านั้น ที่หลังจากได้ยินคำพูดของหนานหนานก็รู้สึกกังวลมาก และอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหลานสุ่ยชิง
หนานหนานรีบพูดว่า “ฮูหยินโปรอย่าโทษสุ่ยชิงเลยขอรับ ข้าผิดเองตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อคนสองคนคบกัน ก็ควรบริสุทธิ์ใจต่อกัน แต่ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น จึงสมควรถูกโกรธแล้วขอรับ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต ข้าจะคุยกับนางทุกเรื่องขอรับ”
“…” อู๋หลินเฟิงอยากจะลากเขาออกไปต่อยจริง ๆ
“…” หลานสุ่ยชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
สีหน้าของอู๋ซื่อตื้นตันเมื่อได้ยินเช่นนั้น น้ำตาคลอเบ้า “เป็นเพราะคนในครอบครัวของเราโง่เขลา ซื่อจื่อทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเราสองแม่ลูกมามาก พวกเราขอบคุณช้าเกินไป สุ่ยชิงได้รู้จักกับซื่อจื่อ นับว่าเป็นพรอันประเสริฐของสุ่ยชิง ในโลกนี้จะมีบุรุษสักกี่คนที่จะคุยทุกเรื่องกับสตรีได้เหมือนซื่อจื่อ? ซื่อจื่อเป็นสุภาพบุรุษที่หาได้ยากเพคะ”
“ฮูหยินชมเกินไปแล้วขอรับ แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ที่ตำหนักก็พูดเช่นนี้เสมอ ดังนั้นในอนาคต เมื่อสุ่ยชิงแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิวแล้ว ฮูหยินก็ไม่ต้องกังวลนะขอรับ จะไม่มีใครทำให้นางน้อยใจขอรับ”
“แน่นอนว่าข้าไว้ใจท่านอ๋องซิวกับซิวหวางเฟย และข้าไม่สงสัยนิสัยใจคอของซื่อจื่อหรอกเพคะ เพียงแต่บางครั้งสุ่ยชิงก็เจ้าอารมณ์ เป็นการดีกว่าที่ซื่อจื่อจะไม่โต้เถียงกับนางเพคะ”
“สุ่ยชิงดีมาก ข้าจะไปเถียงกับนางได้อย่างไรเล่าขอรับ?”
“…” อู๋หลินเฟิงรู้สึกว่าเขาไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป ตอนนี้เขารู้สึกชัดเจนว่าตัวเองกำลังถูกคนอื่นหลอกใช้
เขานึกถึงตอนที่เย่ฉิงหนานพูดเสียดิบดีว่าอยากจะช่วยเขา และพาเขาไปหาอาและลูกพี่ลูกน้องของเขา คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้ว เย่ฉิงหนานจะมาหาอาของเขา แล้วทำตัวสุภาพต่อหน้านาง เพราะหมายจะฟื้นฟูความโปรดปรานจากนาง
ดูสิ อาหญิงของเขาไม่สนใจเลยว่าตอนนี้มีพวกเขาอีกสองคนอยู่ด้วย ทั้งยังมองเย่ฉิงหนานราวกับเป็นลูกชายของตัวเองด้วย
เขายังทำตัวน่ารังเกียจได้มากกว่านี้อีกหรือไม่?
หนานหนานย่อมตอบว่าได้
“ฮูหยินไม่ต้องห่วงขอรับ ข้าจะดูแลสุ่ยชิงเป็นอย่างดี หากข้ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่านางจะทำอะไร ข้าจะดูแลนางเองขอรับ”
อู๋ซื่อพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ข้าโล่งใจแล้ว วางใจได้” นางพูดพลางเริ่มเช็ดน้ำตาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
ความทุกข์ทรมานของสุ่ยชิงในชีวิตนี้สิ้นสุดลงแล้ว นางเชื่อในตัวหนานหนาน นางสามารถบอกได้ว่า นี่คือบุรุษที่แตกต่างจากรองเจ้ากรมหลานอย่างสิ้นเชิง
“…” หลานสุ่ยชิงเม้มปาก รู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง
เขาพูดถ้อยคำเหล่านี้ต่อหน้าแม่ของนางอย่างจริงจัง มันจึงน่าเชื่อถือมากกว่าพูดกับนางคนเดียว
อู๋หลินเฟิงถอนหายใจ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปเงียบ ๆ ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ท่านอา…” เขากระแอมเบา ๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะบอกสตรีสองคนตรงนี้ว่า วันนี้เขาควรจะเป็นพระเอกไม่ใช่หรือ?
