ตอนพิเศษ 116 ไม่มียาแก้พิษ
ตอนพิเศษ 116 ไม่มียาแก้พิษ
เมื่อเห็นบาดแผลของนางเปิด เนี่ยนเนี่ยนก็วางขวดยาในมือลงทันที แล้วขยิบตาให้เป่ยเป่ย
เย่ฉิงเป่ยรีบออกจากรถม้าอย่างรวดเร็ว แล้วม่านรถม้าก็ปิดลงอีกครั้ง ก่อนที่เนี่ยนเนี่ยนจะเริ่มพันแผลของเริ่นเมิ่ง
“เจ้าจะพยายามอย่างหนักไปเพื่ออะไร? เหวินหย่าก็ยังอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
เริ่นเมิ่งถอนหายใจ ขณะพิงผนังรถม้าและปล่อยให้เนี่ยนเนี่ยนช่วยทำแผลให้ เมื่อได้ยินนางพูดถึงเหวินหย่า ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ร่างที่เดินเข้ามาหลังจากนั้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าฝีมือของแม่นางเหวินจะดีถึงเพียงนี้ ข้าประหลาดใจมาก”
แม้ว่าเมื่อครู่นี้นางจะเข้าประจัญบานกับพวกโจร แต่นางก็ยังมองเห็นร่างของเหวินหย่าได้จากหางตา
พวกโจรที่ต้องการเข้าใกล้รถม้าไม่มีโอกาสได้ลงมือเลยก็ถูกเหวินหย่าตัดหัวทันที ไม่ว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงใด ก็ไม่มีใครเข้าถึงตัวนางได้
เริ่นเมิ่งรู้สึกว่าฝีมือของเหวินหย่าผู้นี้ เทียบได้กับนางเองหลังจากฟื้นตัว
ไม่สิ อาจจะดีกว่า
เหวินหย่ายิ้มให้นาง รอยยิ้มของนางช่างเหมือนกับหงเย่มารดาของนางนัก เมื่อนางยิ้มจะดูน่ารักอ่อนหวานยิ่ง ตรงข้ามกับท่าทางเย็นชาขณะสังหารพวกโจรเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง
นางดูค่อนข้างอ่อนน้อมถ่อมตนขณะพูดว่า “นายท่านและฮูหยินมอบความไว้วางใจ ให้ข้าคอยรักษาความปลอดภัยให้นายน้อยและคุณหนู ข้าย่อมต้องพยายามให้ถึงที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้พวกท่านได้รับอันตราย”
เริ่นเมิ่งพยักหน้า “มีปรมาจารย์เช่นเจ้าอยู่ข้างกาย ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เนี่ยนเนี่ยนจะนั่งในรถม้าได้อย่างปลอดภัย”
เนี่ยนเนี่ยนผูกผ้าพันแผล ยักไหล่และพูดว่า “มีเหวินหย่าอยู่ที่นี่ ข้าไม่ต้องกังวลเรื่องการนอนในรถม้าสักนิด”
เริ่นเมิ่งยิ้มและไม่พูดอะไรอีก แต่ในใจนางรู้สึกว่าเนี่ยนเนี่ยนเป็นหญิงสาวที่ไม่สนใจโลก และความคิดของนางค่อนข้างไร้เดียงสา
แม้ว่าวรยุทธ์ของเหวินหย่าจะอยู่ในระดับดี แต่หากต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ตัวจริง ก็คงเป็นเรื่องยากมากที่จะรับมือ
ยิ่งกว่านั้น ในอาณาจักรเทียนอวี่มีตระกูลที่สืบทอดวรยุทธ์มารุ่นสู่รุ่นมากมาย และมีปรมาจารย์ผู้มีวรยุทธ์แกร่งกล้าที่แท้จริงนับไม่ถ้วน
แต่โชคดีที่ไม่มีกลุ่มใดมาเป็นตัวก่อกวน การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างสงบและปลอดภัย ในที่สุดก็ใกล้ถึงโดยสวัสดิภาพ
จะไปถึงเมืองหลวงในอีกไม่กี่วัน พวกนางบอกไว้ว่าจะไปเยี่ยมญาติ จึงถึงเวลาที่พวกนางจะต้องแยกทางกันแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เริ่นเมิ่งก็ยังลังเลเล็กน้อย
แม้ว่านางจะแก่กว่าเนี่ยนเนี่ยนไม่กี่ปี แต่สภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตของนาง ทำให้นางแทบไม่มีเพื่อน คนเดียวที่นางสนิทมากที่สุดคือคู่หูที่ทำงานด้วยกัน
นางไม่เคยใช้เวลาหลายวันกับคุณหนูเช่นนี้ จึงไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน หลังจากการเดินทางครั้งนี้ นางนอนอยู่ในรถม้าของเนี่ยนเนี่ยน ราวกับว่านางได้ใช้เวลาว่างที่หาได้ยาก ซึ่งทำให้นางค่อนข้างอยากจะอยู่ต่อ
เนี่ยนเนี่ยนมีนิสัยแปลก ๆ แต่นางก็มีจิตใจดี ถ้าไม่ใช่เพราะสถานะของนาง นางก็อยากจะเป็นเพื่อนกับเนี่ยนเนี่ยนจริง ๆ…
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” เนี่ยนเนี่ยนดึงมือกลับไปนานแล้ว แต่เริ่นเมิ่งยังคงก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไร
จึงอดไม่ได้ที่จะเรียกนาง
เริ่นเมิ่งกลับมามีสติทันที เมื่อนางได้ยินเสียงของเนี่ยนเนี่ยน นางก็ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหัวเราะ แล้วตอบว่า “ไม่มีอะไร แค่เมื่อครู่นี้ข้าเปิดม่านรถเข้ามา ข้าเห็นว่าดูเหมือนว่าเจ้าจะมีขวดอยู่มากมาย ไม่ทราบว่าสิ่งนั้น… เอาไว้ใช้ทำอะไรหรือ?”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางติดตามเนี่ยนเนี่ยนและเห็นขวดยาจำนวนมาก แต่สิ่งที่ขวดยาปกติที่นางเห็นมักเป็นสีขาวหรือดำ นางไม่เคยเห็นขวดสีสดใสที่เกือบจะแสบตาเช่นนี้มาก่อน
เริ่นเมิ่งไม่สามารถบอกได้ว่าตนรู้สึกอย่างไร แต่เพียงแค่มองปราดเดียว นางก็รู้สึกราวกับว่านางเห็นมันเปื้อนเลือด ซึ่งทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ราวกับว่า… มีแรงดึงดูดกระตุ้นความกระหายเลือดในใจนาง
เนี่ยนเนี่ยนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปหยิบของในกล่องออกมา “เจ้าหมายถึงสิ่งนี้หรือ?”
“อืม”
เนี่ยนเนี่ยนหยิบขวดออกมา แล้วพูดว่า “นี่คือยาพิษที่ข้าคิดค้นขึ้นมา”
เริ่นเมิ่งสะอึก “ยาพิษหรือ?” นางอึ้ง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามเสียงเบาว่า “มีฤทธิ์เป็นอย่างไร?”
“ขวดแรกนี้” เนี่ยนเนี่ยนหยิบขวดแรกขึ้นมา แล้วอธิบายว่า “ยานี้ฤทธิ์ค่อนข้างอ่อน ยาขวดนี้ไม่มีสีและไม่มีรส ถ้าคนกินเข้าไปก็จะไม่เจ็บปวดมากนัก หากคนกินตอนกลางคืน มันจะออกฤทธิ์ขณะนอนหลับ และจะเสียชีวิตอย่างกะทันหันในวันรุ่งขึ้น การตายอย่างกะทันหันเป็นเรื่องปกติ ย่อมไม่ก่อให้เกิดความสงสัย ยานี้จึงเหมาะสำหรับการลอบสังหาร”
เมื่อนางพูดแบบนี้ สีหน้าของนางก็แปลกไปมาก มันดูค่อนข้างน่าขนลุก ดูเหมือนว่า… ดูเหมือนว่า… อ่า ใช่แล้ว ดูเหมือนว่านางจะมีศัตรูอยู่ในใจแล้ว และยานี้ได้รับคิดค้นมาเป็นพิเศษเพื่อใช้กับศัตรูผู้นั้น
ถึงกับคิดค้นขึ้นมาเช่นนี้ ความแค้นในใจนางคงจะฝังรากลึกทีเดียว
“นี่คือขวดที่สอง” เนี่ยนเนี่ยนพูดดังขึ้นเล็กน้อย ก่อนหยิบขวดสีแดงข้างนางขึ้นมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยานี้มีฤทธิ์แรงกว่า หลังจากกินเข้าไป รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะระเบิด เหมือนไฟลุกโชนทั่วตัว แต่ไม่เจ็บปวดทรมานมาก อาการแสบร้อนจะคงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจะมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด ยานี้จึงเหมาะสำหรับการฆ่าด้วยความเกลียดชัง”
เริ่นเมิ่งขมวดคิ้ว เนี่ยนเนี่ยนอธิบายคุณสมบัติทางยาของยาเหล่านี้ได้หน้าตาเฉยเกินไปหรือเปล่า?