หนานหนานเลิกคิ้วขณะเหลือบมองเขา
อู๋หลินเฟิงยืดตัวขึ้น ยืนนิ่งไม่ไหวติง
โชคดีที่ในที่สุดอู๋ซื่อก็กลับมามีสติ สายตาของนางจับจ้องมาที่เขาอีกครั้ง “อืม หลินเฟิง เจ้ามีอะไรจะพูดหรือ?”
“…” ท่านอา ไม่มีอะไรจะถามข้าเลยหรือขอรับ?
“… เอ่อ ท่านอา ความจริงแล้วที่ข้ามาเมืองหลวงครั้งนี้ ข้าได้รับคำสั่งจากท่านพ่อให้มาตามหาท่านอา และพยายามรื้อฟื้นคดีท่านปู่ขอรับ” ในตอนนั้นมีคนหลายคนที่ถูกองค์ชายเจ็ดสังหารอย่างไม่เป็นธรรม และคดีตระกูลอู๋ของพวกเขาก็ไม่ถือว่าเป็นคดีสำคัญ
แม้ว่าหลังจากเหตุการณ์จลาจลสงบลง ท่านอ๋องซิวได้รื้อฟื้นคดีให้กับผู้คนมากมาย แต่ถ้าจะให้ดูแลทุกคนก็เป็นไปไม่ได้
อีกทั้งตอนนั้น ยังไม่มีใครในตระกูลอู๋ไปตีกลองร้องทุกข์ต่อความคับข้องใจในเวลานั้น เพราะสองพ่อลูกตระกูลอู๋ไปอาณาจักรจิงเหลย ส่วนรองเจ้ากรมหลานผู้เป็นลูกเขยก็ไม่เต็มใจจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งยังคลางแคลงใจในตัวตนของหลานสุ่ยชิงอยู่ด้วย จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะรื้อฟื้นคดีตระกูลอู๋ได้
หลานฮูหยินสุขภาพไม่ดี นางไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ ในตอนนั้นนางทำได้เพียงป้องกันตัวเองเท่านั้น
ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกคนลืมไป
เมื่ออู๋ซื่อได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น นางก็ถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้า แล้วจับมืออู๋ซื่อหลินเฟิงขณะพูดว่า “ต้องรื้อฟื้นคดีตระกูลอู๋ให้ได้ ไม่อาจปล่อยให้ท่านพ่อของข้าแบกรับข้อกล่าวหาที่โง่เขลาเช่นนั้นได้ ไม่เช่นนั้นท่านคงตายตาไม่หลับ”
หนานหนานตบเสื้อคลุมตัวเองเบา ๆ แล้วพูดว่า “ฮูหยินอย่าได้กังวลขอรับ ข้าได้ปรึกษาเรื่องนี้กับฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้จึงได้ออกกฤษฎีกาเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ ข่าวดีน่าจะมาถึงในอีกไม่ช้าขอรับ”
อู๋หลินเฟิง “…” เหตุใดเขาต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาได้จังหวะนัก ความดีความชอบถูกแย่งไปอีกครั้งแล้ว เขาอยากจะกระอักเลือดเหลือเกิน
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าสุ่ยชิงจะได้อยู่อย่างสงบในตำหนักอ๋องซิวไหม ในเมื่อว่าที่สามีไร้ยางอายขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)
———————-