“นี่คิดขวดที่สาม” เนี่ยนเนี่ยนหยิบอีกขวดขึ้นมา “ยานี้ฤทธิ์รุนแรงกว่าสองขวดก่อนหน้านี้ คนที่กินยานี้จะทรมานราวกับถูกแทงด้วยมีด แต่เป็นการแทงพลาดจุดตาย จึงทำให้คนที่กินอยากตาย แต่ตายไม่ได้ ต้องทรมานทั้งวันทั้งคืน จนกว่าทวารทั้งเจ็ดจะหลั่งเลือดออกมา ทำให้สภาพศพไม่ค่อยดีนัก ยานี้จึงเหมาะกับการฆ่าด้วยความรักเป็นที่สุด”
เริ่นเมิ่งเม้มปาก มองขวดยาเหล่านั้นและมีคำถามในใจ
ขวดยาเหล่านี้มีสีเดียวกัน ความสูงเท่ากัน และรูปร่างยังเหมือนกันด้วย มันไม่มีสัญลักษณ์ใด ๆ เลย แล้วเนี่ยนเนี่ยนสามารถแยกออกได้อย่างไร?
“นี่คือขวดที่สี่” เมื่อเนี่ยนเนี่ยนพูดถึงขวดที่สี่ น้ำเสียงของนางก็ฟังดูสบาย ๆ “ยานี้เป็นยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า หลังจากกินเข้าไปแล้วจะไม่รู้สึกอะไรเลย จึงไม่มีทางตรวจพบได้ ไม่มีอาการผิดปกติ แต่ร่างกายจะผอมลงทุกวันราวกับทำงานหนักเกินไป และหลังจากนั้นอีกสองเดือนก็จะตาย ดังนั้นยานี้จึงเหมาะกับคนอาฆาตพยาบาท”
เริ่นเมิ่งกลืนน้ำลาย เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยนกำลังจะหยิบขวดที่ห้าขึ้นมา ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าทำทั้งหมดนี้เองหรือ?”
“อืม” เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้า แล้วตบมือไปมาด้วยท่าทางสงบ “ข้าทำมันตอนที่ข้าเบื่อ”
“แล้วมียาแก้พิษหรือไม่?” พูดตามตรง เริ่นเมิ่งยังไม่เชื่อว่ายาเหล่านี้จะมีพิษร้ายแรงมากมาย เพราะอย่างไรเสีย เนี่ยนเนี่ยนก็เกือบจะหลับตาหยิบขวดยาขึ้นมา นางก็คงไม่รู้หรอกว่าเป็นยาชนิดไหนแน่
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เริ่นเมิ่งก็เข้าใจด้วยว่าเนี่ยนเนี่ยนนั้น บางครั้งก็ไม่น่าเชื่อถือ
เนี่ยนเนี่ยนมองขวดสีแดงสด คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกยิ้ม “ไม่มียาแก้พิษ”
“…” เริ่นเมิ่งไม่เชื่อในประสิทธิภาพยาของนางยิ่งกว่าเดิม
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อาจจะมียาแก้แหละ แต่ก็มีเพียงเนี่ยนเนี่ยนคนเดียวที่รู้
ไหหม่า(海馬)